บท
ตั้งค่า

บทที่ 5 ไม่สบาย

"อาหารมาแล้วเจ้าค่ะ" เสียงป้าฉีดังขึ้นขัดจังหวะบทสนทนา นางเดินเข้ามาในห้องอาหารพร้อมกับบ่าวรับใช้อีกสามสี่คนที่เดินถือถ้วยกระเบื้องเคลือบใส่อาหารที่ส่งกลิ่นหอมฉุยเข้ามา

เผิงจิ้งเสียนเบือนหน้าไปมองแลเห็นสาวใช้ผู้หนึ่งที่เขาจำได้ดีว่านางเป็นสาวใช้ที่ติดตามหม่าลู่เหยามาจากบ้านเก่า ครั้นเมื่อหันไปมองรอบๆบริเวณก็ไม่เห็นคนที่อุ่นเตียงกับเขาเมื่อคืนสร้างความประหลาดใจให้เขาอย่างมาก

"หม่าลู่เหยาไปไหน เหตุใดนางไม่มาทำงาน"

"เมื่อเช้าลู่เหยาไข้ขึ้นหนักลุกไม่ไหว น้องเลยอนุญาตให้นางพักหนึ่งวันเจ้าค่ะ" เผิงเจียอีเป็นผู้ตอบ 

เผิงจิ้งเสียนแค่นเสียงเหอะออกมาเบาๆ "ขี้เกียจล่ะสิไม่ว่า" 

เผิงเจียอีเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยหลังจากได้ยินวาจาของพี่ชาย สงสัยว่าพี่ชายของนางจะไม่โปรดปรานหม่าลู่เหยาเท่าใดนักถึงได้ตั้งแง่กับนางเช่นนี้

"ลู่เหยาไม่ได้ขี้เกียจเจ้าค่ะ บ่าวเข้าไปดูอาการนางเมื่อเช้า นางไม่สบายจริงๆเจ้าค่ะ" ป้าฉีรีบแก้ต่างให้ดรุณีร้อยน่ารักก่อนที่นางจะตกเป็นจำเลยของเผิงจิ้งเสียนมากไปกว่านี้

เผิงจิ้งเสียนตวัดสายตาดุๆมองไปยังน้องสาวกับป้าฉีหนหนึ่งด้วยความไม่พอใจเล็กน้อย เมื่อเห็นว่าทุกคนต่างร่วมใจปกป้องหม่าลู่เหยา

"หูปิ่ง! เจ้านายของเจ้าไม่สบายแล้วเหตุใดเจ้าถึงไม่ไปดูแลนาง!" สุดท้ายก็เอาโทสะไปลงที่หูปิ่งแทน

"บ่าวเอายาให้คุณหนูดื่มแล้วเจ้าค่ะ แต่ถ้าหากท่านแม่ทัพเป็นห่วงคุณหนู บ่าวขออนุญาตกลับไปดูแลนางที่จวนได้หรือไม่เจ้าคะ" หูปิ่งกล่าวอย่างอ้อนวอน ไม่ใช่ว่านางไม่เป็นห่วงหม่าลู่เหยาแต่เป็นเพราะนางไม่ได้รับอนุญาตให้หยุดงานจึงต้องรีบเอายาให้หม่าลู่เหยากินและออกมาทำงาน แต่เมื่อมีเวลาว่างก็จะแว้บไปดูอาการของหม่าลู่เหยา

"ไม่ต้อง! ให้ยาแล้วก็แล้วไป อีกอย่างข้าไม่ได้เป็นห่วงนาง แค่ถามดูเท่านั้น อย่าพูดคำนี้ให้ข้าได้ยินอีก หาไม่ข้าจะสั่งโบยเจ้าเสีย!"

"จะ เจ้าค่ะ บ่าวขออภัยเจ้าค่ะท่านแม่ทัพ"

หูปิ่งถึงกับหน้าเสียเมื่อได้ยินเสียงดุๆของเจ้านายคนใหม่ ในขณะที่เผิงเจียอีและป้าฉีหันมาสบตากันด้วยความงุนงง เหตุใดเผิงจิ้งเสียนถึงได้ดูหงุดหงิดถึงเพียงนี้เล่า...

เผิงเจียอีรู้ว่าพี่ชายเจ็บปวดกับความรักครั้งเก่ามากเพียงใด และรู้ดีว่าไม่มีผู้ใดแทนที่ พานอี๋หนี่ ได้ แต่กระนั้นนางก็อยากให้เผิงจิ้งเสียนเปิดใจ ทว่าไม่ได้หวังให้เขาเปิดใจให้หม่าลู่เหยาเพราะอย่างไรนางก็เป็นเพียงสาวใช้อุ่นเตียง กฎหมายของแคว้นซ่ง คนที่อยู่ในสถานะบ่าวบำเรอ หรือสาวใช้อุ่นเตียงไม่สามารถรับการตบแต่งเป็นภรรยาอย่างเชิดหน้าชูตาได้ แต่ถึงแม้จะทำได้ อย่างไรนางก็ไม่ยอมหรอก เพราะหม่าลู่เหยาไม่มีสิ่งใดคู่ควรกับพี่ชายของนางเลยแม้แต่น้อย

เผิงจิ้งเสียนเป็นถึงแม่ทัพใหญ่ฝ่ายขวาของแคว้นซ่ง ไม่ว่าอย่างไรสักวันหนึ่งเขาก็ต้องแต่งงาน และได้ตำแหน่งฮูหยินของสกุลเผิงไปนั้นจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก หลู่หลิงฟาง สหายสนิทของนางคนเดียวเท่านั้น

เมื่อวานหม่าลู่เหยาโดนเผิงจิ้งเสียนเคี่ยวกรำอย่างหนัก หรืออาจจะบอกว่าทั้งสองร่วมกันเคี่ยวกรำกันและกันอย่างหนักก็ว่าได้ ทว่าตื่นเช้าขึ้นมาก็รู้สึกปวดศีรษะและครั่นเนื้อครั่นตัว รวมถึงยังมีอาการเจ็บหน่วงบริเวณกึ่งกลางกายที่โดนใช้งานเมื่อคืนนี้ 

ในตอนเช้าป้าฉีได้เข้ามาดูอาการของนางแล้วหนหนึ่งและสั่งให้หูปิ่งต้มยาให้นางดื่ม ตอนนี้รู้สึกดีขึ้นบ้าง อาการปวดศีรษะหายไปแล้ว แต่ยังรู้สึกอ่อนเพลียอยู่มากทีเดียว

แอ๊ด!

เสียงบานประตูถูกผลักให้เปิดออกไม่นานก็ได้ยินเสียงปิดลง หม่าลู่เหยาคิดว่าคงเป็นหูปิ่งที่เข้ามาดูอาการนางสินะ

"หูปิ่งข้าหิวน้ำ" เสียงหวานดังขึ้นในขณะที่ยังนอนตะแคงหันหลังให้กับประตู

คนร่างสูงที่เดินเข้ามาในห้องพลันชะงักไปเล็กน้อย เขายืนนิ่งสักครู่อย่างชั่งใจ ไม่นึกว่าคนที่ตนคิดว่านอนหลับในคราแรกจะตื่นขึ้นมาเสียแล้ว

"หูปิ่งขอน้ำให้ข้าดื่มได้หรือไม่" หม่าลู่เหยากล่าวอีกหน เสียงหวานแหบพร่าเล็กน้อยบ่งบอกว่าคอแห้งจริงๆ

เผิงจิ้งเสียนก้าวขายาวๆเดินไปที่โต๊ะไม้จัดการรินน้ำชาใส่จอก ก่อนจะเดินมาหยุดยืนอยู่ข้างเตียงและใช้มือข้างที่ว่างสะกิดไหล่กลมกลึงเบาๆ

"ช่วยประคองข้าลุกขึ้นที"

'ได้คืบจะเอาศอกงั้นหรือ...' เขาคิดในใจแต่กระนั้นก็ยอมทำตามที่ขอ 

หม่าลู่เหยาหันหน้ากลับมาทว่านางยังคงปิดเปลือกตาสนิทเหมือนเดิม รับรู้ได้ถึงวงแขนแข็งแรงของหูปิ่งที่ประคองร่างบางของนางขึ้น หม่าลู่เหยาวางศีรษะลงบนอกกว้าง ก่อนที่จะเริ่มรู้สึกได้ถึงความแปลกไปของหูปิ่ง เหตุใดหน้าอกของหูปิ่งถึงได้แข็งกระด้างเช่นนั้นเล่า

และแล้วดวงตาคู่งามก็เบิกกว้างเมื่อเห็นว่าคนที่นางกำลังนั่งซบอยู่นั้นหาใช่หูปิ่งไม่

"ท่านแม่ทัพเข้ามาเรือนข้าได้อย่างไรเจ้าคะ!"

"ก็เดินเข้ามาน่ะสิถามได้" เขากล่าวอย่างหยอกย้อน ใบหน้าหล่อเหลาบูดบึ้งราวกับกินรังแตนมาก็มิปาน

"ไม่สิ ต้องถามว่าเข้ามาทำไมต่างหาก" เอ่ยพึมพำพลางเงยหน้าขึ้นมองเขาอย่างจับผิด เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนก็รีบหันมองไปที่หน้าต่างพบว่าท้องฟ้ายังคงสว่างไสวอยู่เช่นเดิม

"ฟ้ายังสว่างโร่อยู่เช่นนี้ ท่านแม่ทัพยังมีอารมณ์จะทำเช่นนั้นกับข้าอีกหรือเจ้าคะ ข้าไม่ไหวหรอก ไข้ขึ้นปวดศีรษะยิ่งนัก ขอทดไว้เป็นวันอื่นแทนได้หรือไม่" หม่าลู่เหยาแสร้งทำหน้าตาน่าสงสาร มองเขาด้วยสายตาอ้อนวอน และแกล้งไอเบาๆออกมาอีกสองสามหน

"หลงตัวเอง เจ้าคิดว่าตัวเจ้างดงามมากสินะถึงได้คิดว่าข้าจะถวิลหาเจ้าทุกเวลา หึ! หน้าตาก็งั้นๆหาได้ทั่วไปตามตลาดสด"

'กรี๊ดดดดด ปากเสีย พูดจาหมาไม่รับประทาน!'

หม่าลู่เหยาอยากจะกรีดร้องใส่หน้าเขายิ่งนัก ทว่าก็ได้แต่คิดในใจ ก่อนจะทำหน้ามุ่ย นางงดงามมากถึงเพียงนี้ อกเป็นอก เอวเป็นเอว เขายังบอกว่านางไม่งดงามอีกหรือ 

"ข้าจะถือว่าเป็นคำชมจากท่านแม่ทัพก็แล้วกันนะเจ้าคะ" สุดท้ายก็ทำได้แต่เชิดหน้าขึ้น พลางลอบเบะปากใส่เขาเล็กน้อย

"เมื่อครู่บอกว่าหิวน้ำจะกินหรือไม่ หากไม่กินข้าจะได้วาง ถือนานจนเมื่อยแขนไปหมดแล้ว"

"ก็ไม่ได้ขอให้ทำเสียหน่อย"

"ว่าอย่างไรนะ!" เขาถามเสียงดังพลางถลึงตาใส่นาง

"ข้าบอกว่าเป็นบุญคุณยิ่งนักเจ้าค่ะ" หม่าลู่เหยาตอบอย่างยียวน ก่อนจะรับน้ำมาดื่มจนหมดและรีบส่งคืนให้เขาอย่างรวดเร็ว เสร็จแล้วก็ผละกายออกจากอกเขา นอนหันหลังให้เขาเช่นเดิม

แต่ทว่าเพียงเสี้ยววินาที หม่าลู่เหยาก็รับรู้ถึงแรงกดที่ทำให้เตียงของนางยวบลง จากนั้นก็ร้องอุทานขึ้นมาด้วยความตกใจ

"ท่านแม่ทัพจะทำอะไรเจ้าคะ"

"หม่าลู่เหยากางขาออก" เขาสั่งคนดื้อดึงเสียงดัง พร้อมออกแรงแยกขาเรียวออกจากกัน

"ไม่เจ้าค่ะ ก็ไหนท่านแม่ทัพบอกว่าจะไม่ทำเช่นนั้นกับข้าไงล่ะเจ้าคะ" นางกล่าวเสียงสั่นพร้อมพยายามฝืนแรงเขาไว้อย่างเต็มที่ แต่สุดท้ายก็สู้แรงคนตัวโตกว่าไม่ได้อยู่ดี ทันทีที่จับขาเรียวแยกออกจากกันได้ เผิงจิ้งเสียนก็แทรกกายเข้าไปอยู่กลางหว่างขาของนางทันที

หม่าลู่เหยาพยายามดีดดิ้น สองขาเตะสะเปะสะปะไปมา เผิงจิ้งเสียนส่งเสียงคำรามในลำคอด้วยความโมโห ก่อนจะจัดการกดขาสองข้างของนางเอาไว้ด้วยมือข้างเดียว

"อืออ อย่าทำ" หม่าลู่เหยาร้องเสียงสั่น ยามนี้นางเจ็บระบมไปหมด เขายังจะข่มเหงน้ำใจของนางอีกหรือ 

ชั่วช้าเกินไปแล้ว!

"อ๊ะ!" ร่างบางสะดุ้งเฮือกเมื่อสัมผัสได้ถึงความเย็นที่กึ่งกลางกาย เผิงจิ้งเสียนมองดอกไม้งามที่แดงเปล่ง ก่อนจะป้ายยาใส่มันพร้อมถูไปมาเพื่อให้ยาซึมลึกเข้าไปถึงข้างใน

"พะ พอแล้วเจ้าค่ะ ข้าทำเองได้"

"ทำเองได้งั้นหรือ อยากรู้นักว่าเจ้าจะนั่งถ่างขาท่าไหนถึงจะมองเห็นมันได้"

วาจาห่ามๆของเขาทำให้ดวงหน้างามแดงเถือกลามไปจนถึงใบหู ก่อนจะลืมตาข้างหนึ่งแอบมองคนที่นั่งจ้องดอกไม้งามของนางตาไม่กะพริบ

เผิงจิ้งเสียนกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ข่มกลั้นความปรารถนาที่กำลังพลุ่งพล่านไว้ในใจ หม่าลู่เหยาเห็นท่าทีของเขาในตอนนี้ก็เริ่มใจเสีย

"ท่านแม่ทัพอย่าทำนะเจ้าคะ" นางเอ่ยเตือนสติเขาอีกหนหนึ่ง

เผิงจิ้งเสียนชะงักไป ตอนนี้เขาปวดร้าวไปทั้งกายจนแทบทานทนไม่ไหวอยู่แล้ว ทว่าศักดิ์ศรีที่มีมันค้ำคอ หากให้เขาทำเช่นนั้นกับนางอีก นางอาจจะได้ใจคิดว่าเขาหลงใหลนางเป็นแน่

"วางใจได้ ข้าไม่ทำหรอก ร่วมเตียงกับเจ้าแค่ครั้งเดียวก็เกินพอแล้ว"

"หากผิดคำพูดอายสุนัขนะเจ้าคะ"

"ไม่มีทาง! คนอย่างเผิงจิ้งเสียนกล่าวคำไหนคำนั้น!" เขารีบผละออกจากกลางกายของนางอย่างรวดเร็ว หม่าลู่เหยาก็ไม่รอช้ารีบถลกกระโปรงลงคว้าผ้าห่มขึ้นมาคลุมมิดจนถึงคอ เขาหันมามองนางชั่วขณะหนึ่ง จากนั้นก็ก้าวเดินออกไปจากห้องพร้อมดึงประตูปิดเสียงดังปัง!

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel