บท
ตั้งค่า

5.เลิกเล่นขายของ

ช่อแก้วเป่าลมหายใจออกมาพรูใหญ่ สะท้อนใจเรื่องภรรยาเก่าของสามีที่ตรอมใจตาย เธอทิ้งลูกชายซึ่งกำลังโตเป็นหนุ่มเคว้งคว้าง แม้จะมีญาติผู้ใหญ่ซึ่งอาศัยในบริเวณละแวกบ้านเดียวกันคอยดูแล แต่เขาติดพิกุลทองแจ ยึดแม่เป็นที่พึ่งตั้งแต่ไหนแต่ไร

“คิดแล้วน่าสงสาร ผู้หญิงเราเป็นเสียอย่างนี้ รักคนอื่นมากจนไม่เหลือความรักให้ตัวเอง” ช่อแก้วนึกถึงภาพพิกุลทองซึ่งอาศัยอยู่ในเรือนแฝดหลังเล็ก เธอมีอาการเครียดจัดคุ้มดีคุ้มร้าย

อนันต์เป็นญาติคุณตาเฉลิมยศ บิดาของพิกุลทอง เขามีฐานะเป็นลูกพี่ลูกน้องหญิงสาว แต่ไม่ได้มีความเกี่ยวพันทางสายเลือด เนื่องจากพี่ชายคุณตาผู้ซึ่งขาซ้ายพิการตั้งแต่เกิด ติดใจพยาบาลที่ดูแลเขา เธอเป็นสาวม่ายพราวเสน่ห์ และมีลูกติดอายุ ๘ ขวบ ซึ่งก็คืออนันต์

หลังจากแต่งงานได้ไม่นาน ทั้งสองก็ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ในวันที่กลับจากการไปเยี่ยมอนันต์ ขณะนั้นอนันต์ศึกษาที่มหาวิทยาลัยขอนแก่น ทั้งคู่เสียชีวิตที่โรงพยาบาลนำความโศกเศร้ามาให้ทุกคนในครอบครัว ตามมาด้วยคำครหาต่างๆ ในหมู่เครือญาติ เพราะพี่ชายคุณตาเฉลิมยศ เขียนพินัยกรรมว่าขอยกทรัพย์สมบัติที่มีทั้งหมดให้อนันต์ อันประกอบด้วยที่ดินผืนใหญ่ติดทะเลสาบ รวมถึงเงินสดในธนาคาร

คุณตาเฉลิมยศผู้เป็นน้องชายไม่ได้ติดใจอะไร กระทั่งเวลาผ่านไประยะหนึ่ง ได้เกิดปัญหาตามมา เมื่อมีเรื่องไม่งามเกิดขึ้นในบ้าน คือความรักระหว่างเครือญาติ สิ่งนี้คุณตาเฉลิมยศไม่อาจนิ่งเฉย ท่านพยายามกีดกันพิกุลทองให้ห่างจากอนันต์ตลอดมา ถึงขั้นกักขังไว้ก็แล้ว แต่ทว่าความรักเมื่อเกิดขึ้นก็ยากจะไถ่ถอน ทั้งคู่ตัดสินใจหนีไปใช้ชีวิตต่างประเทศด้วยกันหลังจากอนันต์ได้ทุนไปศึกษาต่อที่ต่างประเทศ

อนันต์มุมานะจนกระทั่งเรียนจบได้ทำงานบริษัทใหญ่โต พอมีเงินทุนและความก้าวหน้ามากขึ้น จึงกลับมาทำธุรกิจต่อในเมืองไทย ในตอนนั้นความบาดหมางใจของครอบครัวดีกว่าแต่ก่อนแล้ว

แต่ในช่วงที่อยู่ต่างประเทศ ขณะที่กำลังตั้งครรภ์ พิกุลทองมีอาการซึมเศร้าอย่างหนักจนส่งผลให้เธอป่วยทางจิต สิ่งนี้ได้กลายเป็นปัญหาที่ค่อยๆ ขยายวงกว้าง กระทบทั้งงานของอนันต์และครอบครัว

“แต่ยังไงอรว่า คุณแก้วโชคดีกว่าผู้หญิงหลายคนมาก มีสามีทั้งรักทั้งหลงขนาดนี้”

“พี่ก็ขอให้เป็นอย่างนี้ตลอดไป ที่ผ่านมาคุณอนันต์ไม่เคยออกนอกลู่นอกทาง ถึงจะมีผู้หญิงเสนอตัวเข้ามาตลอด แต่เขาให้เกียรติพี่เสมอ” ช่อแก้วยิ้มอย่างสุขใจเมื่อคิดถึงข้อดีของสามี

“มันควรจะเป็นอย่างนั้นละค่ะ ในเมื่อครอบครัวเรา ช่วยให้กิจการเขาขยายใหญ่โต ชื่อเสียงดังไปทั่วประเทศขนาดนี้ เอ...แล้วที่คุณแก้วตัดสินใจไปอยู่ที่นู่น อรเห็นด้วยนะคะ เพราะของที่ควรเป็นของเราจะได้ไม่ตกไปถึงมือคนอื่น!” อรพินท์คุยเหมือนเป็นห่วงเป็นใยพี่สาว หากในเนื้อแท้ของถ้อยคำเธอคือน้ำผึ้งอาบยาพิษ!

“เฮ้อ พูดถึงเรื่องทรัพย์สินของพิกุลทอง พี่ยิ่งเครียด อย่างไรเสียคุณอนันต์ก็เป็นญาติฝ่ายนั้น ถึงจะเป็นญาติห่างๆ แต่ตัดยังไงก็คงไม่ขาด อันที่จริงก็ได้แบ่งหลายส่วนให้อย่างยุติธรรมแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นพี่ยังไม่สบายใจ โดยเฉพาะเรื่องหนูเพชร...” ช่อแก้วนึกถึงลูกชายพิกุลทอง ซึ่งตอนนี้เธออยู่ในฐานะแม่เลี้ยงเขา

“ไม่เห็นจะยาก ลูกเมียเก่าก็ให้ตายายเลี้ยงไปสิ ฝ่ายนั้นร่ำรวยอยู่พอตัว มีที่ดินตั้งมากมาย” อรพินท์เสนอ

“พูดอะไรอย่างนั้น เดี๋ยวใครมาได้ยินเข้า มันจะไม่ดี” ช่อแก้วชักสีหน้าไม่พอใจน้องสาว

“บอกตามตรง เด็กคนนี้คุณแก้วเลี้ยงไปมีแต่จะเสียข้าวสุก อรเห็นนะ แววมันออกมาแต่ไหนแต่ไร ขนาดแม่ตาย น้ำตาสักหยดยังไม่มี แล้วนี่คงอิจฉาน้อง ถึงได้แจ้นตามติดคุณอนันต์มาด้วย ดูสิคะว่ามันใจกล้าแค่ไหน โผล่มาถึงบ้านคุณแก้ว” อรพินท์ได้ทีใส่ไฟด้วยคำพูดเผ็ดร้อน

“เด็กเขาขาดแม่ไปคนนึง คงหวังพึ่งพ่อนั่นแหละ น่าสงสารออก อีกไม่กี่เดือนจะไปอยู่โรงเรียนประจำแล้ว”

“ดีค่ะ คุณแก้วส่งไปเรียนโรงเรียนประจำดัดสันดานแบบนี้ดีที่สุด ไกลหูไกลตาเท่าไรยิ่งดี เห็นขี้หน้าแล้ว อรบอกตรงๆ สังหรณ์ใจว่าจะเกิดเรื่องร้ายๆ กับเจ้านาย!” พูดจบหางตาอรพินท์พลันเห็นร่างสูงเก้งก้างโผล่เข้ามาในห้องนั่งเล่นอย่างไม่ให้สุ้มให้เสียง

“อุ๊ย! หนูเพชร มีอะไรหรือเปล่าจ๊ะ” ช่อแก้วยกมือทาบอก ตกใจไม่แพ้น้องสาว

เด็กหนุ่มที่ถูกเรียกว่า ‘หนูเพชร’ แบะปาก ไม่ชอบใจที่ถูกเรียกอย่างนั้น เขามองอรพินท์ตาขวาง เอ่ยเสียงหนักถามผู้ใหญ่ทั้งสองคน

“พ่อให้เจ้านายไปหา พวกคุณเห็นมันมั้ย”

“ต๊าย! ไอ้เด็กผีเนี่ย พูดจาไม่มีหางเสียง เห็นแล้วเหนื่อยใจแทนคุณแก้วจริงๆ” อรพินท์ออกงิ้วใส่เด็กหนุ่ม ผิดกับพี่สาวที่เอ่ยเรียบๆ ว่า

“คงวิ่งเล่นอยู่แถวนี้ละ หนูเพชรออกไปดูให้แม่หน่อยเป็นไร”

“คุณแก้ว ไปพูดดีกับมันทำไม ดูสิยืนค้ำหัวผู้ใหญ่แบบนี้ ใช้ได้ที่ไหน”

“อรจะโมโหไปทำไมกัน หนูเพชรเขากำลังโตเป็นหนุ่ม อารมณ์ก็ฉุนเฉียวเป็นธรรมดา”

“อูย...แม่เลี้ยงใจพระเหลือเกิน คอยแก้ตัวให้มันอยู่เรื่อย สักวันเถอะคนที่จะปวดหัวคงไม่พ้นคุณแก้วนั่นแหละ” อรพินท์ส่ายหน้าระอาพี่สาว

“ให้วันนั้นมาถึงเสียก่อน ค่อยคิดหาทางแก้ก็ยังไม่สาย” ช่อแก้วมองตามหลังเด็กหนุ่มซึ่งหุนหันออกไปจากห้อง

“เฮ้อ เชื้อแม่มันแรงจะตาย ไหนจะมีสองตายายคอยเสี้ยมอีก ให้ดีคุณแก้วต้องกันมันออกห่างจากคุณอนันต์เลยนะ อย่าให้เข้าใกล้เชียว ฝ่ายนู้นคงสั่งให้มาตามประกบ หวังกอบโกยสมบัติเรา ลูกสาวด่วนจากไปทั้งคน นี่คงคิดหาทางเอาหลานมาอ้าง ขอส่วนแบ่งเงินทองคุณอนันต์ คนหนอคน อยากได้ของคนอื่นไปถึงไหน” อรพินท์พูดอย่างคนมองเห็นแผนร้ายจากครอบครัวอดีตภรรยาอนันต์

ช่อแก้วหลับตา และสูดลมหายใจเข้าปอดหนักหน่วง อนาคตข้างหน้าจะเป็นเช่นไร เธอไม่อาจคาดเดา หากเธอตั้งใจมั่นแล้วว่า มีบริบูรณ์จะต้องเป็นผู้ครอบครองทุกสิ่งที่เป็นของสามี ไม่ใช่เด็กกำพร้ามารดาและเป็นหมาหัวเน่าอย่าง เพชรเอก!

ใต้ต้นมะม่วงคู่ต้นใหญ่หลังห้องเช่าท้ายตลาด หลังจากใบหยกหนีพ้นเงื้อมมือเด็กหนุ่มมาได้ เด็กหญิงก็สนุกกับการเล่นหม้อข้าวหม้อแกง

เสียงกระทะใบเก่ากับตะหลิวหักๆ ดังพอให้รำคาญ จานกระเบื้องขอบบิ่น มีเศษใบไม้หลายชนิด โรยด้วยดอกดาวเรือง ในขวดแก้วสีขุ่นใส่น้ำสีสันต่างๆ ซึ่งผสมจากใบไม้และกระดาษย่น

มีบริบูรณ์จอดรถจักรยานของแม่บ้านใกล้รั้วไม้ไผ่ผุพัง พอใบหยกเห็นก็รีบฟ้องเขาถึงเหตุการณ์ในเรือนหลังใหญ่

“หยกไม่ได้หนีมาก่อนนะ มีคนไล่ หน้าตาโคตรน่ากลัว มีหนวดด้วย ตัวก็โต๊โต แต่สมน้ำหน้ามัน หยกกัดแขนไอ้บ้านั่นเกือบขาดแน่ะ”

เด็กชายหัวเราะคิกคัก เดาออกว่าใครคนนั้นคงเป็นเพชรเอกพี่ชายต่างมารดาตน

“หยก เลิกเล่นขายของเถอะ ไปร้องเพลงดีกว่า ป้ะ” เขาจับแขนเพื่อนลุกขึ้น คะยั้นคะยอให้คอยเป็นกองเชียร์ยามที่เขาร้องเพลง

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel