บุปผาแย้มบาน

55.0K · จบแล้ว
ข้าวสีทอง
38
บท
1.0K
ยอดวิว
8.0
การให้คะแนน

บทย่อ

เขาเป็นรักแรกที่เธอลืมเลือนไปแล้ว จนได้กลับมาพบกันอีกครั้ง ภาพความทรงจำจึงหวนกลับมา พร้อมทำหน้าที่ดูแลลูกของเขาในฐานะคุณน้า...

นิยายรักโรแมนติกดราม่าโรแมนติกคนธรรมดารักแรกพบมีลูก

บทนำ

บทนำ

เสียงเพลงเคารพธงชาติดังขึ้นพร้อมแถวที่เรียงรายอยู่กลางแจ้ง ธงชาติถูกชักขึ้นสู่ยอดเสาก่อนเสียงร้อยเพลงจะเปลี่ยนเป็นบทสวดมนต์ยามเช้า โรงเรียนชื่อดังตั้งอยู่ใจกลางเมืองของจังหวัดขนาดกลางแห่งหนึ่งในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

แดดร้อนในช่วงฤดูหนาวไม่ได้ทำให้ระคายผิวมากนัก เด็กนักเรียนหลายคนสวมเสื้อแขนยาวหลากสีสัน ยกมือบังแดดระหว่างรอฟังเรียกชื่อนักเรียนหัวกะทิที่ขึ้นรับรางวัล เสียงปรบมือดังตั้งแต่คนแรกก่อนจะเงียบลงเพื่อให้คุณครูประกาศเรียกชื่อ

ดวงตากลมใสภายใต้กรอบแว่นสี่เหลี่ยมมองตามเพื่อนสนิทที่อยู่บ้านข้างกันขึ้นรับรางวัล เลศยา วรรณเรืองรองหัวหน้าห้องที่มีคนเข้าหามากสุด ไม่ใช่เพราะหล่อนหน้าตาดีแต่อย่างใด แต่เหตุผลคือเธอเป็นเพื่อนสนิทของนลินลิดา วาดมงคล คนที่ขึ้นไปรับรางวัลแข่งขันภาษาอังกฤษชนะเลิศระกับภาคต่างหาก

นอกจากจะเรียนเก่งแล้วยังหน้าตาดีชนิดหาตัวจับยาก ไม่ว่าจะเป็นใบหน้ารูปไข่ ดวงตากลมโต จมูกโด่งน่ารักกับปากจิ้มลิ้ม เครื่องหน้ารวมกันแล้วสวยชนิดชายหลายคนมองเหลียวหลัง แม้กระทั่งผู้หญิงด้วยกันยังเอ่ยปากชม

เธอผู้เป็นเพื่อนก็ภูมิอกภูมิใจไปด้วย ยิ้มกว้างแล้วโบกมือยามที่คนบนเวทีมองลงมา ไม่คิดหวังจะเก่งอย่างเพื่อนเพราะรู้ตัวดีว่าการเรียนของตนก็แค่ครึ่งๆ กลางๆ ได้เป็นหัวหน้าห้องเนื่องจากนลินลิดาหว่านล้อมคนอื่นให้เลือกหล่อน

ถึงจะไม่อยากเป็น แต่ข้อดีของการเป็นหัวหน้าห้องก็มีอยู่บ้าง...

“เอาการบ้านมาส่งค่ะ...”

“ห้องสี่ทับสามใช่ไหม”

“ค่ะ”

วางสมุดการบ้านของเพื่อนในห้องลงที่โต๊ะของคุณครูวิชาคณิตศาสตร์ ใช้มือดันแว่นที่หลุดมายังสันจมูกให้กลับเข้าที่เดิม แล้วชำเลืองมองชายหนุ่มที่นั่งคัดลายมืออยู่ไม่ไกล

“เขียนให้มันสวยหน่อย วิชาอื่นเรียนเก่ง ภาษาไทยตกแล้วตกอีก เธอเป็นคนไทยนะจ๊ะพ่อคุณ” หลุดยิ้มยามได้ยินคุณครูภาษาไทยสอนนักเรียนชายชั้นมัธยมศึกษาปีที่หก ไม่คิดว่าอีกไม่กี่เดือนจะสอบเข้ามหาวิทยาลัย แต่เขาก็ยังสอบตกกลางภาคจนต้องได้มาแก้วิชาเรียนทุกเที่ยง

และนั่นคือข้อดีของการเป็นหัวหน้าชั้นของปีนี้...

ได้พบกับตรีภพ วิฑูรย์ไพศาล นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่หก หนุ่มหล่อของโรงเรียนที่ทุกคนบอกว่าเป็นสมบัติแห่งสถานศึกษาแห่งนี้ เรียนเก่ง กีฬาเป็นเลิศ เสียดายที่ฐานะไม่ได้ร่ำรวยเท่าไหร่ ไม่อย่างนั้นเขาคงเพอร์เฟคมากกว่านี้

แต่สำหรับเธอ...เขาก็สมบูรณ์แบบมากแล้ว

“โธ่ครู สวยได้เท่านี้แหละ ผมถนัดเขียนตัวเลขพอมาเขียนภาษาไทยมันเลยขัดๆ หน่อย เสร็จแล้วครับ!” ลุกยืนแล้วยื่นสมุดคัดคำผิดให้คุณครูที่นั่งตรวจ ถ้าไม่นั่งกำกับคนสอบตกก็จะไม่ทำแล้วจ้างคนอื่นเขียนเอามาส่งน่ะสิ

ลายมืออย่างกับไก่เขี่ย ผิดจากหน้าตาหล่อเหลาซะจริง มองแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจพลางส่ายหน้า คัดเท่าไหร่ก็ลายมือโย้เย้เหมือนเดิม

“ไปๆ จะไปไหนก็ไป ฉันล่ะเบื่อหน้าเธอจริง คราวหลังอย่าสอบตกอีกล่ะ!”

“ครับผม”

ว่าแล้วก็รีบเดินออกจากห้องพักครูอย่างรวดเร็ว เธอเห็นอย่างนั้นก็รีบเดินตามทันทีแต่ไม่ได้แสดงออกมากนักว่าแอบชอบ ถึงดวงตาจะเป็นประกายยามมองเขาก็ตาม

ใบหน้าหวานกลับชนแผ่นหลังกว้างเมื่อเขาถอยหลังมาชนเธอ เพราะประตูห้องพักครูถูกผลักเข้ามาพอดีกับจังหวะที่เขาจะเปิดออก เลศยาถึงกับจับแว่นของตนในทันที ก่อนที่ร่างสูงจะรีบหันมามองหล่อนด้วยความตกใจ

“น้องเป็นอะไรหรือเปล่า แว่นตาแตกป่ะวะ พี่ขอโทษนะไม่ได้ตั้งใจ” นอกจากเขาจะพูดกับเธอแล้ว ชายหนุ่มยังจับที่ไหล่เล็กประคองไว้ไม่ให้ล้มอีกต่างหาก หัวใจของคนแอบรักเต้นรัวพลันใบหน้าร้อนผ่าว เชื่อว่ามันต้องแดงก่ำอย่างแน่นอน

ยิ่งผิวของหล่อนขาวเช่นนี้ ยิ่งกลัวเขาจะมองออกว่าตนกำลังเขิน จึงรีบส่ายหน้าเร่งเท้าออกจากห้องพักครูทันที รีบเดินจากตรงนี้ได้เร็วเท่าไหร่ก็ยิ่งดีเท่านั้น ถึงจะได้ยินเสียงเขาตะโกนเรียกแต่เพียงครู่เดียวก็เงียบไป จึงเหลียวกลับไปมองอีกครั้ง พบว่าชายหนุ่มกอดคอกับเพื่อนสนิทแล้วเดินไปอีกทาง

เธอหลุดยิ้มแล้วมองตามเขา ยกมือขึ้นแนบใบหน้าพลางร้องตะโกนในใจด้วยความดีใจ

‘พี่ภพคุยกับเรา พี่ภพคุยกับเราแล้ว!’

ถ้าตรงนี้ไม่ใช่ที่สาธารณะ เธอคงกระโดดโลดเต้นไปแล้ว แต่เพราะมีสายตาหลายคู่ที่มองมาจึงทำได้เพียงปิดหน้าพลางยิ้มกว้าง โดยไม่รู้เลยว่าไม่กี่เดือนต่อมาตนเองจะใจสลายมากแค่ไหน

ช่วงสายของวันที่หล่อนต้องเก็บผักบุ้งหน้าบ้านเพื่อไปผัดกินเพียงลำพัง เพราะยายไปถือศีลที่วัดทุกวันพระ เรื่องการทำอาหารไม่ยากสำหรับเธอ อยู่กับยายมาตั้งแต่จำความได้เนื่องจากพ่อแม่ต้องไปทำงานในเมืองหลวง นานทีจะกลับบ้านสักครั้ง คนที่หล่อนอยู่ด้วยมาตั้งแต่เด็กจนโตคือยาย

ยิ่งตอนนี้ที่บุพการีจากไปก็ยิ่งตัวติดกับยายมากกว่าเดิม ขนาดคนที่เจอกันนับครั้งได้แค่ผูกพันทางสายเลือดเสียชีวิตเธอยังทุกข์มากขนาดนี้ หากยายทิ้งเธอไว้ในโลกเพียงลำพังจะทำอย่างไร แค่คิดเลศยาก็นึกกลัวจับใจ

ทำได้เพียงร้องขอให้ท่านอยู่กับตนนานกว่านี้อีกสักหน่อย...อย่าเพิ่งพรากคนที่หล่อนรักไปอีกเลย

“ผักบุ้ง!” ชื่อเล่นของเธอถูกเรียกจากเพื่อนสนิทที่อยู่บ้านใกล้เรือนเคียง

นลินลิดาสวมชุดเดรสสีหน้าแล้วหมุนตัวอยู่ต่อหน้าหล่อน ใบหน้าแต่งแต้มสีสันพองามสมวัย มองอย่างไรก็ให้ความรู้สึกสดชื่นสบายตา สวยจนไม่อาจละสายตาไปทางอื่นได้

“ตะลึงเลยเหรอ”

“อือ สวยมาก ลินจะไปไหน”

“ไปดูหนัง...กับแฟน”

คนที่กำลังเก็บผักบึ้งถึงกับตาโต ไม่ทราบมาก่อนว่าเพื่อนสนิทของตัวเองมีคนรัก อีกฝ่ายไม่เคยบอกตนเลยสักครั้ง มือที่ถือตะกร้าผักลดลงแล้วถามอย่างนึกเป็นห่วง

“ใคร ไว้ใจได้หรือเปล่า เขาไม่ได้คิดจะทำอะไรลินใช่ไหม ออกไปกับเขาไว้ใจได้แน่เหรอ อายุเท่าไหร่บ้านอยู่ไหนพ่อแม่เป็นใคร...”

ถามรัวเป็นชุดจนคนฟังต้องยกมือปราม คร้านจะฟังเพื่อนที่กลายร่างเป็นแม่คนที่สอง

“โอ๊ยๆ พอได้แล้วค่ะคุณแม่ ถามเยอะกว่าแม่ของฉันอีก ตอนฉันออกจากบ้านบอกว่าจะไปดูหนังกับแฟนไม่เห็นแม่ถามเยอะแบบเธอเลย...แต่ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกนะ พี่คนนี้ไว้ใจได้และไม่ทำร้ายฉันแน่นอน เธอก็รู้จักเขาดีนะ”

คิ้วสวยขมวดเข้าหากันเมื่อได้ยินเช่นนั้น แสดงว่าแฟนของนลินลิดาเป็นรุ่นพี่ อีกทั้งเธอยังรู้จักเป็นอย่างดี...

ใครกันล่ะ

“มาพอดีเลย! พี่ภพทางนี้ค่ะ”

ไม่ต้องคิดให้ยุ่งยาก วินาทีต่อมาชายหนุ่มสุดหล่อก็ขับมอเตอร์ไซค์มาจอดหน้าบ้านของหล่อน พร้อมโปรยยิ้มทรงเสน่ห์ที่ทำให้ตนตกหลุมรักจนถอนตัวไม่ขึ้น คราวนี้เลศยาถึงกับยืนอึ้ง

ทำไมแฟนของเพื่อนสนิท ถึงเป็นชายที่เธอแอบชอบมาตลอดสามปีล่ะ!

ดวงตากลมภายใต้แว่นตาเบิกกว้างด้วยความตกตะลึง ควานหาเสียงของตัวเองไม่เจอทำได้เพียงยืนอึ้งสบตากับเขา นลินลิดาเห็นอาการของเพื่อนก็ยิ้มขำ รีบเอ่ยล้ออย่างรวดเร็ว

“อึ้งไปเลยสิ คราวนี้คุณแม่มั่นใจได้นะคะว่าลูกสาวไปกับคนที่ไว้ใจได้แน่นอน พี่ภพคะ นี่ผักบุ้งเพื่อนของลินเอง ส่วนนี่...ไม่ต้องแนะนำก็คงรู้จักใช่ไหม”

แม้จะเคยเล่าเรื่องเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวให้เขาฟังบ้าง แต่ทั้งสองก็ไม่ได้เจอหน้ากันสักครั้ง ชายหนุ่มจึงยิ้มกว้างแล้วมองสาวน้อยตรงหน้าด้วยแววตาเอ็นดู ยกมือทักทายหล่อนอย่างเป็นกันเอง

“สวัสดีน้องผักบุ้ง” หัวใจคนแอบรักแทบหลอมละลาย

เคยจินตนาการว่าถ้าวันหนึ่งเขาเรียกชื่อหล่อนจะเป็นอย่างไร แต่ไม่คิดว่าวันนั้นจะเกิดขึ้นจริง ขณะเดียวกันก็น่าเศร้าเหลือเกิน เมื่อเขาไม่ได้โสดอีกต่อไป

ทั้งยังคบกับเพื่อนสนิทของหล่อนอีก...

“ค่ะ เอ่อ ไปดีๆ นะ” กลายเป็นคนพูดน้อยในทันทีเมื่อเจอสถานการณ์ไม่คาดฝัน

นลินลิดาพยักหน้ารับคำก่อนซ้อนมอเตอร์ไซค์ของแฟนหนุ่มออกไปข้างนอก ส่วนเธอก็ทำได้เพียงมองจนลับสายตา ก่อนก้มสำรวจตัวเองอีกครั้งแล้วพบว่า...ตนไม่ได้สวมเสื้อชั้นใน!

ดวงตากลมเบิกกว้างพลางรีบหยิบตะกร้าผักเข้าบ้าน ส่องกระจกแล้วถอนหายใจเมื่อพบว่าอีกฝ่ายคงดูไม่ออกว่าสวมหรือไม่สวม น่าอายชะมัดเลยที่ครั้งแรกยามได้รู้จักกันของเรา สภาพหล่อนดูแทบไม่ได้...

แต่แล้วอย่างไรเล่า คนในสายตาของตรีภพมีแค่เพื่อนสนิทเธอเท่านั้น

ไม่รู้จะร้องไห้เสียใจหรือยินดีกับรักของอีกฝ่าย ทว่าใจที่ปวดหนึบก็บ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าตอนนี้หล่อนกำลังรู้สึกเช่นไร

ไม่ได้โทษนลินลิดาเพราะรู้ว่าเพื่อนไม่ผิด ถึงเขาไม่ได้คบกับเพื่อนสนิทของเธอ สักวันก็ต้องคบกับสาวสวยสักคนอยู่ดี สิ่งที่ทำได้คือควรยินดีกับรักของตรีภพต่างหาก

พร้อมกับบอกตัวเองให้ตัดใจ...จากรักครั้งแรกได้แล้ว