บทที่ 1 - เธอ...ปาลิน 2
“เมย์ ถามอะไรอย่างสิ” เขาเกริ่นนำ
“ฉันรู้จักเธอมาสิบปีได้ ตั้งแต่วันนั้น วันที่ฉันเจอเธออยู่ข้างถังขยะพร้อมกับเด็กผู้ชายคนหนึ่ง ซึ่งป่านนี้เขาก็คงจะโตเป็นผู้ใหญ่พอๆ กับฉัน” ปาลินเงยหน้ามองคนที่คิดว่าตัวเอง ‘โตเป็นผู้ใหญ่’ ที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามพลางนึกในใจว่าอย่างราฟาเอลนั้นยังห่างไกลคำว่าผู้ใหญ่อยู่เยอะมากทีเดียวและอีกอย่างคือเธอไม่อยู่ข้างถังขยะแต่กำลังเล่นหิมะอยู่ในสวนสาธารณะต่างหากล่ะ
“ฉันแค่อยากถามเธอว่าอาหารที่นี่อร่อยมั้ย?” คิ้วโก่งสวยของหญิงสาวพุ่งชนกันในทันทีที่ได้ยินคำถามของเขา
“คุณราฟ” สาวคิ้วสวยเอ่ยชื่อเล่นเขาด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ ก่อนปรับให้เป็นปกติเหมือนเดิม “คุณอยากรู้อะไรกันแน่คะ ถ้าจะถามถึงเด็กผู้ชายเมื่อสิบปีก่อนคนนั้น ฉันก็คงจะตอบไม่ได้เหมือนกันว่าฉันไม่รู้เพราะหลังจากวันนั้นฉันก็ไม่เคยเจอเขาอีกเลย”
ปาลินพูดจากใจจริงส่วนท้ายของน้ำเสียงเจือแววเศร้าอย่างที่คนฟังจับความรู้สึกได้ เมื่อเธอเอ่ยถึงเด็กหนุ่มวัยรุ่นคนนั้นดูแล้วเขาก็คงจะรุ่นราวคราวเดียวกันกับราฟาเอลนี่แหละ แต่ดูจากลักษณะท่าทางและแววตาแล้ว เขาคงเป็นผู้ใหญ่มากกว่าคนที่นั่งอยู่ตรงข้ามเธอตอนนี้มาก
“คุณอยากเจอเขาเหรอ?” เสียงทุ้มถามขึ้น
“เปล่า! ฉันไม่เคยพูดว่าอยากเจอเขา”
“แต่ก็คงหวังอยู่ คุณรู้มั้ยเมย์ว่าผมรู้สึกอิจฉาเขาขนาดไหน? ...ที่คุณยังรอเขาอยู่”
ดวงตาของคนทั้งคู่สบตากันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ด้วยความหมายและอารมณ์ที่ต่างกัน ก่อนที่ดวงตาสีฟ้าของหนุ่มมะกันเชื้อสายอังกฤษอย่างราฟาเอลจะเปลี่ยนไปมองจานสเต๊กของตัวเองเพื่อหลบดวงตาสีดำราวกับท้องทะเลในยามค่ำคืนของปาลิน
“ผมรู้สึกเหมือนคุณยังไม่ลืมเขา รู้สึกเหมือนว่าเขายังวนเวียนอยู่ใกล้ๆ รอบๆ ตัวคุณ”
“ฉันไม่ฉลาดขนาดนั้นหรอกค่ะคุณราฟ ฉันไม่เข้าใจความหมายของคุณ”
“สิบปีเมย์ สิบปีที่ผมรู้จักกับคุณ คุณรู้ว่าผมรู้สึกอย่างยังไง คงไม่ใช่น้องสาวแน่คุณก็รู้ แต่คุณก็มองข้ามและเมินเฉยความรู้สึกของผมทำไมล่ะเมย์ ทำไมไม่เปิดใจยอมรับผมบ้าง ผมแค่อยากเป็นคนที่คุณไว้ใจและเชื่อใจได้แต่ไม่เคยเลย ไม่เคยมีโอกาสนั้นสำหรับผมเลย”
ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมเขาถึงได้ชวนปาลินเข้าโหมดดราม่าเช่นนี้ทั้งที่เวลาทานข้าวกับหญิงสาวทีไร เขาจะรู้สึกสุขใจทุกครั้งอย่างประหลาด คงเป็นเพราะเหตุผลนี้ละมั้งเขาจึงได้กล้าพูดในสิ่งที่เรียกว่า ‘ความในใจ’ ออกมาเขากลัวผู้ชายคนนั้นกลับมาแล้วเขาจะสูญเสียเธอไป
“ฉันยังยืนยันในสิ่งที่ฉันเคยพูดออกไปค่ะคุณราฟ” ปาลินตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบแต่ทว่าหนักแน่น เธอตรงไปตรงมากับความรู้สึกของตนเองเสมอโดยเฉพาะเรื่องของเด็กหนุ่มในอดีตคนนั้น
“และฉันคงไม่มีวันเปลี่ยนใจ คุณเป็นพี่ชายที่ฉันรักและเคารพเพียงคนเดียวของฉันนอกจากคุณแล้วโลกใบนี้ฉันก็ไม่มีใครคุณก็รู้...ฉันเชื่ออย่างนั้น”
แววตาของหญิงสาวขณะเอ่ยถ้อยคำที่คนฟังอย่างราฟาเอลฟังแล้วถึงกับถอนหายใจ...ใช่! เขารู้สึกท้อแต่เขาก็ไม่เคยล้มเลิกความคิดนั้นและยังคงหวังว่าจะทำให้เป็นจริง
“เอาเถอะเมย์ ถ้าคุณยืนยันอย่างนั้นผมก็ไม่ได้ว่าอะไรและคุณก็คงจะไม่ว่าอะไรใช่มั้ย?ถ้าผมก็ยังยืนยันคำเดิมเหมือนกัน” คนทั้งคู่เงยหน้าสบตากันอีกครั้ง
“คุณเป็นของผมแล้วตั้งแต่เมื่อสิบปีก่อน ตอนนี้และตลอดไป” แววตาคมกล้าสบตามองหญิงสาวอีกครั้งที่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่น ก่อนที่ทั้งคู่จะละสายตาจากกันแล้วต่างจัดการอาหารของตัวเองต่อไป
ร่างสูงในชุดสูทสีดำยืนหันหน้าออกนอกหน้าตาด้วยใจครุ่นคิด สิ่งที่เขาเห็นในวันนี้คือสิ่งที่เกินกว่าที่เขาเคยคาดคิดไว้มาก เด็กสาวคนหนึ่งในมุมมืดของผับใจกลางเมืองใหญ่ของอเมริกาเธอนั่งขดอยู่ในซอกมุมใต้โต๊ะติดผนังกำแพง สายตาเธอบ่งบอกว่าระแวงและหวาดกลัว เนื้อตัวสั่นเทาแต่งกายด้วยเสื้อผ้าที่ล่อแหลมสายตา สองมือน้อยตระกองกอดตัวเองไว้ราวกับเธอนั้นเหน็บหนาวแสนหนักหนาทั้งที่ตอนนี้เริ่มเป็นช่วงเริ่มต้นเข้าฤดูใบไม้ผลิแท้ๆ ดวงตาสีดำกลมโตจ้องมาที่เขาในสายตานั้นราวมีคำถาม
แต่แล้วก็มีเสียงหนึ่งแทรกขึ้นในระหว่างที่เขากำลังพยายามใช้สายตาสื่อสารกับเด็กสาวผู้น่าสงสัยและน่าสงสารในคราวเดียวกัน
สิ่งที่เขาคิดในตอนนั้นคือเธอถูกหลอกให้มาค้าประเวณีหรืออะไรทำนองนี้หรือเปล่า ‘แล้วถ้าเธอไม่ได้ถูกหลอกแต่เต็มใจมาล่ะ’
ความคิดของชายหนุ่มในตอนนั้นช่างขัดแย้งกันซะจนเขาไม่รู้ว่าจะจัดการกับมันอย่างไร ‘ปล่อยเธอไว้เหมือนเดิมแบบนั้นเหมือนไม่เคยเห็น หรือเขาจะยื่นมือเข้าไปเกี่ยวข้องกับสาวเอเชียคนนั้นดี?’ แล้วสิ่งที่สมองสั่งการคือให้ขาเขาเดินไปข้างหน้าในตอนนั้น ‘เขาขอซื้อบริการจากเธอ’
ทั้งที่การค้าประเวณีนั้นเป็นสิ่งที่ผิดกฎหมายและเป็นสิ่งต้องห้ามในหลายประเทศแต่ในโลกเสรีอย่างอเมริกาแม้มีเพียงรัฐเนวาดารัฐเดียวเท่านั้นที่การค้าประเวณีเป็นสิ่งถูกกฎหมายแต่การทำผิดกฎหมายก็เป็นเครื่องมือในการทำมาหากินของอาชญากรในหลายๆ รูปแบบ ไม่เว้นแม้แต่ในมหานครนิวยอร์กแห่งนี้ที่ที่คนทั่วโลกมองว่าเป็นเมืองสวรรค์ ซึ่งเขาคิดว่าบางทีไม่อาจจะไม่ใช่ทั้งหมด
ก่อนที่ความคิดของชายหนุ่มจะไหลลื่นต่อไปอย่างกู่ไม่กลับ เสียงเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นขัดจังหวะเขาเสียก่อน
“คุณไคล์ครับ ถึงเวลาประชุมแล้วครับ” ร่างสูงพยักหน้าเพียงนิดเป็นการรับรู้โดยไม่ได้หันกลับมามองลูกน้องแต่อย่างใด สายตาของเขายังทอดมองไปยังท้องถนนที่เต็มไปด้วยรถรามากมายและการจราจรที่แสนวุ่นวาย แม้ความคิดของเขาเกี่ยวกับเด็กสาวคนนั้นจะหยุดลงแล้วแต่เขาก็ยังจำใบหน้า น้ำเสียงและเหตุการณ์ระหว่างเขาและเธอได้อย่างไม่เคยลืมเลือน แม้ว่าเวลาจะผ่านมากว่าสิบปีแล้วก็ตาม
การประชุมประจำปีของบริษัทในเครือคาร์ดิตัน กรุ๊ป ผ่านไปด้วยดีอย่างราบรื่นและช่างแสนน่าเบื่อหน่ายในความรู้สึกของประธานบริษัทอย่างไคล์คาร์ดิตัน ผู้กุมบังเหียนของธุรกิจผลิตชิ้นส่วนรถยนต์รายใหญ่ของโลกและมีบริษัทในเครืออีกหลายแห่งทั้งในอเมริกาและแคนนาดาแต่ส่วนมากฐานการผลิตอยู่ที่เอเชียทั้งไทย เวียดนามและฟิลิปปินส์
ร่างสูงสมส่วนแบบคนออกกำลังกายก้าวเดินออกจากห้องประชุมในทันทีที่การประชุมสิ้นสุดลง แม้วาระการประชุมในวันนี้เป็นเรื่องที่หนักหนาพอสมควรเนื่องจากคาร์ดิตันกรุ๊ปจะมีการวางแผนการผลิตรถยนต์เป็นของตัวเองนอกเหนือจากการผลิตชิ้นส่วนเพียงอย่างเดียวเหมือนที่เคยทำมา
กว่าคาร์ดิตันกรุ๊ปจะมั่นคงอย่างนี้ได้เรียกได้ว่าไคล์ฝ่าฟันอุปสรรคและวิกฤตเศรษฐกิจมาพอพอสมควรกว่าที่จะผงาดในวงการได้อย่างทุกวันนี้ หากย้อนไปเมื่อสิบกว่าปีก่อนคาร์ดิตันเป็นเพียงบริษัทขนาดใหญ่เพียงบริษัทเดียวไม่ได้มีเครือข่ายมากมายอย่างเช่นทุกวันนี้
ปู่ของไคล์สร้างมันขึ้นมาด้วยอาชีพช่างกลที่เขามีติดตัวแล้วพัฒนาฝ่าฟันสู้จนได้เป็นเจ้าของบริษัท แต่แล้วการไว้ใจคนผิดก็ทำให้บริษัทเกิดปัญหาภายในขึ้น ตอนนั้นเองที่ไคล์ต้องบินกลับจากอังกฤษมาเพื่อช่วยปู่และพ่อของเขาในการทวงบริษัทที่ถูกโกงไปคืนกลับมา โชคดีที่ไคล์รู้จักรุ่นพี่ที่เป็นทนายในมหาวิทยาลัยชื่อดังของอังกฤษที่เขาศึกษาอยู่มาช่วยในเรื่องของคดีครอบครัวเขาจึงได้บริษัทกลับคืนมา แต่แล้วเหมือนเมฆฝนยังไม่หายไปจากครอบครัวเขาปู่ของเขาเสียชีวิตลงหลังจากนั้นเพียงสองวัน
ในตอนนั้นทุกคนต่างก็พากันตั้งตัวไม่ติด ดีใจได้ไม่เท่าไหร่กลับต้องมาเสียใจเรื่องเสาหลักอย่างปู่ของเขาที่จากไป บริษัทที่ขาดหัวเรือใหญ่ย่อมไร้ทิศทาง ตอนนั้นยังไม่มีใครรู้ชะตากรรมของคาร์ดิตันว่าจะเดินหน้าไปหนทางไหนเหล่าพนักงานจึงพากันลาออกไปเกินหกสิบเปอร์เซ็นต์ของพนักงานที่เหลืออยู่ ด้วยความที่เขาเป็นลูกชายเพียงคนเดียวการทำตัวเป็นที่เพิ่ง ของครอบครัวจึงเป็นสิ่งที่ไคล์ควรทำให้ดีที่สุด