บทที่ 6 เล่ห์กลของบุรุษ
หลังจากที่โดนก่อกวนจากเผิงจิ้งเสียน หม่าลู่เหยาก็นอนไม่หลับอีกเลย จวบจนเวลาล่วงเลยไปถึงยามอิ่ว (17.00 - 18.59 น.) หูปิ่งก็กลับเข้ามาหานางอีกครั้ง ในมือของนางถือถ้วยใส่อาหารพร้อมกับยา จนกระทั่งทานอาหารเย็นและยาเสร็จเรียบร้อย หม่าลู่เหยาก็ส่งถ้วยยาคืนกลับให้นาง หูปิ่งหยัดกายลุกขึ้นหมายจะเดินเอาถ้วยจานไปเก็บ พลันก็ต้องชะงักฝีเท้าลงเมื่อได้ยินเสียงเจ้านายขานชื่อตน
"หูปิ่ง"
"เจ้าคะคุณหนู"
"ช่วงนี่ข้ารู้สึกเลอะเลือนไปหลายเรื่อง เจ้าพอจะบอกข้าได้หรือไม่ว่าเหตุใดข้าถึงได้ถูกนำมาขายให้กับพ่อค้าทาส" หม่าลู่เหยาเอ่ยถามพลางจ้องหน้าหูปิ่งอย่างรอคอยคำตอบตาไม่กะพริบ เดิมทีตั้งใจว่าจะถามเรื่องนี้ตั้งแต่วันแรกที่เจอกับหูปิ่ง แต่ก็มาป่วยไข้เสียก่อน ทว่าตอนนี้ดีขึ้นมากแล้ว และมานึกขึ้นได้ว่านางยังไม่รู้เรื่องราวชีวิตของเจ้าของร่างนี้เลย
หูปิ่งได้ยินเช่นนั้นก็ชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะเม้มปากเข้าหากันแน่น ความขุ่นเคืองอัดแน่นเต็มอก ยามที่นึกถึงเรื่องนี้คราไหนก็รู้สึกโมโหทุกครั้งไป
"ว่าอย่างไรล่ะหูปิ่ง" หม่าลู่เหยาถามเร่งเร้า ความเงียบและสีหน้าโกรธเคืองของหูปิ่งเพิ่มความอยากรู้อีกเท่าตัว
หูปิ่งถอนหายใจออกมาเบาๆก่อนจะหันไปสบตากับเจ้านายสาว พลางเอ่ยปากเล่าเหตุการณ์วุ่นวายที่เกิดขึ้นที่จวนสกุลหม่าในวันนั้นให้ฟัง
แม้หม่าลู่เหยาจะมีสถานะเป็นบุตรสาวของเสนาบดีหม่าฮ่าวหยู ทว่าหลังจากที่เขาสิ้นชีพไปเมื่อหลายปีก่อน สถานะของหม่าลู่เหยาก็ไม่ต่างจากสาวใช้ในจวนคนหนึ่ง อีกทั้งยังได้รับความเกลียดชังของมารดาเลี้ยงและน้องสาวต่างบิดาที่ขยันหาเรื่องมาคอยกลั่นแกล้งนางอยู่เสมอ เหตุเพราะหม่าฮูหยินรู้สึกชิงชังที่หม่าลู่เหยาเป็นบุตรสาวของคนรักเก่าของเสนาบดีหม่าฮ่าวหยูที่ตายจากไปตั้งแต่ตอนที่นางยังคงอยู่ในวัยเยาว์ไม่ประสา แต่การมีอยู่ของหม่าลู่เหยาก็ไม่ต่างจากหนามแหลมที่คอยทิ่มแทงใจหยูอานฉีหรือหม่าฮูหยินเรื่อยมา
จนกระทั่งราวสามเดือนก่อน หม่าชิวเยว่บุตรสาวของนางได้หมั้นหมายกับคุณชายสกุลเยี่ยน เขาได้แวะเวียนมาที่จวนสกุลหม่าหลายต่อหลายครั้ง เรื่องราววุ่นวายมันเริ่มขึ้นที่ตรงนี้ ยามนั้นหม่าฮูหยินกับบุตรสาวของนางไม่อยู่จวน และเยี่ยนปิ่งซงได้แวะเวียนมาหาหม่าชิวเยว่ในวันนั้นพอดี
หม่าลู่เหยาได้เข้าไปต้อนรับตามมารยาท เพราะอย่างไรนางก็อยู่ในฐานะคุณหนูของจวน แต่ผู้ใดจะรู้ว่าการที่นางออกมาต้อนรับเยี่ยนปิ่งซงในวันนั้นจะเป็นเหตุทำให้เขาหาเรื่องลวนลามนางได้ หลังจากที่เขาออกอุบายทำทีเป็นปวดศีรษะ ขอเข้าไปนอนพักข้างในห้องรับรองแขกเพื่อรอหม่าชิวเยว่กลับมา จากนั้นก็หลอกล่อให้นางอยู่ตามลำพังกับเขา
หม่าลู่เหยาเป็นคนซื่อ ไม่นึกว่าคนรักของน้องสาวจะมีแผนการชั่วช้า นางจึงตกหลุมพรางของเขาอย่างง่ายดาย
'คุณชายเยี่ยนปล่อยข้าเถอะนะเจ้าคะ' หม่าลู่เหยาตัวสั่นสะท้านในอ้อมกอดของคนตัวโตกว่า พยายามดิ้นให้หลุดพ้นจากพันธนาการทว่าเยี่ยนปิ่งซงกลับไม่ยอมปล่อยนาง หนำซ้ำยังกอดรัดนางแน่นขึ้น
'อย่าดิ้นไปหน่อยเลยน่า ตอนนี้เราสองคนอยู่ด้วยกันตามลำพัง ไม่มีผู้ใดมาเห็นหรอก'
'คุณชายเยี่ยนทำแบบนี้กับข้าไม่ได้นะเจ้าคะ ท่านเป็นคู่หมั้นของเยว่เอ๋อร์นะ!' หม่าลู่เหยากล่าวด้วยความโกรธ
ทว่าวาจาของนางกลับทำให้เยี่ยนปิ่งซงหัวเราะออกมาเสียงดังราวกับไม่รู้สึกรู้สาอะไรเลยสักนิดเดียว ก่อนที่เขาจะก้มหน้าลงมาใกล้หมายจะหอมแก้มนุ่มนิ่มที่อยู่ตรงหน้า ยามที่หม่าลู่เหยาโกรธนั้นดูน่ารักน่าชังไม่ใช่น้อย
'ข้าถูกใจเจ้ามานานแล้ว มาเป็นเมียของข้าอีกคนเถอะ หากเจ้ายอม ข้าจะดูแลเจ้าเป็นอย่างดี ไม่ปล่อยให้เสี่ยวเยว่ทำร้ายรังแกเจ้าได้' เขาพูดด้วยน้ำเสียงแหบพร่า ยิ่งนางดิ้นร่างกายก็ยิ่งเสียดสีกันไปมาทำให้อะไรๆของเขาตื่นตัวจนปวดร้าวไปทั่วทั้งแก่นกาย
'ไม่! ข้าไม่ได้รักท่าน ปล่อยข้านะ! ใครก็ได้ช่วยด้วย หูปิ่งช่วยข้าที อื้อออ' หม่าลู่เหยาพยายามร้องขอความช่วยเหลือ แต่เยี่ยนปิ่งซงกลับใช้มือหนาของเขาปิดปากนางเอาไว้ ก่อนจะผลักร่างบางลงบนพื้นลุกขึ้นคร่อม และก้มหน้าลงซุกไซ้ซอกคอหอมกรุ่นของนาง
แอ๊ด!
บานประตูถูกกระชากให้เปิดออกอย่างแรง ก่อนที่เสียงกรีดร้องจะดังขึ้นลั่นห้อง
'กรี๊ดดดดดดดด! คุณชายเยี่ยนท่านทำอะไร!'
'สะ เสี่ยวเยว่' เยี่ยนปิ่งซงรีบผละห่างออกจากร่างบางของหม่าลู่เหยาทันที
หูปิ่งรีบเข้ามากอดปลอบเจ้านายที่นั่งตัวสั่นร้องไห้สะอึกสะอื้นไม่ต่างจากลูกนกด้วยความสงสาร
'หูปิ่งข้ากลัว ฮึก'
'นี่มันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้น!' หยูอานฉีถามด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว ตวัดสายตามองไปยังเยี่ยนปิ่งซงที่ยืนหน้าซีดสลับกับหม่าลู่เหยาที่นั่งร้องไห้โฮราวจะขาดใจในอ้อมกอดของหูปิ่ง
'คุณชายเยี่ยนนอกใจข้าหรือ!' หม่าชิวเยว่กระชากเสียงถามด้วยความเดือดดาล พลางถลึงตาใส่เขาอย่างน่ากลัว
'เปล่าเสียหน่อย ลู่เหยาต่างหากที่ยั่วยวนข้า นางแสร้งทำเป็นสะดุดล้ม ข้าเข้าไปช่วยเพราะความหวังดี ด้วยเห็นว่านางเป็นพี่สาวของคนรักของข้า ทว่าใครจะไปรู้ว่านางจะดึงข้าเข้าไปจูบ'
'ไม่ใช่นะเจ้าคะ คุณชายเยี่ยนเหตุใดถึงได้โกหกเช่นนั้นเล่า'
'นังแพศยา!'
เพี้ยะ!
หม่าชิวเยว่ก้าวเข้ามาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าก่อนจะตวัดฝ่ามือใส่ใบหน้างามของหม่าลู่เหยาอย่างแรงด้วยความหึงหวง
'ท่านแม่ข้าไม่ยอมนะเจ้าคะ เรื่องนี้ปล่อยไปไม่ได้เด็ดขาด!'
หยูอานฉีเงียบไปชั่วครู่ อันที่จริงนางไม่อยากจะเชื่อวาจาของเยี่ยนปิ่งซงเท่าใดนัก แต่เพราะความเกลียดชังในตัวลูกเลี้ยงสาวกลับมีมากกว่า นางอยากกำจัดหม่าลู่เหยาออกไปจากจวนสกุลหม่านานแล้วจึงตัดสินใจใช้โอกาสนี้ให้เป็นประโยชน์
'สตรีชั่วช้าแย่งได้แม้กระทั่งคนรักของน้องสาว ข้าไม่อาจทนเห็นหน้าเจ้าได้อีกต่อไปแล้ว ข้าจะขายเจ้าให้กับพ่อค้าทาส!'
หลังจากที่ย้อนเล่าเรื่องราวจบ หูปิ่งก็น้ำตาไหลพราก นางสงสารเจ้านายสาวอย่างสุดหัวใจ ไม่นึกว่าหม่าลู่เหยาจะต้องมาเจอกับเหตุการณ์เลวร้ายเช่นนี้
ตุ้บ!
มือบางกำแน่นเข้าหากัน กระแทกลงบนฟูกนอน หน้าแดงก่ำบ่งบอกถึงความโกรธ
"สารเลว! ชั่วช้าทั้งแม่ทั้งลูก" หม่าลู่เหยาผรุสวาทออกมาด้วยน้ำเสียงอันดัง
เจ็บใจนัก! หากนางได้เข้ามาอยู่ในร่างนี้เร็วสักหน่อย ไม่แน่ว่าคนสกุลนั้นคงไม่ได้หยามกันง่ายๆเช่นนี้แน่!
"แต่บ่าวคิดว่าคุณหนูออกมาจากจวนนั้นก็ดีเหมือนกันนะเจ้าคะ อยู่ที่นั่นไปก็รังแต่จะโดนคนใจร้ายรังแก"
หม่าลู่เหยาหันไปสบตากับหูปิ่งก่อนจะถอนหายออกมาอย่างแรง ล้มตัวลงนอนพลางหัวเราะออกมาเบาๆให้กับโชคชะตาของตน
'โชคดีงั้นหรือ การเป็นสาวใช้อุ่นเตียงที่แสนไร้ค่ามันโชคดีตรงไหนกัน น่าเวทนามากกว่าล่ะสิไม่ว่า'
เหมือนหูปิ่งจะล่วงรู้ถึงความคิดของนาง หูปิ่งหันไปจับมือบางขึ้นมากอบกุมเอาไว้อย่างให้กำลังใจ
"คุณหนูเจ้าคะ บ่าวรู้ว่าการอยู่ในสถานะเช่นตอนนี้มันไม่ง่าย แต่อย่างน้อยก็ขอให้คุณหนูอดทนไปก่อน ครบหกเดือนเมื่อใดคุณหนูก็จะเป็นอิสระแล้วเจ้าค่ะ"
"ถ้าหากตอนนั้นมาถึง เจ้าจะออกไปจากจวนนี้กับข้าหรือไม่"
"หากไปได้บ่าวก็จะไปเจ้าค่ะ แต่บ่าวไม่แน่ใจว่าจะหาเงินมาไถ่ตัวได้หรือไม่" หูปิ่งเอ่ยอย่างปลงๆ กรณีของนางกับหม่าลู่เหยานั้นต่างกัน เพราะนางไม่ได้อยู่ในสัญญาของคุณหนูเผิงเจียอีเหมือนหม่าลู่เหยา
"เราต้องได้ออกไปจากที่นี่ด้วยกัน ข้าสัญญา" หม่าลู่เหยาลุกขึ้นใช้มือข้างที่ว่างวางทับมือของหูปิ่งเอาไว้ กล่าวด้วยวาจาหนักแน่น หูปิ่งเบะปากทำท่าจะร้องไห้ ก่อนจะซบใบหน้าลงบนมือบาง
"ขอบคุณเจ้าค่ะคุณหนู หูปิ่งขอสาบานว่าจะติดตามรับใช้คุณหนูไปตลอดชีวิต"
หม่าลู่เหยาส่งยิ้มบางๆให้กับนาง
เอาล่ะ... ต่อไปก็ต้องคิดหาวิธีหาเงิน เพราะนอกจากจะต้องนำมาไถ่ตัวหูปิ่งแล้วก็ต้องเก็บเอาไว้ใช้ตั้งหลักในยามที่นางเป็นอิสระจากคนสกุลเผิง!
วันนี้หม่าลู่เหยาต้องตื่นแต่เช้าตั้งแต่ยามเหม่า (05.00 - 06.59 น.) หลังจากที่เมื่อวานป่วยเพราะพิษไข้ ทว่าหลังจากได้ดื่มยาที่ป้าฉีนำมาให้อาการก็ดีขึ้นจนแทบหายเป็นปลิดทิ้งแล้ว
หม่าลู่เหยาสวมชุดสาวใช้เดินออกมาจากเรือนเล็กเดินตรงไปยังเรือนใหญ่พร้อมกับหูปิ่ง ระหว่างทางดวงหน้างามก็เงยหน้าขึ้นไปมองบนท้องฟ้าที่ทอแสงอาทิตย์อบอุ่นส่องลงมาอยู่รำไร เสียงนกน้อยที่เกาะอยู่บนกิ่งไม้ต่างพากันส่งเสียงร้องเจื้อยแจ้วราวกับกำลังทักทายกันต้อนรับวันใหม่
"อากาศสดชื่นดีจังเลย" หม่าลู่เหยายกมือขึ้น บิดขี้เกียจไปมา สูดลมหายใจนำอากาศบริสุทธิ์เข้าปอดเฮือกใหญ่
จวบจนเดินมาถึงบันไดทางขึ้นเรือนก็เห็นป้าฉีกำลังยืนคุมสาวใช้ยกสำรับอาหารไปที่ห้องอาหาร
"มากันแล้วหรือ" ป้าฉีเอ่ยทักทาย มองดรุณีวัยกำดัดหน้าตาจิ้มลิ้มตั้งแต่ศีรษะจรดเท้า ยามนี้หม่าลู่เหยาสลัดคราบคุณหนูสกุลหม่าออกไปจากตัวหมดแล้ว ฐานะของนางในตอนนี้คือสาวใช้ของจวนสกุลเผิง ทว่าสีหน้าของนางกลับไร้ความเศร้าโศกเสียใจ ไม่เหมือนดั่งวันแรกที่ได้เจอกัน