บทนำ
บทนำ
เสียงเพลงเคารพธงชาติดังขึ้นพร้อมแถวที่เรียงรายอยู่กลางแจ้ง ธงชาติถูกชักขึ้นสู่ยอดเสาก่อนเสียงร้อยเพลงจะเปลี่ยนเป็นบทสวดมนต์ยามเช้า โรงเรียนชื่อดังตั้งอยู่ใจกลางเมืองของจังหวัดขนาดกลางแห่งหนึ่งในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
แดดร้อนในช่วงฤดูหนาวไม่ได้ทำให้ระคายผิวมากนัก เด็กนักเรียนหลายคนสวมเสื้อแขนยาวหลากสีสัน ยกมือบังแดดระหว่างรอฟังเรียกชื่อนักเรียนหัวกะทิที่ขึ้นรับรางวัล เสียงปรบมือดังตั้งแต่คนแรกก่อนจะเงียบลงเพื่อให้คุณครูประกาศเรียกชื่อ
ดวงตากลมใสภายใต้กรอบแว่นสี่เหลี่ยมมองตามเพื่อนสนิทที่อยู่บ้านข้างกันขึ้นรับรางวัล เลศยา วรรณเรืองรองหัวหน้าห้องที่มีคนเข้าหามากสุด ไม่ใช่เพราะหล่อนหน้าตาดีแต่อย่างใด แต่เหตุผลคือเธอเป็นเพื่อนสนิทของนลินลิดา วาดมงคล คนที่ขึ้นไปรับรางวัลแข่งขันภาษาอังกฤษชนะเลิศระกับภาคต่างหาก
นอกจากจะเรียนเก่งแล้วยังหน้าตาดีชนิดหาตัวจับยาก ไม่ว่าจะเป็นใบหน้ารูปไข่ ดวงตากลมโต จมูกโด่งน่ารักกับปากจิ้มลิ้ม เครื่องหน้ารวมกันแล้วสวยชนิดชายหลายคนมองเหลียวหลัง แม้กระทั่งผู้หญิงด้วยกันยังเอ่ยปากชม
เธอผู้เป็นเพื่อนก็ภูมิอกภูมิใจไปด้วย ยิ้มกว้างแล้วโบกมือยามที่คนบนเวทีมองลงมา ไม่คิดหวังจะเก่งอย่างเพื่อนเพราะรู้ตัวดีว่าการเรียนของตนก็แค่ครึ่งๆ กลางๆ ได้เป็นหัวหน้าห้องเนื่องจากนลินลิดาหว่านล้อมคนอื่นให้เลือกหล่อน
ถึงจะไม่อยากเป็น แต่ข้อดีของการเป็นหัวหน้าห้องก็มีอยู่บ้าง...
“เอาการบ้านมาส่งค่ะ...”
“ห้องสี่ทับสามใช่ไหม”
“ค่ะ”
วางสมุดการบ้านของเพื่อนในห้องลงที่โต๊ะของคุณครูวิชาคณิตศาสตร์ ใช้มือดันแว่นที่หลุดมายังสันจมูกให้กลับเข้าที่เดิม แล้วชำเลืองมองชายหนุ่มที่นั่งคัดลายมืออยู่ไม่ไกล
“เขียนให้มันสวยหน่อย วิชาอื่นเรียนเก่ง ภาษาไทยตกแล้วตกอีก เธอเป็นคนไทยนะจ๊ะพ่อคุณ” หลุดยิ้มยามได้ยินคุณครูภาษาไทยสอนนักเรียนชายชั้นมัธยมศึกษาปีที่หก ไม่คิดว่าอีกไม่กี่เดือนจะสอบเข้ามหาวิทยาลัย แต่เขาก็ยังสอบตกกลางภาคจนต้องได้มาแก้วิชาเรียนทุกเที่ยง
และนั่นคือข้อดีของการเป็นหัวหน้าชั้นของปีนี้...
ได้พบกับตรีภพ วิฑูรย์ไพศาล นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่หก หนุ่มหล่อของโรงเรียนที่ทุกคนบอกว่าเป็นสมบัติแห่งสถานศึกษาแห่งนี้ เรียนเก่ง กีฬาเป็นเลิศ เสียดายที่ฐานะไม่ได้ร่ำรวยเท่าไหร่ ไม่อย่างนั้นเขาคงเพอร์เฟคมากกว่านี้
แต่สำหรับเธอ...เขาก็สมบูรณ์แบบมากแล้ว
“โธ่ครู สวยได้เท่านี้แหละ ผมถนัดเขียนตัวเลขพอมาเขียนภาษาไทยมันเลยขัดๆ หน่อย เสร็จแล้วครับ!” ลุกยืนแล้วยื่นสมุดคัดคำผิดให้คุณครูที่นั่งตรวจ ถ้าไม่นั่งกำกับคนสอบตกก็จะไม่ทำแล้วจ้างคนอื่นเขียนเอามาส่งน่ะสิ
ลายมืออย่างกับไก่เขี่ย ผิดจากหน้าตาหล่อเหลาซะจริง มองแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจพลางส่ายหน้า คัดเท่าไหร่ก็ลายมือโย้เย้เหมือนเดิม
“ไปๆ จะไปไหนก็ไป ฉันล่ะเบื่อหน้าเธอจริง คราวหลังอย่าสอบตกอีกล่ะ!”
“ครับผม”
ว่าแล้วก็รีบเดินออกจากห้องพักครูอย่างรวดเร็ว เธอเห็นอย่างนั้นก็รีบเดินตามทันทีแต่ไม่ได้แสดงออกมากนักว่าแอบชอบ ถึงดวงตาจะเป็นประกายยามมองเขาก็ตาม
ใบหน้าหวานกลับชนแผ่นหลังกว้างเมื่อเขาถอยหลังมาชนเธอ เพราะประตูห้องพักครูถูกผลักเข้ามาพอดีกับจังหวะที่เขาจะเปิดออก เลศยาถึงกับจับแว่นของตนในทันที ก่อนที่ร่างสูงจะรีบหันมามองหล่อนด้วยความตกใจ
“น้องเป็นอะไรหรือเปล่า แว่นตาแตกป่ะวะ พี่ขอโทษนะไม่ได้ตั้งใจ” นอกจากเขาจะพูดกับเธอแล้ว ชายหนุ่มยังจับที่ไหล่เล็กประคองไว้ไม่ให้ล้มอีกต่างหาก หัวใจของคนแอบรักเต้นรัวพลันใบหน้าร้อนผ่าว เชื่อว่ามันต้องแดงก่ำอย่างแน่นอน
ยิ่งผิวของหล่อนขาวเช่นนี้ ยิ่งกลัวเขาจะมองออกว่าตนกำลังเขิน จึงรีบส่ายหน้าเร่งเท้าออกจากห้องพักครูทันที รีบเดินจากตรงนี้ได้เร็วเท่าไหร่ก็ยิ่งดีเท่านั้น ถึงจะได้ยินเสียงเขาตะโกนเรียกแต่เพียงครู่เดียวก็เงียบไป จึงเหลียวกลับไปมองอีกครั้ง พบว่าชายหนุ่มกอดคอกับเพื่อนสนิทแล้วเดินไปอีกทาง
เธอหลุดยิ้มแล้วมองตามเขา ยกมือขึ้นแนบใบหน้าพลางร้องตะโกนในใจด้วยความดีใจ
‘พี่ภพคุยกับเรา พี่ภพคุยกับเราแล้ว!’
ถ้าตรงนี้ไม่ใช่ที่สาธารณะ เธอคงกระโดดโลดเต้นไปแล้ว แต่เพราะมีสายตาหลายคู่ที่มองมาจึงทำได้เพียงปิดหน้าพลางยิ้มกว้าง โดยไม่รู้เลยว่าไม่กี่เดือนต่อมาตนเองจะใจสลายมากแค่ไหน
ช่วงสายของวันที่หล่อนต้องเก็บผักบุ้งหน้าบ้านเพื่อไปผัดกินเพียงลำพัง เพราะยายไปถือศีลที่วัดทุกวันพระ เรื่องการทำอาหารไม่ยากสำหรับเธอ อยู่กับยายมาตั้งแต่จำความได้เนื่องจากพ่อแม่ต้องไปทำงานในเมืองหลวง นานทีจะกลับบ้านสักครั้ง คนที่หล่อนอยู่ด้วยมาตั้งแต่เด็กจนโตคือยาย
ยิ่งตอนนี้ที่บุพการีจากไปก็ยิ่งตัวติดกับยายมากกว่าเดิม ขนาดคนที่เจอกันนับครั้งได้แค่ผูกพันทางสายเลือดเสียชีวิตเธอยังทุกข์มากขนาดนี้ หากยายทิ้งเธอไว้ในโลกเพียงลำพังจะทำอย่างไร แค่คิดเลศยาก็นึกกลัวจับใจ
ทำได้เพียงร้องขอให้ท่านอยู่กับตนนานกว่านี้อีกสักหน่อย...อย่าเพิ่งพรากคนที่หล่อนรักไปอีกเลย
“ผักบุ้ง!” ชื่อเล่นของเธอถูกเรียกจากเพื่อนสนิทที่อยู่บ้านใกล้เรือนเคียง
นลินลิดาสวมชุดเดรสสีหน้าแล้วหมุนตัวอยู่ต่อหน้าหล่อน ใบหน้าแต่งแต้มสีสันพองามสมวัย มองอย่างไรก็ให้ความรู้สึกสดชื่นสบายตา สวยจนไม่อาจละสายตาไปทางอื่นได้
“ตะลึงเลยเหรอ”
“อือ สวยมาก ลินจะไปไหน”
“ไปดูหนัง...กับแฟน”
คนที่กำลังเก็บผักบึ้งถึงกับตาโต ไม่ทราบมาก่อนว่าเพื่อนสนิทของตัวเองมีคนรัก อีกฝ่ายไม่เคยบอกตนเลยสักครั้ง มือที่ถือตะกร้าผักลดลงแล้วถามอย่างนึกเป็นห่วง
“ใคร ไว้ใจได้หรือเปล่า เขาไม่ได้คิดจะทำอะไรลินใช่ไหม ออกไปกับเขาไว้ใจได้แน่เหรอ อายุเท่าไหร่บ้านอยู่ไหนพ่อแม่เป็นใคร...”
ถามรัวเป็นชุดจนคนฟังต้องยกมือปราม คร้านจะฟังเพื่อนที่กลายร่างเป็นแม่คนที่สอง
“โอ๊ยๆ พอได้แล้วค่ะคุณแม่ ถามเยอะกว่าแม่ของฉันอีก ตอนฉันออกจากบ้านบอกว่าจะไปดูหนังกับแฟนไม่เห็นแม่ถามเยอะแบบเธอเลย...แต่ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกนะ พี่คนนี้ไว้ใจได้และไม่ทำร้ายฉันแน่นอน เธอก็รู้จักเขาดีนะ”
คิ้วสวยขมวดเข้าหากันเมื่อได้ยินเช่นนั้น แสดงว่าแฟนของนลินลิดาเป็นรุ่นพี่ อีกทั้งเธอยังรู้จักเป็นอย่างดี...
ใครกันล่ะ
“มาพอดีเลย! พี่ภพทางนี้ค่ะ”
ไม่ต้องคิดให้ยุ่งยาก วินาทีต่อมาชายหนุ่มสุดหล่อก็ขับมอเตอร์ไซค์มาจอดหน้าบ้านของหล่อน พร้อมโปรยยิ้มทรงเสน่ห์ที่ทำให้ตนตกหลุมรักจนถอนตัวไม่ขึ้น คราวนี้เลศยาถึงกับยืนอึ้ง
ทำไมแฟนของเพื่อนสนิท ถึงเป็นชายที่เธอแอบชอบมาตลอดสามปีล่ะ!
ดวงตากลมภายใต้แว่นตาเบิกกว้างด้วยความตกตะลึง ควานหาเสียงของตัวเองไม่เจอทำได้เพียงยืนอึ้งสบตากับเขา นลินลิดาเห็นอาการของเพื่อนก็ยิ้มขำ รีบเอ่ยล้ออย่างรวดเร็ว
“อึ้งไปเลยสิ คราวนี้คุณแม่มั่นใจได้นะคะว่าลูกสาวไปกับคนที่ไว้ใจได้แน่นอน พี่ภพคะ นี่ผักบุ้งเพื่อนของลินเอง ส่วนนี่...ไม่ต้องแนะนำก็คงรู้จักใช่ไหม”
แม้จะเคยเล่าเรื่องเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวให้เขาฟังบ้าง แต่ทั้งสองก็ไม่ได้เจอหน้ากันสักครั้ง ชายหนุ่มจึงยิ้มกว้างแล้วมองสาวน้อยตรงหน้าด้วยแววตาเอ็นดู ยกมือทักทายหล่อนอย่างเป็นกันเอง
“สวัสดีน้องผักบุ้ง” หัวใจคนแอบรักแทบหลอมละลาย
เคยจินตนาการว่าถ้าวันหนึ่งเขาเรียกชื่อหล่อนจะเป็นอย่างไร แต่ไม่คิดว่าวันนั้นจะเกิดขึ้นจริง ขณะเดียวกันก็น่าเศร้าเหลือเกิน เมื่อเขาไม่ได้โสดอีกต่อไป
ทั้งยังคบกับเพื่อนสนิทของหล่อนอีก...
“ค่ะ เอ่อ ไปดีๆ นะ” กลายเป็นคนพูดน้อยในทันทีเมื่อเจอสถานการณ์ไม่คาดฝัน
นลินลิดาพยักหน้ารับคำก่อนซ้อนมอเตอร์ไซค์ของแฟนหนุ่มออกไปข้างนอก ส่วนเธอก็ทำได้เพียงมองจนลับสายตา ก่อนก้มสำรวจตัวเองอีกครั้งแล้วพบว่า...ตนไม่ได้สวมเสื้อชั้นใน!
ดวงตากลมเบิกกว้างพลางรีบหยิบตะกร้าผักเข้าบ้าน ส่องกระจกแล้วถอนหายใจเมื่อพบว่าอีกฝ่ายคงดูไม่ออกว่าสวมหรือไม่สวม น่าอายชะมัดเลยที่ครั้งแรกยามได้รู้จักกันของเรา สภาพหล่อนดูแทบไม่ได้...
แต่แล้วอย่างไรเล่า คนในสายตาของตรีภพมีแค่เพื่อนสนิทเธอเท่านั้น
ไม่รู้จะร้องไห้เสียใจหรือยินดีกับรักของอีกฝ่าย ทว่าใจที่ปวดหนึบก็บ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าตอนนี้หล่อนกำลังรู้สึกเช่นไร
ไม่ได้โทษนลินลิดาเพราะรู้ว่าเพื่อนไม่ผิด ถึงเขาไม่ได้คบกับเพื่อนสนิทของเธอ สักวันก็ต้องคบกับสาวสวยสักคนอยู่ดี สิ่งที่ทำได้คือควรยินดีกับรักของตรีภพต่างหาก
พร้อมกับบอกตัวเองให้ตัดใจ...จากรักครั้งแรกได้แล้ว