บทที่ 1 - เธอ...ปาลิน 1
“เอาอีกแล้วเมย์ คุณหนีมาหลบอยู่ที่นี้อีกแล้วนะไม่เบื่อบ้างรึไง หลบมาทีไรก็มายืนมองเทพีเสรีภาพทุกทีไม่คิดจะไปซ่อนที่อื่นบ้างหรือไงกัน”
หญิงสาวหันมามองต้นเสียงที่บ่นเธอตั้งแต่ตัวยังเดินมาไม่ถึงจุดที่เธอยืนอยู่ด้วยซ้ำ แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรจึงหันหน้ากลับไปมองรูปปั้นที่สูงตระง่านเสียดฟ้าอยู่ตรงหน้าเธอต่อ เพราะชินแล้วที่เขาบ่นเธออย่างนี้มาตั้งแต่เธออายุสิบห้า ด้วยความหวังดีในแบบฉบับของเขานั่นแหละ
“แน่ะ พูดให้แล้วยังจะทำเป็นหูทวนลมอีกนะ”
คราวนี้ชายหนุ่มร่างใหญ่ตามเชื้อสายอเมริกันเดินตรงเข้าไปแล้วจัดการยีหัวคนตัวเล็กที่ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ได้อย่างน่าหมั่นไส้
“เอ๊ะ นี่พอแล้วนะคุณราฟ พอได้แล้ว” คนตัวเล็กโวยวาย
“ก็อยากทำหูทวนลมใส่ฉันก่อนทำไมล่ะ หืม..”
ว่าแล้วก็จัดการยีหัวคนตัวเล็กอีกรอบ ด้วยร่างกายที่สูงใหญ่กว่าจึงทำให้ ปาลินไม่สามารถต่อกรกับราฟาเอลได้เลยถึงเธอจะชื่อว่าเป็นผู้หญิงตัวเล็กแต่เธอก็มีความสูงถึงร้อยเจ็ดสิบสี่เซนติเมตรแต่ก็คงเทียบอะไรไม่ได้กับผู้ชายอเมริกันเชื้อสายอังกฤษที่สูงหนึ่งร้อยแปดสิบห้าอัพอย่างราฟาเอลแน่นอน เมื่อทั้งคู่แกล้งกันไปแกล้งกันอย่างจนเหนื่อยหอบแล้วแต่ละคนก็ทรุดนั่งลงตรงทางเดินอย่างหมดเรี่ยวแรง
“เธอนี่ชอบพาฉันเล่นอะไรเด็กๆ แบบนี้อยู่เรื่อยเลยนะ ดูสิ เหงื่อท่วมไปหมด เหม็นแย่” หญิงสาวมองค้อนคนตัวโตไปหนึ่งที แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรเพราะคนอย่างราฟาเอล รอสเดลล่านั้น จะถูกจะผิดอะไรก็ไม่สนทั้งนั้นก็ให้ได้พูดในสิ่งที่ตนคิดเป็นพอ
“มองค้อนฉันทำไม?” คนตัวโตยังหาเรื่องไม่เลิกตามนิสัย หนุ่มหล่อ พ่อรวย มีเสน่ห์ ขี้เล่นและเจ้าชู้ ยิ่งเห็นผู้หญิงที่รัก...เหมือนน้องสาวอย่างปาลินนั่งทำหน้าเศร้าเหมือนอย่างก่อนหน้านี้ด้วยแล้ว เขายิ่งอยากจะแกล้งเข้าไปใหญ่ เหมือนรู้ดีว่าหากไม่ใช่เรื่องที่สำคัญจริงๆ หรือเป็นอะไรที่เหลือบ่ากว่าแรงจนเจ้าตัวรับไมไหวแล้ว หล่อนจึงจะยอมเปิดปากเล่าให้ใครสักคนฟังและเขาก็หวังมาตลอดว่าตนเองอาจจะได้เป็นคนคนนั้นบ้างเมื่อถึงเวลา
“กลับได้ยัง หิวแล้ว” ชายหนุ่มยังเรียกร้องความสนใจอย่างไม่ยอมแพ้ง่ายๆ
“ก็ไม่ได้บอกให้มานิ” ปาลินแกล้งรวน ราฟาเอลหันมองหน้าอีกฝ่ายพลางนึกในใจว่า ‘คงดีขึ้นแล้วสินะ’
“ก็กลัวมีคนอยากจะตายด้วยวิธีแปลกๆ อย่างเช่น ปีนขึ้นไปบนเทพีแล้วกระโดดลงมา แต่เตือนไว้ก่อนนะว่ากว่าเธอจะขึ้นไปจนถึงจุดที่จะกระโดดลงมาได้ ตำรวจคงได้มาลากเธอลงมาก่อน” หญิงสาวมองหน้าพี่ชายร่วมโลกอย่างอึ้งๆ‘เขาคิดได้ยังไงเนี่ย บ้าบอจริงๆ’
“หิวไม่ใช่เหรอ” คนขี้แกล้งพยักหน้ารับ
“งั้นก็ไปสิ แต่คุณต้องเลี้ยงนะรู้ใช่มั้ย?” คนขี้แกล้งพยักหนักอีกรอบพร้อมกับการเดินมาจูงมือหญิงสาวไป
จุดมุ่งหมายคือบรรดาร้านรวงต่างๆ ที่อยู่อีกด้านของฝั่งถนน ชายหนุ่มหมายตาร้านที่เขาจะพาปาลินไปกินข้าวไว้ในใจแล้วเป็นร้านอาหารขนาดกลางไม่ใหญ่มากภายนอกดูธรรมดาแต่ดึงดูดสายตาด้วยรถจักรยานดอกไม้ทั้งสองข้างของประตูตกแต่งคล้ายสไตล์วิลเทจอย่างที่สาวๆ หลายคนชอบแต่ภายในร้านกลับตรงกันข้ามเป็นการตกแต่งแบบเรียบหรู สะอาดและดูมีระดับด้วยโทนสีขาวดำเด่นตรงที่ภาชนะของทางร้านไม่ว่าจะเป็นแจกัน ถ้วย จาน กลับเป็นสีจัดจ้านอย่างสีส้ม แดง เขียว ชมพูเป็นต้น
“นี่คุณจะไปกินอะไรคะคุณราฟ” เสียงราบเรียบของหญิงสาวเรียกให้เขาตื่นจากภวังค์
“นั่น” เขาชี้ไปที่ร้านที่เขาหมายตาไว้ ความจริงเขาผ่านร้านนี้ตั้งหลายครั้งแต่ก็ไม่มีสักครั้งที่จะคิดลองทานอาหารร้านนี้ ‘สงสัยรอมากินกับเธอแน่เลยปาลิน เขาตอบตัวเองในใจ’
“มานี่มา” มือใหญ่คว้าข้อมือเล็กมาไว้ในการควบคุมเมื่อถึงเวลาที่ต้องข้ามถนนเขาทำเช่นนี้ทุกครั้งที่มาด้วยกัน ตั้งแต่เธอมาอยู่อเมริกาใหม่ๆ ตอนอายุสิบห้า
สองหนุ่มสาวเดินจับมือกันไปท่ามกลางบรรยากาศใกล้ค่ำเมื่อดวงตะวันใกล้จะลาลับขอบฟ้าเต็มทีของใจกลางเมืองหลวงที่ไม่เคยมีค่ำคืนไหนที่เงียบสงบ
“เมย์ระวัง!”
เสียงร้องตะโกนจากชายหนุ่มข้างตัวดังขึ้นในนาทีที่เขาเข้าประชิดตัวเธอเพื่อดึงให้หลบพ้นจากยานพาหนะที่มุ่งตรงมาทางที่คนทั้งสองอย่างไม่คิดชะลอความเร็วอย่างที่ควรจะเป็น
“บ้าชิบ!” ราฟาเอลสบถอย่าหัวเสียกับเหตุการณ์ที่ผ่านไปเมื่อไม่กี่วินาทีที่แล้ว ทั้งสองหลบรถคันนั้นอย่างหวุดหวิดและเป็นที่หวาดเสียวของผู้ที่เห็นเหตุการณ์ คนทั้งคู่ล้มทับก้นกระแทกอยู่กับพื้นเนื้อตัวมีรอยถลอกอยู่โดยทั่วเนื่องจากช่วงนี้เป็นฤดูร้อนจึงไม่สวมใส่เสื้อผ้าที่หนามานัก
“เจ็บมากมั้ย?ไปหาหมอรึเปล่า” ราฟาเอลหันมาถามหญิงสาวที่เมื่อสักครู่ล้มทับเขาแทบไม่เป็นท่า แต่ก็ได้การส่ายหน้าตอบกลับมาจากคนปากแข็งอีกตามเคย
ชายหนุ่มส่ายหน้าให้สไตล์การขับรถแบบ ‘ตามใจฉัน’ ของคนขับรถคันเมื่อครู่แถมยังเสียนิสัยด้วยการเฉี่ยวแล้วชิ่งอีกต่างหาก ดีแค่ไหนแล้วที่เขากับปาลินไม่เป็นอะไรมากมีแค่แผลถลอกเล็กน้อยและเจ้าตัวก็ไม่ได้ใส่ใจจะเอาความอะไรชายหนุ่มเลยจำต้องปล่อยผ่านไป
‘แต่ถ้าหากเมย์เป็นอะไรมากไปกว่านี้ล่ะก็ ต่อให้ใหญ่แค่ไหนราฟาเอลรอสเดลล่าคนนี้ก็ไม่กลัวจะลากคนทำผิดมารับลงโทษให้ได้’
เขาคิดในใจอย่างนี้ทุกครั้งที่มีเรื่องราวอะไรเกิดขึ้นกับปาลิน แต่เมื่อหญิงสาวออกปากว่าไม่เป็นไรเขาก็จะยอมอ่อนลงเสมอเพราะราฟาเอลรู้ดีว่าปาลินคือจุดอ่อนของเขาในทุกด้าน
เมื่อทั้งคู่เดินเท้ามาถึงร้านอาหารชายหนุ่มผายมือให้เกียรติฝ่ายหญิงเดินนำก่อนตามมารยาทที่สุภาพบุรุษที่ดีควรทำ ก้าวเข้ามาภายในร้านสิ่งแรกที่สะดุดสายตาของปาลินเลยก็คือภาพวาดที่แขวนอยู่เหนือโต๊ะมุมสุดติดกระจกของร้าน เป็นภาพบ้านทรงไทยหลังหนึ่งที่รายล้อมไปด้วยต้นไม้พุ่มเตี้ยนานาชนิด ‘ภาพบ้านทรงไทย’ ที่ทำให้ปาลินนึกถึงความทรงจำในวัยเยาว์เมื่อครั้งเธอเคยก็อยู่อาศัยในบ้านที่มีลักษณะคล้ายบ้านทรงไทยแบบในภาพนี้เมื่อตอนหกขวบ...จุดเปลี่ยนแรกของชีวิตเด็กหญิงปาลิน
อาหารส่งกลิ่นหอมมาแต่ไกลแม้ยังมาไม่ถึงโต๊ะทำให้คนหิ้วท้องรออย่างราฟาเอลอดที่จะหันมองไม่ได้ สเต๊กเนื้อคัดพิเศษที่ปรุงแต่งด้วยส่วนผสมและวัตถุดิบชั้นเลิศถูกวางลงต่อหน้าชายหนุ่ม ตามด้วยสเต๊กปลาแซลมอนสีส้มสดประดับด้วยซอสและผักแบบฉบับอาหารญี่ปุ่นประยุกต์ก็ถูกเสิร์ฟลงตรงหน้าของปาลินเช่นกันและสิ่งที่ขาดไม่ได้ในการกินสเต๊กของคนอเมริกันก็คืออะไรที่เข้ากันอย่างเช่นไวน์นั่นเอง
แต่เนื่องจากราฟาเอลเป็นคนที่ไม่ค่อยพิถีพิถันในเรื่องการกินสักเท่าไหร่นักชายหนุ่มจึงไม่ได้สนใจว่าสเต๊กอะไรควรกินกับไวน์อะไรอย่างที่ใครหลายๆ คนทำ เขาจึงสั่งไวน์แดงมาเปิดหนึ่งขวดเพื่อเพิ่มอรรถรสในการกินเพียงเท่านั้น