บท
ตั้งค่า

๒ น้ำตาไหลกลับ (๔)

“พ่อชักจะน้อยใจแล้วนะ พ่อทำอะไรก็ไม่ดีสักอย่างเลยหรือไง”

คนเมาเดินลงมาข้างล่างพอดี เธอเห็นสถานการณ์ตรงหน้าไม่ค่อยสู้ดีเท่าไหร่นักจึงรีบเข้ามาเป็นตัวกลาง แม้จะรู้สึกมึนหัวอยู่บ้างแต่ก็ไม่ได้มากนัก

“พี่ภพรีบไปทำงานเถอะค่ะ บุ้งจะไปส่งญาดาเอง”

“บุ้ง...โอเคแล้วเหรอ” สองพ่อลูกเหลียวมองคนมาใหม่ ก่อนเห็นว่าหล่อนกำลังส่งยิ้มอ่อนล้ามาให้ แววตาหม่นไร้ซึ่งความสดใสจนนึกเป็นห่วง เดินเข้ามาใกล้หล่อนแล้วสำรวจตามดวงหน้าหวานจนเธอต้องมองหนูน้อยเพื่อไม่ให้ตัวเองเคอะเขินจากสายตาของเขา

“ไปบ้านน้าบุ้งกันค่ะ จะได้ทำผมแล้วกินข้าวเดี๋ยวน้าไปส่งที่โรงเรียน” พอได้ยินอย่างนั้นเด็กหกขวบก็รีบวิ่งมาหาคุณน้าพลางยิ้มแฉ่ง

“บุ้งโอเคแล้วค่ะพี่ภพไม่ต้องเป็นห่วง ตอนนี้พี่ไปทำงานเถอะเดี๋ยวจะไปไม่ทันนะ เรื่องของญาดาปล่อยให้บุ้งจัดการเอง” หันมามองใบหน้าคมแล้วบอกเสียงเรียบ ไม่กล้าเอ่ยอะไรมากนักกลัวว่าตัวเองจะมีกลิ่นปาก ฟันก็ยังไม่ได้แปรงด้วยซ้ำ สภาพดูไม่จืดแต่ก็ต้องเผชิญหน้ากับเขา

ร่างสูงนึกขอบคุณคนตรงหน้าที่ช่วยเหลือทุกอย่าง ถึงหน้าที่การงานจะเริ่มเข้ารูปเข้ารอยแต่ภาระก็หนักขึ้นเรื่อยๆ ด้วยเขาอยากไต่เต้าไปตำแหน่งสูงโดยเร็ว จึงเลือกทำแทบทุกอย่างที่จะเป็นประสบการณ์และผลงานเพื่อเข้าตาผู้ใหญ่

หวังว่าในสักวันหนึ่งพอมีตำแหน่งใหญ่โต ลูกสาวจะได้สุขสบาย...

“ขอบคุณมากนะ” ถ้าไม่ได้หล่อนเขาคงแย่แน่

จากตอนแรกที่อีกฝ่ายเป็นเพียงเพื่อนสนิทของอดีตภรรยาซึ่งเราไม่ได้สนิทสนมกันด้วยซ้ำ มาตอนนี้เป็นเหมือนคนในครอบครัวไปโดยปริยาย

คุณน้าของน้องญาดา...

“บ้ายบายค่ะพ่อ” โบกมือลาบิดาหน้าชื่นตาบาน เห็นอย่างนั้นก็นึกหมั่นเขี้ยวจนก้มลงมาฟัดใบหน้ากลม

“ตัวแสบของพ่อ”

ละสายตาจากบุตรสาวมามองคนที่ยืนส่งยิ้มเนือยให้เขา ไม่รู้ว่าเหตุผลกลใดจึงตัดสินใจยกมือขึ้นลูบศีรษะมนคล้ายเป็นการปลอบและให้กำลังใจไปในตัว โดยที่ไม่รู้ว่าการกระทำของเขาส่งผลกับจิตใจอ่อนแอของหล่อนมากเพียงใด

ไม่มีคำพูดใดส่งมานอกจากรอยยิ้มของเขา แต่กลับทำให้น้ำตาที่ไหลออกมาเหมือนจะย้อนกลับเข้าไป พร้อมใจที่เต้นแรงขึ้นเรื่อยๆ

เพิ่งอกหัก...จะมาตกหลุมรักคนอื่นง่ายขนาดนี้ได้อย่างไร!

ช่วงสายในวันนั้นที่เธอนั่งทอดสายตาเหม่อมองออกไปยังหญ้าผืนเขียวข้างบ้าน ไม่มีจุดหมายว่าจะทำอะไร เพียงแค่อยากนั่งอยู่อย่างนั้นกระทั่งได้ยินเสียงร้องเรียกหน้ารั้วบ้าน จึงละสายตาไปมองแขกที่มาเยือน

แค่ได้ยินเสียงก็รู้แล้วว่าเขาเป็นใคร เธอไม่ใคร่จะอยากต้อนรับสักเท่าไหร่ แต่เพราะอีกฝ่ายร้องเรียกไม่หยุดก็กลัวว่าบ้านรอบข้างจะโวยวายเอาได้ สุดท้ายก็ลุกจากโซฟาแล้วเปิดประตูพลันได้สบตาของอดีตแฟนหนุ่มที่ตอนนี้เป็นสามีของคนอื่น

“บุ้งเปิดประตูให้พี่หน่อย ขอพี่อธิบายได้หรือเปล่า...ขอร้องล่ะนะ”

ชาครถึงกับตกใจแทบสิ้นสติเมื่อเห็นชื่อที่เขียนอยู่หลังซองแต่งงาน พร้อมข้อความอวยพรในสมุดที่ตัวเองเพิ่งได้อ่าน ไม่รอช้าตัดสินใจบึ่งรถมาที่บ้านหลังน้อยซึ่งเป็นแหล่งพักพิงอาศัยของแฟนสาวที่คบกันมาหลายปี

เธอไม่ได้ทำตามคำขอของเขา เพียงเดินไปหยุดตรงหน้าชายหนุ่มโดยมีรั้วบ้านคั่นกลางระหว่างเราเอาไว้ สายตาที่จ้องเขาเต็มไปด้วยความเสียใจระคนเศร้าโศก ไม่อยากเชื่อว่าชายแสนดีที่ตัวเองให้ใจจะกลายเป็นคนเช่นนี้ไปได้

หลอกลวง...ทรยศ!

“พี่รักเธอหรือเปล่า”

อยากตรงเข้าไปทำร้ายหรือด่าทอให้สมกับความเจ็บปวดของตัวเอง แต่ก็เลือกจะกลืนความรู้สึกทั้งหมดลงคอ ไปงานเมื่อวานพอจะมองออกว่าชาครก็ชอบเจ้าสาวไม่น้อย สีหน้าไม่ได้มาจากการแสดงหรือสวมหน้ากาก แววตาของเขาเป็นประกายยามมองสาวที่เดินเคียงข้าง

ทำให้ตนรู้แล้วว่างานแต่งไม่ได้เกิดจากการบังคับ เพราะเขาเต็มใจจะใช้ชีวิตคู่กับหญิงสาวผู้นั้นต่างหาก

“พี่...ไม่...” จะปฏิเสธก็ไม่เต็มปาก

ตอนแรกมารดานัดคู่ดูตัวให้ เขาก็เลือกปฏิเสธจนหมดบอกท่านว่ามีแฟนแล้ว แต่เหมือนมารดาจะไม่ค่อยชอบเลศยาเท่าไหร่ด้วยฐานะทางบ้านและอาชีพการงานไม่มีสิ่งใดเหมาะสมกับลูกของนางสักนิด จนได้พบกับเจ้าสาวที่เป็นลูกของเพื่อนแม่

พวกเขาคุยกันอย่างลื่นไหล ชอบอะไรเหมือนกันจนไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าคุยกันนานแค่ไหน เวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ ทำให้ชาครรู้ว่าหัวใจที่เคยมีเพียงเลศยากำลังจะเปลี่ยนไป

ทว่าการบอกเลิกหล่อนก็ดูจะใจร้ายสักหน่อย จึงเลือกคงความสัมพันธ์ของเราเอาไว้ ขณะเดียวกันก็ไม่สามารถทิ้งสาวอีกคนได้

นำมาซึ่งการคบซ้อนที่กินระยะเวลากว่าหกเดือนก่อนจะตัดสินใจแต่งงานตามคำขอของมารดา...

“อย่าทำร้ายเธอเลยค่ะ ถึงพี่จะรักหรือไม่รักเธอก็อย่าทำร้ายเธอเลย กลับไปเป็นสามีที่ดีของเธอเถอะนะ บุ้งอยู่ได้” แค่เห็นท่าทีของเขาก็รู้แล้วว่าตนต้องทำเช่นไร ไม่อยากเข้าไปพัวพันกับชายหนุ่มอีกต่อไป

“แต่พี่รักบุ้ง” พอเห็นว่าเธอกำลังจะเดินกลับเข้าบ้านก็ไม่รอช้ารีบบอกรักเพื่อเป็นการรั้งหญิงสาวเอาไว้ ทำให้เลศยาถึงกับหัวเราะร่วนนึกสมเพชตัวเอง ที่ครั้งหนึ่งเคยรักและเทิดทูนเขาสุดหัวใจ ชาครก็เป็นแค่ผู้ชายเห็นแก่ตัวคนหนึ่งเท่านั้น

“รักแล้วทำไมทำแบบนี้ แอบคบกับเขามานานแค่ไหนแล้ว...พี่ทำร้ายบุ้งได้ยังไง” ถามเสียงสั่นแล้วเม้มปากแน่น น้ำตากำลังจะไหลจนต้องกลั้นเอาไว้ ไม่อยากแสดงความอ่อนแอต่อหน้าอีกฝ่าย ความทรงจำที่ดีร่วมกันมากมายเหลือเกิน

กลับต้องมาพังลงเพราะความเห็นแก่ตัวของเขา...

“เราอย่าเจอกันอีกเลยนะคะ” ไม่อยู่รอฟังคำพูดของเขาก็รีบเดินเข้าบ้าน ล็อคประตูปิดม่านให้สนิทก่อนนั่งกอดเข่าร้องไห้บนโซฟา เงี่ยหูฟังเสียงว่าเขาจะบอกอะไรหรือเปล่าแต่กลับไม่มีสักประโยค ไม่นานเสียงรถคันหรูก็ดังขึ้นก่อนแล่นออกจากหน้าบ้านของเธอ

เพียงเท่านั้นคนตัวเล็กก็ร้องไห้หนักกว่าเดิม จบลงแล้วสินะความรักของเธอกับเขา ความสุขของเรามันกลายเป็นความเศร้าในตอนจบได้อย่างไร

วันนั้นทั้งวันเอาแต่นอนกอดเข่าอยู่ที่เดิม กระทั่งเสียงนาฬิกาปลุกบ่งบอกว่าถึงเวลาไปรับเด็กน้อยที่โรงเรียนได้แล้ว จึงไม่รอช้าอาบน้ำแต่งตัวให้สดชื่น ไม่อยากนำความหม่นเศร้าไปด้วย

และเพียงแค่เดินมารับเด็กหญิงในส่วนของเด็กอนุบาลก็ยิ้มกว้างพร้อมอ้าแขนเพื่อจะได้กอดคนที่วิ่งมาแต่ไกล รู้สึกถึงความเป็นแม่จนเผลอโอบกอดหนูน้อยแน่นขึ้น แล้วค่อยผละออกมองดวงหน้ากลมที่จ้องตนตาแป๋ว

“หนูอยากกินไก่ป็อป...น้าบุ้งทำเป็นไหม”

“เป็นสิ น้าจะทำให้กินเอง เรากลับบ้านดีกว่านะ”

“ค่ะ!”

มารับแต่ละวันสรรหาของกินไม่ซ้ำ สงสัยคงคุยกับเพื่อนถึงได้อยากกิน แล้วมีหรือที่เธอจะไม่ยอมทำตามคำขอของเด็กตาแป๋ว ถึงทำไม่เป็นก็จะเปิดสูตรหาวิธีทำจนได้นั่นแหละ

หลงรักลูกสาวของเพื่อนสนิทไปแล้วนี่น่า...

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel