๑ เพื่อนข้างบ้านที่คุ้นเคย (๓)
ทว่าเด็กหญิงที่ไม่เคยเจอคุณน้าทำได้แค่ยืนงง ไม่รู้ว่าเคยเจอกันแล้วตอนที่อีกฝ่ายยังคงแบเบาะ พูดไม่เป็นทำได้แค่ร้องไห้อย่างเดียว
เลศยายิ้มกว้างพลางพนักหน้ารัว “รู้จักสิ น้าชื่อผักบุ้งเป็นเพื่อนสนิทกับแม่ของหนูไง” พอคิดถึงแม่ของเด็กตรงหน้าก็ทำให้รอยยิ้มของเธอหายไป
ไม่น่าเชื่อว่าผ่านมาสี่ปีแล้วที่นลินลิดาจากโลกไปนี้ไป ด้วยโรคร้ายที่มาคร่าชีวิตในคราวเดียว
เพื่อนของหล่อนเสียก่อนยายอีก ต้องสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักในเวลาไล่เลี่ยกันช่างเป็นเรื่องที่เจ็บปวดเหลือเกิน ยังดีที่อีกฝ่ายหลงเหลือของขวัญชิ้นพิเศษไว้ให้ได้คิดถึง
เด็กหญิงดลญาดา วิฑูรย์ไพศาล
ลูกสาวของเพื่อนกับชายผู้เป็นตำนานของโรงเรียน...ตรีภพอย่างไรล่ะ
หลังเรียนจบมัธยมปลายเลศยาเลือกเรียนในเมืองหลวง ขณะที่เพื่อนของเธอและรุ่นพี่คนนั้นพากันไปเรียนไกลถึงเชียงใหม่ ก่อนทราบข่าวว่าฝ่ายหญิงตั้งครรภ์จึงพักการเรียนแล้วออกมาเลี้ยงลูก ช่วงนั้นหล่อนเรียนหนักจึงไม่ได้ถามมากความ
เห็นผ่านเฟซบุ๊กว่าทั้งคู่เข้าพิธีวิวาห์ด้วยกันเป็นงานภายในครอบครัว บรรยากาศเต็มไปด้วยความสุขจนได้แต่ภาวนาให้รักของทั้งสองเป็นนิรันดร์
เธอทำได้แค่ยินดีแล้วเก็บรักครั้งแรกของตนเอาไว้ ซ่อนให้ลึกสุดใจแล้วยิ้มกับความสุขของคนที่ตนรักทั้งสอง
“น้ารู้จักแม่ลินเหรอ”
“ค่ะ เราเป็นเพื่อนสนิทกันตั้งแต่เด็ก...แล้วหนูมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง”
“หนูย้ายมาอยู่บ้านหลังนี้กับพ่อค่ะ! น้าเข้าไปบ้านหนูนะคะ” ยังไม่ทันได้หายตกใจเรื่องที่เจอหลานสาวหน้าบ้านตัวเอง ก็เจอเรื่องช็อคอีกรอบคือตรีภพเป็นเพื่อนบ้านคนใหม่ของตน ดวงตากลมเบิกกว้างขณะที่มือก็ถูกจับจูงพาเข้าบ้าน เปลี่ยนแผนจากตอนแรกที่คิดจะเอาอาหารมาให้คุณน้าเป็นการผูกมิตร
กลายเป็นเปิดบ้านต้อนรับจนคนที่ยุ่งวุ่นวายอยู่ในครัวหันมามอง พยายามจ้องดวงหน้าหวานแต่หล่อนก้มหน้าก้มตามองพื้นอย่างเดียว
“นี่...”
“น้าเป็นเพื่อนแม่ค่ะ หนูเลยพาน้ามากินข้าวบ้านเรา” พอลูกสาวพูดจบเธอก็เงยหน้าขึ้น อย่างไรก็คงหนีไม่พ้นเหมือนเดิม แต่ตนไม่ได้เตรียมตัวเตรียมใจมาพบกับเขาในสภาพเช่นนี้สักหน่อย
เจอกันครั้งแรกในรอบหลายปี ขอสวยกว่านี้ไม่ได้หรือไง!
“หือ น้องผักบุ้ง” พอเห็นกรอบหน้าชัดก็พบว่าเธอคือเพื่อนสนิทที่ภรรยาผู้ล่วงลับของเขาเล่าถึงบ่อยครั้ง เราไม่ได้เจอกันนานมากแต่ตนกลับจำอีกฝ่ายได้ในทันที
ก็ไม่เปลี่ยนไปเลยตั้งแต่สมัยมัธยมนี่น่า
แต่คนถูกเรียกถึงกับทำตัวไม่ถูก เธอไม่ได้สนิทสนมกับเขามากขนาดนั้น ช่วงที่ชายหนุ่มคบหากับเพื่อนเธอก็พยายามตีตัวออกห่าง ไม่อยากเป็นก้างขวางคอ อีกทั้งยังกลัวจะไม่สามารถซ่อนแววตาเจ็บปวดของตัวเองไว้ได้
พอมาตอนนี้ถึงจะไม่ได้รักชอบเขาอย่างเดิมเพราะตนก็มีคนรักอยู่แล้ว แต่ก็ยังมีอาการเคอะเขินจนทำตัวไม่ถูก
“สวัสดีค่ะ พี่ พี่ภพย้ายมาอยู่ที่นี่เหรอ” ยกมือไหว้จนเขารับไหว้แทบไม่ทัน หล่อนทำราวกับเป็นคนอื่นไกลทั้งที่รู้จักกันเป็นอย่างดี
“ครับ พอดีใกล้ที่ทำงานของพี่ ใกล้โรงเรียนญาดาด้วย ราคาไม่แพงบ้านอยู่ในสภาพสมบูรณ์อีกต่างหาก...ดีใจที่เจอเรานะ ไม่ได้เจอตั้งนาน” รอยยิ้มของอีกฝ่ายกำลังจะฆ่าหล่อนตายทางอ้อม พี่ชายคนนี้ยังหล่อเหลาเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน
ทั้งที่รุ่นเพื่อนหรือรุ่นพี่บางคนพอมีอายุก็ปล่อยตัว แต่ตรีภพยังเป็นหนุ่มนักบาสที่สาวทั้งโรงเรียนกรี๊ด หนุ่มทะเล้นชอบเล่นพิเรนทร์ให้ครูฝ่ายปกครองเรียกเข้าห้องอยู่บ่อยครั้ง คนเรียนเก่งที่สอบตกวิชาภาษาไทยต้องไปนั่งคัดลายมือและคัดลอกบทกลอนทุกเที่ยง
น่าแปลกที่เพียงแค่ได้เจอเขา เรื่องราวในอดีตก็ย้อนกลับมาให้หวนนึกถึง
รักแรกที่อุตส่าห์เก็บเอาไว้ลึกสุดใจ...
“น้าชื่อผักบุ้งเหรอ ชื่อเหมือนผักที่หนูชอบกินเลย” หนูน้อยเรียกร้องความสนใจด้วยการชวนคุยบ้าง เธอยิ้มออกมาเมื่อได้ยินเช่นนั้น ที่ตนได้ชื่อผักบุ้งก็เพราะตอนแม่ท้องชอบกินผักชนิดนี้มาก
“น้าก็ชอบกินผักบุ้ง เอาไว้วันหลังน้าจะทำผัดผักบุ้งให้กินดีไหม”
“ดีค่ะ! น้าทำกับข้าวอร่อยหรือเปล่า”
“คิดว่าพอได้นะ” เรื่องทำอาหารค่อนข้างถนัดเพราะทำกินเองบ่อย ทว่าไม่อยากอวดอ้างตัวเองจึงเลือกจะถ่อมตัว พลางมองอาหารบนโต๊ะที่จัดใส่จานเตรียมรับประทาน ไม่นึกว่าตรีภพจะทำกับข้าวเป็นด้วย
“อร่อยกว่าพ่อไหม”
เรื่องนั้นหล่อนก็ไม่ทราบเหมือนกัน ไม่เคยชิมอาหารฝีมือเขาสักครั้ง
“น้อยหน่อยยัยหนู พ่อเองก็ทำกับข้าวอร่อยเหมือนกันนั่นแหละ อย่าขายพ่อต่อหน้าน้าบุ้งสิ” รีบปรามบุตรสาวแต่ก็ไม่ได้จริงจังเท่าไหร่นัก