4.ย้อนอดีต 15 ปีก่อน
๑๕ ปีก่อน
เด็กหญิงผิวเข้มยืนลังเลหน้าประตูห้องครัว ความกลัวจู่โจมร่างเล็กบอบบางอย่างฉับพลัน ด้วยทราบดีว่าเรือนหลังนี้เป็นของช่อแก้ว คนที่อาศัยบ้านเช่าท้ายตลาดคุ้มกะลาหัวไม่ควรเข้ามาเพ่นพ่าน!
“หยกรออยู่ตรงนี้ดีกว่า เจ้านายเข้าไปคนเดียวเถอะ” ใบหยกบอกเพื่อนรักผู้ที่เป็นลูกเจ้าของบ้าน พลางเหลียวซ้ายแลขวา หวั่นหวาดว่าจะมีใครมาพบ และเอาความไปฟ้องช่อแก้ว
เมื่อก่อนเด็กหญิงเคยเข้ามาด้านหลังบ้านบ่อยครั้ง นั่งเล่นดูโทรทัศน์กับเด็กในครัวแบ่งปันขนมกินกันเป็นประจำ ได้เจ้าภาพอย่างมีบริบูรณ์คอยอำนวยความสะดวก แต่หลังจากเขาย้ายไปเรียนในตัวจังหวัด ภาพนั้นค่อยๆ เลือนหาย อีกทั้งอรพินท์น้องสาวมารดาเด็กชายสั่งห้ามไม่ให้ลูกหลานคนในบ้าน และเด็กท้ายตลาดเข้ามาเล่นในเรือนหลังนี้อย่างเด็ดขาด
นับแต่นั้นวิมานแสนสุขของใบหยกจึงพังทลายลง
“ถ้างั้นรออยู่นี่นะ อย่าหนีกลับก่อนล่ะ” เด็กชายยิ้มกว้าง แล้วยื่นถุงขนมให้เพื่อนถือไว้
ใบหยกมองขนมถ้วยฟูในถุงแล้วน้ำลายสอ กลิ่นหอมลอยเข้าจมูก ตั้งแต่เที่ยงยังไม่มีอะไรตกถึงท้อง เพราะแม่ยังไม่กลับจากช่วยงานที่ร้านอาหาร เลยต้องหิ้วท้องรอ
เวลาผ่านไปหลายนาที เด็กหญิงมองขนมถ้วยฟูกับขนมชั้นอย่างชั่งใจ พลางชะเง้อมองหาเพื่อน แต่ไม่เห็นเขากลับออกมาเสียที ทั้งหิว และท้องก็ร้องดังโครกครากจนแสบไปหมด เลยเผลอหยิบขนมในถุงส่งเข้าปาก
ใบหยกกลืนมันลงคออย่างรวดเร็ว หากไม่ทันได้หยิบอีกชิ้น เสียงห้าวใหญ่ซึ่งเป็นมารคอหอยก็ดังขัด
“เฮ้ย! ตัวอะไรดำๆ อยู่ตรงนั้น”
เด็กหญิงตกใจเผลอทำถุงขนมหลุดมือ ครั้นร่างสูงเก้งก้างเผยต่อหน้า ยิ่งทำให้กลัวจนแข้งขาอ่อน
“กูถามว่าใคร!” เสียงตวาดดังซ้ำ พร้อมการปรากฏตัวของเด็กหนุ่มผิวขาวจัด ดวงหน้าดูคล้ายมีบริบูรณ์ ผิดแต่เขามีสีหน้าบึ้งตึง และการแสดงออกก็ดุกร้าวเกินวัย
“เอ่อ...ฉันรอเจ้านาย จะออกไปเดี๋ยวนี้ละ” เด็กหญิงตอบเสียงสั่น ยืนตัวลีบติดผนัง
เด็กหนุ่มมองใบหยกอย่างจับผิด ทั้งเสื้อผ้าที่สวมใส่ และผมยาวพันกันยุ่งเหยิง ดูไม่น่าไว้ใจ
“เป็นขโมยหรือเปล่า” เขาชี้ไปถุงขนมซึ่งตกอยู่บนพื้น มองเลยถึงเศษขนมถ้วยฟูที่ติดข้างแก้มเด็กหญิง จึงคะเนว่าอีกฝ่ายคงหิวเลยย่องเข้ามาขโมยของกินในครัว
ใบหยกส่ายหน้าเร็วแรง มองเด็กหนุ่มอย่างขอให้เขาเข้าใจ แต่พอเห็นคิ้วเข้มขมวดมุ่น สมองน้อยๆ ก็เดาออกว่า แก้ตัวอย่างไรเขาคงไม่เชื่อ สองขาจึงไวเท่าความคิด เด็กหญิงวิ่งปรู๊ดไปทางหลังบ้าน ด้วยตัวที่เล็กและบางกว่าเลยลอดพุ่มไม้ออกไปได้พอดี ผิดกับเขาต้องกระโดดอ้อมอีกทาง ทว่าขาซึ่งอ่อนแรงของใบหยกพลาดไปสะดุดกระถางต้นไม้เข้า ร่างเล็กจึงเสียหลักล้ม
“โอ๊ย!” เด็กหญิงร้องลั่น รู้สึกถึงความแสบจี๊ดๆ ที่หัวเข่า แต่ไม่มีเวลาสำรวจบาดแผล เพราะร่างเก้งก้างไล่ตามมาติดๆ
“ไอ้หน้าขาว จ้างให้ก็จับไม่ทันร้อก!” เด็กหญิงปากเก่งไปเช่นนั้น หากในความจริง นอกจากจะได้แผลที่หัวเข่า ใบหยกยังรู้สึกถึงอาการเคล็ดของข้อเท้า การหลบหนีเลยเชื่องช้ากว่าปกติ
“วิ่งหนีแบบนี้ เป็นนังหัวขโมยใช่มั้ย” เขากล่าวหาใบหยกเสียงดัง
และวินาทีต่อมา มือยาวก็ตะปบคอเสื้อเด็กหญิงไว้ทัน เสื้อตัวบางรั้งร่างเล็กเอาไว้ ใบหยกเสียวสันหลังวาบ แรงจากเด็กหนุ่มทำให้ตัวเธอปลิวไปหาเขาแทบจะทันที
“ไม่ได้เป็นขโมย ฉันเป็นเพื่อนเจ้านาย ปล่อยสิ!” เด็กหญิงละล่ำละลักบอก
“ฮึ! เจ้านายไม่เล่นกับเด็กผู้หญิงตัวเหม็นหรอก อย่าโกหก นังดำตับเป็ด เด็กหัวขโมย!” เขาชี้หน้าคาดโทษ พยายามผลักเด็กหญิงให้เดินกลับเข้าไปในบ้าน
“ปล่อย! จับฉันไว้ทำไมไอ้บ้า” ใบหยกดิ้นปัดไปมา อีกฝ่ายยิ่งออกแรงผลักให้เดินไปข้างหน้า เมื่อจวนตัวเด็กหญิงจึงลงเขี้ยวฝังรอยบนแขนยาวๆ ของเขา
“นังดำ!” เด็กหนุ่มกัดฟันกรอด เขาผลักศีรษะเด็กหญิงจนร่างผอมบางเสียหลักล้มก้นจ้ำเบ้า
เด็กหนุ่มมองรอยกัดที่แดงช้ำเป็นจ้ำอย่างรวดเร็ว รอยนั้นสร้างความปวดหนึบให้เขา ร่างเล็กจึงได้โอกาสร้องไห้โฮวิ่งออกไปทางหลังบ้าน
“คอยดูเถอะ เจอกันอีก เธอตายแน่!”
เด็กหนุ่มไม่คิดจะวิ่งตาม ตอนนี้จิตใจเขาไปจดจ่อกับเรื่องราวในห้องรับแขกมากกว่า ใครบางคนกำลังวางแผนร้าย คิดจะตัดหางเขาปล่อยวัด!
ภายในห้องรับแขกซึ่งโอ่อ่าตบแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์ไม้สัก บางส่วนนำเข้าจากต่างประเทศฝั่งตะวันออก จัดวางอย่างลงตัว ดูเก๋ไก๋มีรสนิยม เรือนดังกล่าวต่อเติมจากเรือนเก่า ในอดีตตระกูลนี้ทำธุรกิจค้าข้าวมีชื่อเสียงแถบภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กระทั่งช่อแก้วลูกสาวคนเล็กแต่งงานกับอนันต์ หนุ่มใหญ่ผู้ซึ่งบิดามารดาแนะนำให้ กิจการของครอบครัวก็เติบโตแบบก้าวกระโดด
เด็กชายผิวขาวค่อยๆ ย่องเข้ามาในห้อง เขาแอบตามมุมเครื่องเรือน พอสบโอกาสก็ยื่นมือหยิบกล่องเหล็กที่วางบนหลังตู้ ช่อแก้วเห็นลูกชายทำลับๆ ล่อๆ จึงเอ่ยทัก
“จะไปเล่นที่ไหนเจ้านาย จวนจะค่ำแล้วนะ” คนเป็นแม่ถามอย่างเอ็นดู
“แถวนี้แหละฮะ” เด็กชายตอบ
“ตอนเย็นคุณพ่อจะพาออกไปดูหนัง รีบกลับมาอาบน้ำนะเจ้านาย”
เด็กชายพยักหน้ารับ ยกปลายเท้าขึ้นเตรียมวิ่งแจ้นออกไป แต่ถูกอรพินท์ผู้เป็นน้าสาวรั้งเอาไว้ด้วยน้ำเสียงหวานจัด
“หนูเจ้านาย ขนมชั้นกับถ้วยฟูที่น้าจัดใส่จานไว้ให้ทานหรือยังลูก”
แต่เด็กชายไม่ตอบ ขนมเหล่านั้นเขาคว้าใส่ถุงฝากให้ใบหยกถือไว้ และตั้งใจจะเอาไปทานด้วยกันใต้ต้นมะม่วงคู่หลังห้องเช่าท้ายตลาด
“อ้าว ไม่ทันคุยกันรู้เรื่อง วิ่งหายไปนู่นแล้ว” อรพินท์ส่ายหน้า มองตามหลังเด็กชายร่างผอมบางผิวขาวอมชมพู
อรพินท์ถอนหายใจเสียงดังออกมา ก่อนจะปั้นเสียงเป็นทุกข์เป็นร้อน คุยกับพี่สาวซึ่งเรียกอย่างให้เกียรติว่า ‘คุณแก้ว’
“อย่าหาว่าอรพูดเรื่องไม่เป็นเรื่องเลยนะคะคุณแก้ว หลายวันมานี่อรเห็นเด็กผู้หญิงตัวมอมๆ มาเกาะรั้วร้องหาหนูเจ้านายด้วย นี่อรต้องคอยไล่ไปให้พ้นๆ รั้วบ้านอยู่เรื่อยเลย” เอ่ยถึงใบหยกซึ่งคุ้นหน้าอยู่บ้าง สไบงาม มารดาเด็กหญิงเป็นเพื่อนวัยเดียวกันกับเธอ ซึ่งว่ากันตามตรงแล้ว เธอเกลียดขี้หน้าอีกฝ่ายตั้งแต่แรกเห็น เพราะมีกำพืดเดียวกัน!
“คงเป็นเพื่อนตาหนูนั่นแหละ แล้วเด็กบ้านเช่าท้ายตลาด เธอก็ให้คนไปบอกแล้วไม่ใช่หรือ คงไม่มีใครปล่อยลูกมาเล่นถึงนี่หรอก”
“ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ทางที่ดีอย่าให้เจ้านายออกไปไกลๆ เลย หมู่นี้ยิ่งมีข่าวรถตู้ขโมยเด็กด้วย” อรพินท์กล่าวถึงข่าวสะเทือนขวัญของจังหวัดใกล้เคียง
“เรื่องนี้พี่ก็ห่วงมาก ดีที่คุณอนันต์ให้ประทีปคอยเป็นหูเป็นตาให้” เอ่ยถึงคนติดตามของสามีซึ่งไว้ใจให้ดูแลมีบริบูรณ์ตั้งแต่เด็ก
“ยังไงคุณแก้วก็อย่าไว้ใจคนอื่นให้มาก ประทีปมาจากบ้านเมียเก่าคุณอนันต์ คุณแก้วก็รู้ คนบ้านนั้น มือถือสากปากถือศีล!”
ช่อแก้วได้ยินแล้วต้องถอนหายใจเฮือกใหญ่ อรพินท์มักแขวะคนอื่น เพื่อยกตนให้เลิศเลอ คนที่เธอพยายามเปรียบเทียบคือพิกุลทองอดีตภรรยาอนันต์ ทั้งที่อรพินท์ไม่ได้ดีไปกว่าใคร เธอออกจากบ้านตั้งแต่ยังสาวเพราะเชื่อใจหนุ่มต่างถิ่น ครั้นประสบปัญหาระหองระแหงกับสามี เงินทองขาดมือ จึงบ่ายหน้ากลับมาหาช่อแก้ว และอยู่ช่วยงานเล็กๆ น้อยๆ กระทั่งถึงทุกวันนี้
“อืม จะว่าไปแล้วเรื่องจบอย่างนี้ก็นับว่าดีนะคะ นี่ไม่ได้หมายความว่า อรใจร้ายใจดำกับเมียเก่าคุณอนันต์หรอกนะ ไปอยู่คนละโลก ถือว่าหมดเคราะห์พ้นกรรมกันไป ไม่อย่างนั้นคงตามราวีไม่จบสิ้น จำได้มั้ยตอนงานแต่งคุณแก้ว ฝ่ายนั้นมาพังข้าวของถึงบ้านเรา ขายขี้หน้าไปถึงไหนต่อไหน”