บุปผาอุ่นเตียงอันดับหนึ่งในดวงใจพยัคฆ์

107.0K · จบแล้ว
หย่งเอ๋อร์
43
บท
23.0K
ยอดวิว
8.0
การให้คะแนน

บทย่อ

ชีวิตของ 'หม่าลู่เหยา' จบสิ้นลงจากการทำงานหนัก เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาก็พบว่าได้ย้อนเวลามาในยุคโบราณและยังถูกขายเข้ามาที่จวนแม่ทัพใหญ่แห่งแคว้นซ่ง ในเมื่อชีวิตไม่มีทางเลือก นางจึงตั้งใจทำหน้าที่ด้วยความหวังว่าครบหกเดือนเขาจะปล่อยนางให้เป็นอิสระตามสัญญา แต่เรื่องมันคงจะง่ายกว่านี้หากนางไม่เผลอมอบใจให้เขาไป ทว่าในสายตาของเขากลับเห็นนางเป็นแค่นางบำเรอ สำหรับ 'เขา' นางเป็นเพียงสาวใช้อุ่นเตียงที่แสนไร้ค่าที่เขาไม่มีวันมอบใจให้ แต่เมื่อกาลเวลาผ่านไป ความจริงเปิดเผยจึงได้รู้ว่าแท้จริงสาวใช้ต่ำต้อยผู้นี้เป็นถึงดวงจันทร์ล้ำค่าที่แม้กระทั่งตัวเขายังไม่อาจเอื้อมถึง! [นิยายโรแมนติก ดราม่านะคะ พระเอกเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย จะเสือหรือจะโบ้มารอดูกันค่ะ]

แม่ทัพท่านอ๋องข้ามมิติเกิดใหม่จีบเมียเก่าพาลูกกหนีจีนโบราณ18+นิยายรักโรแมนติกนิยายจีนโบราณ

บทที่ 1 ท่านแม่ทัพเป็นพวกต้วนซิ่ว

เมืองหลวงขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองที่ไม่เคยหลับใหล แม้ว่าตอนนี้จะเป็นเวลาดึกสงัดแต่บนท้องถนนยังคงมีรถวิ่งไปมาอยู่ตลอดเวลา ในคอนโดห้องเล็กๆแห่งหนึ่งใจกลางเมืองหลวงบนหน้าต่างของห้องชั้น 11 ริมสุดทางเดินปรากฏร่างบอบบางของใครบางคนยืนอยู่ ดวงตากลมโตมองผ่านหน้าต่างไปยังรถคันใหญ่ที่วิ่งฉิวไปมา เพียงไม่นานก็ดึงม่านให้ปิดลง

"ฮ้าววว" มือบางยกขึ้นปิดปากหาวพลางทรุดตัวลงนั่งอยู่บนโต๊ะอ่านหนังสือ 

"สภาพดูไม่ได้จริงๆ" เสียงใสบ่นอุบขึ้นมาเบาๆเมื่อมองภาพสะท้อนในกระจกเห็นดวงตาลึกโหลพร้อมกับใต้ตาที่ดำคล้ำราวกับคนอดนอน ผมยาวที่ถูกรวบเป็นมวยอย่างลวกๆไว้กลางศีรษะบัดนี้กลับดูยุ่งเหยิงไม่เป็นทรง เป็นเพราะต้องปั่นต้นฉบับส่งบ.กที่เร่งทวงงานยิกๆจนทำให้เธอไม่ได้หลับไม่ได้นอน และด้วยความหักโหมทำให้ร่างกายรู้สึกอ่อนเพลียจนแทบจะลืมตาไม่ขึ้นอยู่รอมร่อ

ส่วนสาเหตุที่เธอยอมโหมงานหนักแบบนี้เป็นเพราะอะไรน่ะหรือ... ก็เพราะบ.กตัวดีบอกว่าถ้าหากเธอส่งต้นฉบับทันภายในอาทิตย์นี้ เขาจะให้บัตรเข้างานแฟนมีตติ้งของ 'หมิงหยวน' พระเอกซูเปอร์สตาร์ชื่อดังของประเทศที่เธอชอบให้เธอฟรีๆหนึ่งใบน่ะสิ

ของรางวัลล้ำค่าแบบนี้เป็นใครจะไม่สนใจกันล่ะ บัตรงานแฟนมีตติ้งของหมิงหยวนหายากยิ่งกว่าอะไรดี 

คนที่ถือคติประจำใจว่า 'เพื่อผู้ชายยังไงก็ต้องสู้!'มีหรือจะปฏิเสธได้

"หมิงหยวนสุดหล่อของเสี่ยวเหยารอก่อนเถอะ เดี๋ยวเราก็ได้เจอกันแล้ว อืม... พ่อหนุ่มสุดหล่อมาให้เสี่ยวเหยาจุ๊บๆหน่อยสิ" คนที่นอนฟุบหน้าลงกับแขนเอ่ยเสียงพึมพำ มือบางกำรูปถ่ายของดาราหนุ่มที่ตนเองชื่นชอบไว้แน่น ก่อนที่ดวงตาจะค่อยๆปิดสนิทลงด้วยความอ่อนเพลียเข้าสู่ห้วงนิทราที่ไม่มีวันตื่นขึ้นมาอีกเลย...

ณ จวนสกุลเผิง เมืองฮ่าวฝู แคว้นซ่ง

ร่างสูงองอาจในชุดสีน้ำเงินเข้มกำลังย่างกรายเดินตรงไปยังหอนอน ใบหน้าคร้ามแดดทว่าหล่อเหลาเคร่งขรึม ประกายตามุ่งมั่นบดบังความห้าวหาญไว้ไม่มิด บัดนี้กลับเต็มไปด้วยความเคร่งเครียดเมื่อนึกถึงสตรีที่กำลังรอเขาอยู่ที่หอนอน

แม้จะไม่เต็มใจและไม่เห็นด้วยกับการกระทำของน้องสาวในครั้งนี้เท่าไหร่ แต่กระนั้นก็ยังคงก้าวเดินต่อไปข้างหน้าเพื่อทำหน้าที่ของตนในค่ำคืนนี้

'ใครๆต่างก็บอกว่าท่านแม่ทัพเผิงเป็นพวกต้วนซิ่ว' ชายผู้หนึ่งเอ่ยขึ้น

'ไฮ้! จะเป็นไปได้อย่างไรกัน!' สตรีวัยกลางคนที่อยู่ในวงสนทนายกมือขึ้นทาบอก

'ก็เป็นไปแล้วนั่นไงเล่า หาไม่เจ้าก็ลองคิดดูสิท่านแม่ทัพอายุไม่น้อยแล้ว แต่เหตุใดถึงยังไร้สตรีข้างกาย" ชายที่เริ่มเรื่องเอ่ยต่อ

'ท่านแม่ทัพอาจจะยังไม่เจอคนที่ถูกใจก็เป็นได้'

'เรื่องแต่งงานก็แล้วไปเถิด ยังไม่แต่งงานก็ไม่เป็นไร แต่อย่างน้อยก็ต้องมีบ่าวบำเรอหรือสตรีอุ่นเตียงสักคนสิ'

'ก็จริงอย่างที่เจ้าว่า ได้ข่าวว่าท่านแม่ทัพไม่นิยมเที่ยวหอบุปผางามด้วยใช่หรือไม่' สตรีคนที่สองเดินเข้ามาร่วมวงสนทนาหลังจากที่ยืนฟังอย่างเงียบๆ

'ใช่ๆ ดูแล้วผิดวิสัยบุรุษยิ่งนัก หรืออาจเป็นเพราะท่านแม่ทัพไม่นิยมชมชอบสตรีแต่ชอบบุรุษด้วยกันอย่างไรเล่า'

'ตายแล้ว! ชอบบุรุษงั้นหรือ ผู้ใดกัน'

'อาจจะเป็นท่านซูหนานก็เป็นได้ เห็นตัวติดกันแจถึงเพียงนั้น'

'ท่านแม่ทัพหน้าตาหล่อเหลาเพียบพร้อมทุกอย่าง หากเป็นต้วนซิ่วจริงๆก็น่าเสียดายยิ่งนัก' นางเอ่ยขึ้นพร้อมกับส่ายศีรษะไปมาก่อนจะหันไปสบตากับเพื่อนร่วมวงพร้อมเปล่งเสียงหัวเราะออกมาด้วยความขบขัน

มือหนากำหมัดแน่นเข้าหากันยามนึกถึงวาจาของชาวเมือง คำซุบซิบนินทาที่ได้ยินนั้นเป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น เพราะยังมีคำที่เขายังไม่ได้ยินอีกมาก และก่อนที่ชื่อเสียงของเขาจะป่นปี้ไปมากกว่านี้ น้องสาวของเขา 'เผิงเจียอี' ก็ได้ซื้อตัวดรุณีน้อยผู้หนึ่งที่ประมูลมาได้จากพ่อค้าทาสมาให้เขารับนางเป็นสาวใช้อุ่นเตียงเพื่อลบคำครหาของชาวเมืองที่ทำให้ชื่อเสียงของเขาเสียหาย

'เพื่อตัวท่านพี่เองรับนางไว้เถิดเจ้าค่ะ อย่างน้อยก็ขอให้ได้ลบคำสบประมาทเข้าใจผิดของทุกคนไปก่อน จากนั้นก็ค่อยว่ากันต่อ'

เผิงจิ้งเสียน เห็นถึงความปรารถนาดีของคนเป็นน้องก็ไม่อาจปฏิเสธได้ สุดท้ายก็จำใจต้องรับนางเข้ามา หลังจากบ่าวรับใช้พานางไปอาบน้ำเปลี่ยนอาภรณ์เสร็จ บ่าวรับใช้ก็มาแจ้งแก่เขาว่าตอนนี้ได้ส่งนางไปรอเขาอยู่ที่หอนอนแล้ว

จวนสกุลเผิงเป็นจวนหลังใหญ่โอ่อ่างดงาม ห้องหับต่างๆมีรวมเกือบยี่สิบห้อง ส่วนหอนอนของเผิงจิ้งเสียนอยู่ทางปีกตะวันออกฝั่งทางด้านขวา ชายหนุ่มก้าวเดินไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วหวังเพียงว่าจะรีบทำหน้าที่ของตนในค่ำคืนนี้ให้แล้วเสร็จไปอย่างรวดเร็ว

ทว่าเพียงแค่เดินมาถึงทางแยก เขาก็สังเกตเห็นว่าบริเวณหน้าหอนอนกำลังเกิดความวุ่นวายขึ้น แต่ยังไม่ทันได้เอ่ยปากถามอะไร เผิงเจียอีที่เห็นพี่ชายกำลังเดินมาก็รีบวิ่งเข้ามาหาเขาเสียก่อน

"ท่านพี่ แย่แล้วเจ้าค่ะ หม่าลู่เหยาหายตัวไป!" หม่าลู่เหยา คือชื่อของว่าที่สาวใช้อุ่นเตียงของเขา เผิงจิ้งเสียนมองท่าทีร้อนใจของเผิงเจียอีอย่างไม่ทุกข์ร้อนใจนัก ก่อนจะเดินไปเปิดประตูห้องพบว่าไม่มีร่อยรอยของการต่อสู้จึงสรุปว่านางคงตั้งใจหนีไปเอง นางคงไม่อยากเป็นสาวใช้อุ่นเตียงของเขากระมัง

"ซูหนาน" เสียงแหบห้าวขานชื่อของผู้ติดตามคนสนิท ร่างสูงของบุรุษผู้หนึ่งเดินเข้ามายืนรอรับคำสั่งของเจ้านายอย่างนอบน้อม

"ขอรับท่านแม่ทัพ"

"ไปลากตัวของหม่าลู่เหยากลับมาให้ได้ หากมีผู้ใดให้การช่วยเหลือนางก็จัดการสังหารทิ้งให้หมด" เผิงจิ้งเสียนสั่งการเสียงเหี้ยม เขาไม่ได้มีจิตคิดพิศวาสสตรีผู้นั้นเลยแม้แต่น้อย จะให้เขาปล่อยนางไปก็ย่อมได้ ทว่าการที่นางหนีเขาไปเช่นนี้ทำให้เขารู้สึกเสียหน้าอย่างมาก เขาต่างหากที่ต้องเป็นคนกำหนดชีวิตนางว่าจะอยู่หรือจะไป ไม่ใช่ให้นางมาเลือกสรรตามใจตนเองเช่นนี้ อีกทั้งน้องสาวของเขายอมจ่ายเงินไปตั้งสองหมื่นตำลึงทองเพื่อซื้อนางมา หากนางจะไปจากเขาก็ต้องคืนเงินมาเสียก่อน

'เจ้าคิดว่าจวนสกุลเผิงของข้าเข้ามาแล้วจะออกได้ง่ายๆหรือ คิดผิดเสียแล้วหม่าลู่เหยา!'

ซูหนานรับคำจากนั้นก็เดินออกไปทำตามคำสั่งของเจ้านาย เขาจัดการแกะรอยตามตัวคนก็พบว่ามีรอยเท้าเล็กของสตรีเดินออกไปทางประตูหลังจวน ซูหนานเร่งพาทหารเกือบสามสิบนายติดตามไป คนอย่างซูหนานไม่เคยทำงานพลาด อย่างไรก็ต้องพาตัวว่าที่สาวใช้อุ่นเตียงของท่านแม่ทัพกลับมาให้ได้!

ตุ้บ! 

เสียงของวัตถุบางอย่างหล่นลงพื้นส่งเสียงดังท่ามกลางความเงียบสงัดทำให้คนที่หลับตาอยู่ถึงกับสะดุ้งเฮือกลืมตาตื่นขึ้นทันควัน หม่าลู่เหยาหันไปมองก็พบว่าเป็นผลผิงกั่ว (แอปเปิ้ล) ที่กำลังกลิ้งหลุนๆอยู่ข้างกายก่อนที่จะหยุดลง มือบางยกขึ้นลูบศีรษะของตนเองไปมาเมื่อไม่เห็นบาดแผลก็รู้สึกโล่งใจ นับว่าโชคดีที่ผลผิงกั่วไม่ได้หล่นใส่ศีรษะของนาง หาไม่เช่นนั้นหัวคงแตกอย่างไม่ต้องสงสัย

"ฉันอยู่ที่ไหนกันเนี่ย!" หม่าลู่เหยารีบหยัดกายลุกขึ้นเมื่อพบว่าตอนนี้ตนเองไม่ได้อยู่ในสถานที่ที่คุ้นเคยอีกต่อไป สถานที่ตรงนี้เหมือนอยู่ในป่าลึก รอบกายมืดสนิทมีเพียงแสงจากดวงจันทร์ที่ส่องลงมาพอให้มองเห็นทางอย่างสลัวๆ

หม่าลู่เหยาอยากจะร้องไห้ออกมาเสียตรงนี้ จำได้ว่ากำลังนั่งเขียนต้นฉบับนิยายส่งให้บ.กอยู่ในห้องไม่ใช่หรือ แต่ทำไมถึงได้มาโผล่อยู่ตรงนี้ได้กันนะ

พลันไม่นานสายตาก็ปะทะเข้ากับแสงคบเพลิงของคนกลุ่มหนึ่ง พร้อมด้วยเสียงกุบกับที่ดังไปทั่วบริเวณคล้ายกับมีสัตว์ใหญ่กำลังวิ่งตรงมา ด้วยความหวาดกลัว

"ผีหลอกมั้ยนี่ อย่าหลอกกันนะเดี๋ยวแม่จะสาปแช่งไม่ให้ผุดไม่ให้เกิดเลยคอยดูสิ!" หม่าลู่เหยายกมือเท้าสะเอว ผีจะกล้าหลอกคนนิสัยดีน่ารักเรียบร้อยอย่างเธอจริงๆเหรอ

"นางอยู่นั่น!" ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงบุรุษคนหนึ่งตะโกนขึ้น พร้อมกับเสียงเกือกม้ากระทบพื้นเข้ามาใกล้ หม่าลู่เหยาเห็นคนกลุ่มหนึ่งควบม้ามาหา นางจึงรีบวิ่งเข้าไปหาด้วยความดีใจ

"ช่วยด้วยค่ะ ฉันหลงทางมา พวกคุณช่วยพาฉันออกไปจากป่าได้ไหม" ร่างเล็กกระโดดขึ้นลงพร้อมโบกไม้โบกมือไปมา ก่อนที่คิ้วสวยจะยกเฉียงขึ้นเล็กน้อยมองกลุ่มคนตรงหน้าด้วยความประหลาดใจ

"เอ๊ะ! กำลังถ่ายซีรี่ย์กันอยู่เหรอคะ ขอโทษค่ะที่รบกวน" หม่าลู่เหยาโค้งตัวลงเล็กน้อยแทนคำขอโทษ ผู้กำกับ ทีมงาน ช่างกล้องหายไปไหนกันหมด แต่จะมาโทษกันก็ไม่ได้นะ เสี่ยวเหยาไม่ได้ตั้งใจซะหน่อย หญิงสาวคิดในใจ ทว่าจู่ๆบุรุษคนที่อยู่หน้าสุดก็กระโดดลงจากหลังม้าเดินมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้า หม่าลู่เหยาส่งยิ้มให้เขาเล็กน้อยพลางคิดว่า

'ว้าว ดาราสมัยนี้หน้าตาดีกันจริงๆ แต่สู้หมิงหยวนไม่ได้หรอกนะ เพราะในใจของเสี่ยวเหยามีหมิงหยวนคนเดียวเท่านั้น คิกๆ'

แต่แล้วหม่าลู่เหยาก็รู้สึกได้ถึงแรงหนักอึ้งที่ปะทะมาบนหลังคอขาวของนางทำให้สติสัมปชัญญะที่มีดับวูบลง ร่างบางล้มพับนอนลงกับพื้นดิน