๒ น้ำตาไหลกลับ (๓)
จนตรีภพอดไม่ได้ที่จะเช็ดน้ำตาออกให้หล่อนอย่างแผ่วเบา พอไม่ได้ใส่แว่นตาแล้วเหมือนคนละคนเลย ตอนไม่ใส่แว่นก็น่ารักดี
เพียงแต่ตอนนี้ใบหน้ามนดูแทบไม่ได้ ดวงตาบวมกับจมูกแดงก่ำ ไหนจะแก้มที่มีแต่รองน้ำตาเป็นทางอีก ให้อยู่คนเดียวคงไม่ไหวหรอก อย่างไรก็ต้องมีคนอยู่ด้วย
“คืนนี้ให้น้าบุ้งนอนกับหนูได้ไหม” คงมีเพียงลูกสาวที่ช่วยได้
“ได้ค่ะ หนูอยากนอนกับน้าบุ้ง” ร่างสูงตัดสินใจอุ้มหล่อนในท่าเจ้าหญิง ออกจากบ้านของเธอแล้วพาคนเมาไปนอนบ้านตัวเอง
วางคนเมาลงบนเตียงของบุตรสาวที่ขอเขาว่าจะนอนคนเดียวเพราะตัวเองโตแล้ว พ่อจึงต้องยอมตามใจแต่ยังมาเล่านิทานให้ลูกฟังเสมอ มองหนูน้อยหลับค่อยออกจากห้อง แต่วันนี้ห้องที่เคยมีเพียงเด็กหกขวบ กลับมีผู้ใหญ่วัยเบญจเพสมาอาศัยด้วย
แต่เจ้าตัวก็ยินดีและเต็มใจเป็นอย่างยิ่งให้คุณน้าอยู่ที่นี่
“พ่อทำอะไร”
“เช็ดหน้าให้น้าบุ้งน่ะสิ” คนที่เพิ่งไปหยิบผ้าขนหนูชุบน้ำพร้อมบิดให้หมาดต้องชะงักมือตัวเอง เมื่อถูกบุตรสาวถามกลางปล้อง ดวงตากลมโตช่างใสซื่อเสียเหลือเกิน
“พ่อเช็ดเบาๆ นะ เดี๋ยวน้าจะตื่น” ถึงกับส่ายหน้าอย่างระอาปนเอ็นดูลูกสาวที่ดูท่าจะรักคุณน้าข้างบ้านเหลือเกิน เพิ่งเจอกันไม่นานกลับสนิทสนมกันอย่างรวดเร็ว จนคนเป็นพ่อตกกระป๋องเป็นที่เรียบร้อย
แต่ไม่แปลกใจหรอก
เลศยามีความเป็นแม่สูงมาก ทั้งยังหลอกล่อลูกสาวของเขาเก่ง พอมีหญิงสาวอยู่ด้วยก็ทำให้ตรีภพสบายใจ สงสัยคราวหน้าต้องพูดเรื่องรบกวนให้เธอมาเป็นพี่เลี้ยงของดลญาดาอย่างจริงจังแล้ว เขายินยอมจ่ายเงินไม่อั้นขอเพียงเธอตอบตกลง
แต่คุยตอนนี้คงไม่ค่อยดีเท่าไหร่ อาการของหล่อนค่อนข้างน่าเป็นห่วง
เหมือนคนอกหักอย่างไรอย่างนั้น
คิดพลางเช็ดใบหน้าหวานอย่างเบามือ เผลอสำรวจคนตรงหน้าอย่างละเอียด ผิวขาวนวลส่องสว่างราวไม่เคยต้องแสงแดด กรอบหน้ารูปหัวใจกับดวงตากลมโตที่ตอนนี้หลับใหล จมูกโด่งรับกับริมฝีปากรูปกระจับ ไม่นึกว่าหล่อนเองก็ดูน่ารัก คงเพราะตอนใส่แว่นใบหน้าถูกบังไปกว่าครึ่งจึงมองไม่เห็นความงาม
พอมาตอนนี้ได้เห็นชัดเจน ก็เริ่มนึก...อยากหาแฟนให้หล่อนเผื่อหญิงสาวอาจลืมคนในใจ
เพื่อนเขาก็โสดหลายคน สงสัยต้องเป็นพ่อสื่อหน่อยแล้ว
“ดูแลน้าบุ้งด้วยนะ พ่อลงไปกินข้าวก่อนถ้ามีอะไรให้เรียก”
“ค่ะ”
กลับมาถึงบ้านยังไม่มีข้าวตกถึงท้องสักเม็ด จึงเดินลงมาข้างล่างแล้วเปิดตู้เย็น พบอาหารที่หล่อนทำไว้จึงหยิบออกมานำเข้าไมโครเวฟ รอสักพักก็ได้รับประทาน ถึงจะไม่ใช่กับข้าวที่ทำสดพร้อมทานในตอนนั้น แต่รสชาติก็อร่อยจนเขาต้องเพิ่มข้าวอีกจาน
ฝีมือการทำอาหารของเธอไม่ธรรมดาจริงๆ สงสัยต้องผูกปิ่นโตกับเลศยาตลอดไปแล้วล่ะ
คนที่นอนไม่รู้สึกตัวตลอดทั้งคืนค่อยตื่นขึ้นเมื่อได้ยินเสียงโวยวายอยู่ข้างล่าง มองรอบห้องก่อนพบว่าไม่ได้นอนบ้านตัวเอง แต่ก็พอจะนึกออกว่านอนที่ไหน ทว่าสิ่งที่ต้องการทราบคือตัวเองมานอนที่นี่ได้อย่างไร
จะว่าละเมอมานอนกับเด็กหญิงก็ดูไม่น่าใช่เท่าไหร่ คิดแล้วก็เกาศีรษะก่อนนั่งปรับโฟกัสสายตาค่อยก้าวลงจากเตียง เลือกจะใช้ห้องน้ำส่วนกลางของชั้นบนเพื่อล้างหน้าล้างตาให้สดชื่นขึ้นมาหน่อย
เมื่อวานหลังจากไปรับดลญาดากลับบ้านก็ไปซื้อเบียร์มานั่งดื่ม รู้ทั้งรู้ว่าตัวเองคออ่อนก็ไม่สนใจ อยากเมาเพื่อลืมความเจ็บปวดไปบ้าง ปกติไม่ชอบรสชาติขมของมันสักนิด ตอนนี้กลับดื่มได้อย่างสบายเพราะรสชาติของความรักขมกว่าเยอะ
“หนูจะรอน้าบุ้ง! ไม่ให้พ่อทำให้หรอก พ่อทำผมไม่สวย มัดอะไรก็ไม่รู้โดนเพื่อนล้อด้วย ไม่ให้พ่อทำ”
“น้าบุ้งไม่สบายอย่าไปกวนเลย ให้พ่อทำให้ดีกว่า มัดแกละหรือหางม้าดี...พอเรียนมาแล้วรับรองว่าทำสวยแน่นอน” พยายามเข้าหาลูกพร้อมถือยางหลากสีเอาไว้ แต่หนูน้อยก็ถอยร่นไม่ยอมให้จับผมด้วยซ้ำ ส่ายหน้าไปมาพลางเอ่ยถึงทรงผมที่ตัวเองชอบ
“หนูจะถักเปียสองข้าง เอาแบบนูนๆ ที่น้าบุ้งเคยทำให้วันก่อน ไม่อยากแกละไม่อยากหางม้า จะรอน้าบุ้ง”
“พ่อสายแล้วอย่าดื้อนะญาดา รีบมาทำผมจะได้ไปส่งที่โรงเรียน เราก็ต้องเข้าแถวตอนแปดโมงไม่ใช่หรือไง เร็วเข้า...แซนวิชก็รีบกินอย่ามัวโอ้เอ้” แต่วันนี้เขามีประชุมต้องรีบเข้าบริษัทที่อยู่ใจกลางเมือง โอบล้อมด้วยตึกสูงที่ขึ้นชื่อเรื่องรถติด ถ้าช้ากว่านี้เกรงว่าจะไปถึงที่ทำงานสาย จึงเปล่งเสียงเข้มบอกกับลูกสาวก่อนเลื่อนจานขนมปังปิ้งที่ทาแยมกับไข่ดาวไปตรงหน้าดลญาดา
“ไม่อร่อยเลย น้าบุ้งทำข้าวต้มอร่อย” กอดอกแล้วเชิดหน้าไปทางอื่น คนเป็นพ่อมองแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจ