๓ ธรรมดาที่แสนพิเศษ (๒)
ใช้เวลาสักพักก็ถึงที่หมาย พวกเขามาถึงที่นี่เวลาเปิดพอดีจึงไม่ค่อยมีคน ใช้บัตรผ่านประตูเข้ามาข้างใน บัตรที่ซื้อสามารถเล่นทุกเครื่องในสวนสนุกได้ คนที่ดูมีความสุขกว่าใครเพื่อนก็คือหนูน้อยผู้กระโดดโลดเต้นไปตามเส้นทาง เชื้อชวนให้คุณพ่อและคุณน้าถ่ายรูปไม่หยุด พร้อมกับโพสต์ท่าอย่างชำนาญ
มาที่เครื่องเล่นแรกก็จับจองที่นั่ง เป็นรถไฟขบวนเล็กที่จะเคลื่อนผ่านน้ำ เครื่องเล่นไม่ได้น่ากลัวทำให้หนูน้อยสามารถเล่นได้
“ซับหน้าหน่อยนะ เปียกไปหมดแล้ว” ผ่านจุดที่น้ำกระจายและลงจากเครื่องเล่นมาได้ เด็กหญิงก็ตัวชุ่มน้ำไม่ต่างจากผู้ใหญ่ทั้งสอง เลศยาเห็นอย่างนั้นก็จัดการใช้กระดาษทิชชู่ซับน้ำให้หลานสาวอย่างอ่อนโยน
ตรีภพหันมองเธอแล้วนึกชื่นชมเมื่อหญิงสาวเตรียมทุกอย่างเอาไว้ในกระเป๋า นึกสงสัยตอนแรกว่าหล่อนจะสะพายกระเป๋าใบใหญ่มาทำไม ตอนนี้ทราบแล้วว่าผ่านการคิดมาอย่างดี
“ไปไหนต่อ”
“แกรนด์แคนยอน!” เพียงแค่บอกชื่อเครื่องเล่นก็ทำให้เธอต้องมองเขาอีกรอบ เพิ่งเปียกมาเมื่อครู่ เขาจะพาไปหาน้ำอีกแล้ว
“ก็เราเปียกแล้วต้องเปียกให้สุด”
“เล่นเครื่องเล่นแห้งๆ ก่อนเถอะค่ะ ค่อยปิดท้ายที่อันเปียกจะได้เปียกชุดด้วยเลย บุ้งกลัวญาดาจะไม่สบาย” คำพูดของเธอมีเหตุผลและเขาลืมไปเสียสนิท จึงทำตามอย่างที่หญิงสาวพูดด้วยการพาไปเล่นอย่างอื่นก่อน
และมาปิดท้ายที่กิจกรรมทางน้ำ เล่นเอาหนูน้อยเปียกม่อล่อกม่อแลก ต้องพาไปเปลี่ยนชุดแล้วปิดท้ายที่เมืองหิมะ แค่เข้ามาก็เย็นฉ่ำจนลูกสาวกรีดร้องมีความสุข รับชุดจากพนักงานมาสวมแล้วเข้ามาเล่นด้วยกันทั้งสามคน
หนูน้อยหัวเราะลั่นมีความสุขที่ได้เล่นหิมะเป็นครั้งแรก ขณะที่เธอก็ถ่ายภาพบรรยากาศเอาไว้เพื่อเป็นความทรงจำ เผลอแช่สายตามองดวงหน้าคมพลันหัวใจเต้นระส่ำจนต้องรีบเหลียวมองไปทางอื่น เริ่มกลัวความรู้สึกที่กำลังก่อตัวขึ้นอย่างช้าๆ
ไม่ได้...ห้ามเด็ดขาด
เขาคือสามีของเพื่อน และเชื่อว่าตอนนี้ตรีภพก็คงไม่ลืมนลินลิดา เธอจะเป็นคนทรยศไม่ได้แม้ว่าเพื่อนสนิทจะไม่อยู่บนโลกแล้วก็ตาม
คิดแล้วนึกเจ็บปวดกับความรักที่เป็นไปไม่ได้
นอกจากหล่อนไม่ควรทำแล้ว อีกข้อที่สำคัญคือเขาไม่ได้คิดอะไรกับเธอมากไปกว่าน้องสาวและเพื่อนข้างบ้าน
สิ่งนี้สิที่เจ็บปวดยิ่งกว่า...
“หลับแล้วเหรอ” เขาทำหน้าที่ขับรถเหมือนเดิมเมื่อเล่นเครื่องเล่นจนเกือบจะครบทุกอย่างที่เด็กสามารถขึ้นได้ เห็นลูกสาวเริ่มคอพับขณะคนเป็นพ่ออุ้มก็รู้ทันทีว่าง่วง ขึ้นรถมาไม่ถึงห้านาที มองกระจกหลังอีกทีดลญาดาก็นอนตักคุณน้าแล้ว
“ค่ะ น่าจะเหนื่อยเพราะเล่นมาทั้งวัน”
เธอบอกตามความคิดเห็นของตัวเอง ยกมือลูบหัวมนแล้วอมยิ้มกับแก้มกลมที่แดงก่ำจากความร้อนของอากาศภายนอก พอต้องแอร์ก็เริ่มกลับมาเป็นปกติเหมือนเดิม เด็กหญิงแก้มยุ้ยของคุณน้า ความสุขเคลื่อนที่เพียงแค่มองก็มีรอยยิ้ม
“ขอบคุณที่มาเป็นเพื่อนนะ ถ้าไม่ได้บุ้งพี่แย่เลย ไม่ได้เตรียมอะไรมาให้ลูกสักอย่าง...”
คิดแล้วก็ขอบคุณหญิงสาวที่เป็นธุระเตรียมของว่างให้ลูกสาวรับประทาน ไหนจะช่วยดลญาดาเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้องน้ำ ดูแลความเรียบร้อยให้โดยไม่ขาดตกบกพร่องสักนิด เป็นเขาเสียเองที่ไม่ได้เรื่องหรือละเอียดอ่อนเท่าเธอ
“ไม่เป็นไรค่ะ ยังไงญาดาก็เป็นลูกสาวของลิน...” เผลอพูดชื่อเพื่อนก่อนจะเงียบเสียง กลัวไปกระทบจิตใจของเขา
“นั่นสินะ บุ้งกับลินเป็นเพื่อนสนิทกัน พูดแล้วก็คิดถึงเหมือนกัน ตอนอยู่กับพี่ได้ยินลินพูดถึงบุ้งบ่อยมาก บอกว่าทำอาหารเก่ง ชอบทำผมให้เขา แล้วก็บ่นเก่งเหมือนแม่” ยังจำได้กับคำพูดของแฟนสาว จึงเอ่ยออกมาคล้ายจะหยอกเย้าหล่อน จนคนฟังถึงกับหน้าแดงก่ำด้วยความเขินอาย
ลินนะลิน...ขายเพื่อนจนได้สิ
“ไม่ได้บ่นเก่งนะคะ แต่รายนั้นชอบทำตัวให้บ่นอยู่เรื่อย”
เพื่อนคนสวยดื้อเป็นที่หนึ่ง ชอบทำอะไรแผลงๆ ทั้งที่ร่างกายไม่ได้แข็งแรงแต่เด็ก เธอจึงต้องคอยปรามเอาไว้บ้าง และดูเหมือนนิสัยนั้นจะถูกส่งต่อมาให้หนูน้อย ยังดีที่ดลญาดาเชื่อฟังบ้างหล่อนจึงไม่ต้องบ่นมากนัก
เขาหัวเราะในลำคอแล้วมองกระจกหลัง นึกบางสิ่งขึ้นได้พอดี เกือบลืมไปแล้วเสียอีกว่าจะคุยเรื่องอะไรกับเธอ
“บุ้งมีแฟนหรือยังนะ” หัวใจคนฟังตกไปอยู่ตาตุ่ม ก่อนจะเต้นแรงขึ้นเรื่อยๆ ยามตีความคำถามของเขา
บอกตัวเองว่าจะหักห้ามใจไม่คิดอะไรกับแฟนเพื่อน เธอแค่ยังอ่อนไหวช่วงที่เพิ่งเลิกรากับแฟนเก่า แม้การเลิกกันของเราจะผ่านมาแล้วเกือบสามเดือนก็ตาม การได้ดูแลหลานสาวและอยู่ใกล้ชิดรักแรก ทำให้แผลในใจสมานรวดเร็ว