3.ฉันไม่ไปไหนทั้งนั้น
ใบหยกหน้าซีด ขอบตาเริ่มแดงเรื่อ อับอายจนอยากแทรกพื้นกระเบื้องหนี แต่ที่ทำได้คือกอดอกแน่นอย่างหวงเนื้อหวงตัว เธอกลั้นน้ำตาที่เจียนจะหยดแหมะ และรอฟังคนใจยักษ์พิพากษาคดี ‘ข่มขืนเฮงซวย’
“เฮ้อ...ฉันไม่อยากสอนหรอกนะ โตๆ กันแล้ว แต่อยากเตือนด้วยความหวังดี หางานสุจริตทำเสีย ไอ้แผนจับผู้ชายแล้วฝันอยากตกเป็นหนูในถังข้าวสาร มันเชย และดูสิ้นคิดไปหน่อย! ใช่ หนนี้เธออาจโชคดีเจอคนอย่างเจ้านาย...แต่วันไหนพลาดท่าเจอของจริงเข้า ถ้าไม่ถูกส่งไปขายตัวต่างประเทศ คงถูกบังคับให้ค้ายา คราวนี้ละ รับรองได้รวยเละสมใจ!” ข่มขู่คนผิวเข้มเสร็จ เขาก็ขยับนิ้วเรียกผู้ติดตามซึ่งยืนห่างออกไป
ประทีปชายวัยกลางคนรูปร่างผอมท่าทางใจดี เดินเข้ามาและยื่นซองกระดาษให้ใบหยก
“จำเอาไว้ ปิดปากเรื่องเธอกับเจ้านายไว้เป็นความลับ ห้ามบอกใครทั้งนั้น ให้ดี อย่าติดต่อเจ้านายอีก แล้วรีบเก็บของย้ายไปอยู่ที่อื่นเสีย เงินนี่มากพอที่จะทำให้เธอตั้งตัวได้ ถ้ารู้จักใช้มันด้วยสมอง” ชายหนุ่มมาดมาเฟียเอ่ยกับเธอด้วยคำพูดแสบๆ คันๆ
“ไม่! ฉันไม่ไปไหนทั้งนั้น” ใบหยกปฏิเสธ พยายามผลักซองกระดาษคืน แต่เขาหมุนตัวกลับ เดินจากไปอย่างไม่ใส่ใจ
หญิงสาวเปิดซองกระดาษดู ภายในมีธนบัตรปึกใหญ่นอนอยู่ เห็นเข้าอารมณ์เดือดดาลก็พุ่งปรี๊ด จึงวิ่งไปปาซองกระดาษใส่แผ่นหลังกว้างเต็มแรง
“คนเฮงซวย คิดเอาเงินมาฟาดหัวฉัน...บ้าที่สุด เลว...คนเลว!”
ชายหนุ่มทำเสียงจิ๊จ๊ะในลำคอ เขามองไฟกะพริบตรงหน้าลิฟต์ และควบคุมอารมณ์อย่างยากเย็น
“คุณเพชรเด็กคนนั้นดูบ้านๆ ก็จริง แต่เราไม่ควรประมาทนะครับ เป็นไปได้มั้ยว่าเธอจะถ่ายรูปกิจกรรมบนเตียงกับคุณเจ้านายไว้ เอ่อ...แบบลับๆ แล้วใช้แบล็กเมล์เราภายหลัง เหมือนที่เคยเป็นข่าวกับคนดัง ถ้ามีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นอีกคุณท่านคงไม่ชอบใจ ไม่กี่วันก่อนเราเพิ่งเคลียร์คดีเพื่อนคุณเจ้านายไป พวกขี้ยานั่นยังตามมารังควาน ขอเงินค่าปิดปากอยู่เลย” ประทีปกล่าวอย่างเป็นห่วงนายใหญ่ตัวจริงของรัตนทองธาร ซึ่งก็คืออนันต์
“ฉันคิดว่ายายสมองกลวงนี่คงเป็นแค่นางโจรตกอับ ฝีมือกระจอกๆ กระมัง ให้ดีก็คงเป็นได้แค่พวกปากตำแย คงไม่มีพิษสงอะไร” เขาเอ่ยจบก็หยุดคิดชั่วประเดี๋ยว “อืม...อันที่จริงฉันไม่ควรประมาท คนสมัยนี้เห็นหน้าซื่อๆ แต่จิตใจอาจจะคดงอ เอาอย่างนี้ประทีป ไปสืบข้อมูลมาให้ละเอียดก็แล้วกัน มีอะไรไม่ชอบมาพากลรีบจัดการโดยด่วน และ...เข้าใจใช่มั้ยว่าต้องทำยังไง” เขาสั่งเสียงเรียบ แต่เป็นสิ่งที่ประทีปลำบากใจเหลือเกิน
ในจังหวะที่เจ้านายหนุ่มกับผู้ติดตามกำลังปรึกษากัน ใบหยกก็วิ่งตรงแน่วมายังโถงลิฟต์พร้อมไม้ถูพื้นด้ามไม้ไผ่ด้วยความเร็วรี่
“คุณเพชรระวัง!”
ใบหยกหลับตาฟาดด้ามไม้ถูพื้นสุดแรง เฉียดใบหน้าขาวจัดของชายหนุ่มไปไม่ถึงคืบ
“จะฆ่ากันหรือไง!” ดวงหน้าขาวกระตุก ก่อนจะแดงจัดด้วยความโกรธ พอฝ่ามือใหญ่ยึดด้ามไม้ถูพื้นได้ก็โยนมันทิ้งอย่างเดือดดาล
“เอาไงครับคุณเพชร คนมองกันใหญ่แล้ว” ประทีปร้อนใจหนัก เขาเห็นชาวแฟลตออกมายืนมองที่หน้าประตูห้อง พลางชี้ชวนดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และวิพากษ์วิจารณ์ไปต่างๆ นานา
“ชอบทำเรื่องเล็กๆ ให้ยุ่งยากใช่มั้ย...กลับไปเก็บข้าวของให้เรียบร้อย ถ้าวุ่นวายอีก เธอเจ็บตัวแน่!” เขาตวาดใส่สาวผิวเข้มที่ตอนนี้ทำตาพองตอบโต้
“ฉันไม่เก็บ ไม่ไปไหนทั้งนั้น!” ใบหยกยืนยัน กระนั้นในใจก็วับๆ หวามๆ ชายคนนี้นอกจากดำรงตำแหน่งรองกรรมการผู้จัดการบริษัทรัตนทองธารกรุ๊ป เขาอาจมีอิทธิพลมืด สามารถอุ้มคนให้หายไปอย่างไร้ร่องรอย แล้วผู้หญิงจนๆ ไร้ญาติขาดมิตรอย่างเธอจะเอาอะไรไปสู้
“เชื่อคุณเพชรเถอะหนู กลับเข้าห้องก่อน เรื่องอื่น...เดี๋ยวค่อยคุยกัน” ประทีปพูดอย่างหวังดี
“แต่...ฉันกับเจ้านาย ไม่ได้ทำเรื่องบ้าบออย่างที่พวกคุณกล่าวหา...เงินนี่เอาคืนไปด้วย ฉันไม่ต้องการ” ใบหยกก้มลงหยิบซองธนบัตรที่ตกอยู่บนพื้นส่งใส่มือประทีป ขณะเดียวกันชายหนุ่มมาดเข้มก็มองใบหยกผ่านแว่นตาดำ เขาแสดงอาการเบื่อหน่ายด้วยการส่ายหน้าช้าๆ กระทั่งลิฟต์เปิดออกเขากับประทีปจึงก้าวเข้าไป ทิ้งใบหยกให้ตกเป็นเป้าสายตาชาวบ้านเพียงลำพัง
ชาวแฟลตต่างสอดส่องมองเหตุการณ์ผ่านกระจกบานเกล็ด แว่วคำพูดตามมาให้ได้ยิน
“เรื่องอะไรกันวะ เอะอะยังกับใครฆ่ากันตาย” เสียงห้าวใหญ่ถาม
“ก็นังดำตับเป็ดน่ะสิ มันหิ้วผู้ชายมาล่อถึงห้อง สงสัยเข้าตาจน เปิดห้องนอนเป็นม่านรูด ฉันว่าแล้วท่าทางอย่างนั้น จะหากินอะไรได้ รีบปิดประตูเดี๋ยวนี้เลย...อย่าให้มันมาเหยียบห้องฉัน เดี๋ยวเอาเชื้อโรคมาติดลูก นังดำสกปรก!” อีกเสียงที่แหลมจัดเอ่ยเชื่อมโยงสิ่งที่ลอบมองมาโดยตลอดอย่างออกรส
“จุ๊ๆ เงียบสิโว้ย เดี๋ยวมันก็แจ้นมาถอนหงอกเอ็งหรอก” คนเป็นสามีเอ็ดภรรยา
“ฮี่โธ่ พูดนิด พูดหน่อย หน้ามันบางมากหรือไง ถึงทนไม่ได้ ป่านนี้เขาคงโพนทะนาเรื่องเน่าๆ ของมันไปทั้งแฟลตแล้ว คอยดูเถอะ ต่อไปคงต้องหาปี๊บมาคลุมกะลาหัว!”
ได้ยินอย่างนั้น ดวงหน้าหญิงสาวถึงกลับถอดสี ครั้นมองผ่านกระจกบานเกล็ด ใบหยกเห็นสองผัวเมียที่ชอบยุ่งเรื่องชาวบ้านกำลังดึงผ้าม่านลง มีเด็กน้อยร่างอวบอ้วนซึ่งอยู่ในอ้อมกอดพ่อหันหน้ามามองหล่อนด้วยดวงตากลมโต
“พี่หยกคนสวย...” เด็กน้อยร้องเรียก พลางยื่นมือมาหาหล่อนด้วยความคุ้นเคย แต่คนเป็นแม่ร้องห้ามเสียงดัง
หญิงสาวเดินเหมือนคนสิ้นแรงกลับห้อง เหตุการณ์หนึ่งเปลี่ยนชีวิตคนเราได้ขนาดนี้เชียวหรือ คงเป็นอย่างที่แม่เคยพูดกรอกหูเสมอ เธอดวงซวยตั้งแต่เกิด เป็นพวกทำบุญไม่ขึ้น ดูเอาเถิดเป็นผู้เสียหายแท้ๆ แต่ถูกผู้ชายบ้าอำนาจพิพากษาและเหยียบให้จมดิน...
ผ้าม่านห้องสองผัวเมียปิดลง เสียงซุบซิบยังไม่จบสิ้น แต่เสียงที่ทำให้เธอเจ็บใจที่สุดมาจากผู้ชายคนนั้น ได้ยินชื่อไม่ถนัด แว่วๆ ว่าชื่อ ‘เพชร’ จะเพชรอะไรก็ช่างหัวเขาปะไร สำหรับใบหยก ผู้ชายพรรค์นั้น มีชื่อเดียวที่เหมาะสม
นายกระบองเพชรหน้าเหม็นบูด ผู้มีหนามพิษรอบตัว!