บทที่ 3
“เข้มแข็งนะณัฐ...งานนี้มีณัฐคนเดียวที่จะช่วยพวกเราได้”
“ณัฐทราบค่ะ” ทั้งสองหยุดการสนทนา เมื่อทีมงานชายคนสุดท้ายที่เข้าไปเดินออกมาจากห้อง ไรอันเดินตรงมาหาณัฐกานต์ เขายิ้มอย่างเป็นมิตรให้กับเธอ เจ้าของหัวใจของแอรอนคนเดียวและตลอดกาล
“เชิญคุณณัฐกานต์ครับ”
ไรอันพูดอย่างนอบน้อม หญิงสาวยิ้มตอบ ก่อนจะเดินเข้าไปในห้อง ด้วยลำขาค่อนข้างสั่น มาหยุดยืนห่างจากโต๊ะกระจกหน้าโซฟาทิ้งระยะห่างพอสมควร
แอรอนมองร่างของผู้เข้ามาใหม่ด้วยสายตาทั้งรักทั้งชัง แม้ว่าพยายามตัดคำว่ารักออก หากแต่มันกลับฝังแน่นลึกเข้าไปภายใน ไม่สามารถสลัดหลุดออกมาโดยง่ายตามใจคิด
“มานั่งตรงนี้สิ”
เขาใช้ฝ่ามือตบบนเบาะข้างตัวเบาๆ หญิงสาวมองมือหนาแล้วปฏิเสธออกไปอย่างนุ่มนวล
“ดิฉันไม่อาจเอื้อมค่ะ ดิฉันยืนอยู่ตรงนี้ดีแล้ว และมั่นใจว่าคนอื่นๆ ในทีมก็ยืนที่จุดนี้เหมือนกัน” เธอตอบอย่างชาญฉลาด
“ดิฉันไม่อาจเอื้อมเหรอ”
เขาพูดทวนประโยคด้วยโทนเสียงสูง มองร่างอรชรตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า นัยน์ตาสีฟ้าคู่นั้นโลมเลียอย่างเห็นได้ชัด ยกยิ้มขึ้นข้างหนึ่ง เอ่ยประโยคที่ทำให้คนฟังชาวาบไปทั้งกาย
“แต่ฉันจำได้ว่า ผู้หญิงที่ไม่อาจเอื้อมตรงหน้านี้ เคยแก้ผ้ามาประเคนให้ฉันถึงเตียง อย่างนี้เรียกว่าอาจเอื้อมหรือเปล่า ตกลงเธอจะมาหรือไม่มา ถ้าไม่มาก็เชิญออกไปจากห้องของฉัน แล้วพาทีมเธอกลับไปด้วย เพราะฉันก็ไม่ต้องการทีมอารักขาชุดนี้อยู่แล้ว แค่คนของฉันก็พอ”
น้ำเสียงทรงอำนาจพูดราบเรียบแต่ทว่าหนักแน่น เธอรู้ว่าดีกว่าใครว่า เขาพูดจริงทำจริงเสมอ และคำสั่งแกมข่มขู่ในครั้งนี้เป็นเรื่องที่เธอจะปฏิเสธไม่ได้ เพราะจะส่งผลต่องานที่ตระเตรียมกันมาเป็นเวลาหลายเดือนต้องพังลง ซึ่งณัฐกานต์คงยอมให้เป็นเช่นนั้นไม่ได้ งานจะมาพังเพราะเธอไม่ได้
เท้าเล็กก้าวเดินไปยังโซฟาตัวนั้นตามคำสั่งของแอรอน เธอเลือกที่จะนั่งชิดด้านริมแทนที่จะนั่งข้างร่างหนาตามที่เขาต้องการ แอรอนใช้ฝ่ามือตบเบาะแรงๆ อย่างขัดใจ หญิงสาวสะดุ้งแต่พยายามนั่งนิ่ง แม้ในใจหวาดกลัว
“รังเกียจฉันมากหรือไง ถึงได้นั่งห่างกันเป็นวาขนาดนี้”
แอรอนพูดเสียงดัง ด้วยความไม่พอใจ ดวงตาคมเปล่งประกายไปด้วยแรงโทสะ
“เปล่าค่ะ...ดิฉันไม่ได้รังเกียจคุณแอรอน แต่คิดว่านั่งตรงนี้น่าจะเหมาะกว่า”
เธอพูดเสียงนุ่มแลดูสั่น หัวใจเต้นรัวเป็นทวีคูณ เมื่อร่างสูงใหญ่เป็นฝ่ายขยับร่างเข้ามาใกล้และใกล้ จนกระทั่งชิดกับร่างของตน
ลำแขนข้างหนึ่งตวัดร่างเล็กเข้ามาในอ้อมแขน มืออีกข้างจับแก้มเนียนสวยแล้วบีบบังคับให้ดวงหน้าสวยหันมาเผชิญหน้ากับตน ให้เธอได้มองเห็นดวงตากรุ่นโกรธ เหมือนลูกระเบิดที่พร้อมจะระเบิดออกมาได้ทุกเมื่อ
หญิงสาวสะบัดตัวหนีด้วยความตกใจ ไม่ใช่รังเกียจ เธอจะรังเกียจอ้อมแขนของเขาได้อย่างไรเพราะอ้อมกอดนี้เป็นอ้อมกอดที่อบอุ่นที่สุด เป็นอ้อมกอดของคนที่เธอรักสุดหัวใจ
“ทีหลังฉันสั่งให้นั่งตรงไหนก็ต้องนั่งจำไว้...และนี่คือโทษของเธอที่ขัดคำสั่งของฉัน”
การลงโทษของเขาทำให้ณัฐกานต์เบิกตากว้าง ตกใจกับการกระทำของแอรอน ริมฝีปากหนาได้รูปฉกจูบเรียวปากบางสวยอย่างรวดเร็ว ไม่ทันให้หญิงสาวตั้งตัว บดเคล้าเร่าร้อนและรุนแรง
รักแสนรัก แค้นแสนแค้น โหยหา คิดถึง หลากหลายความรู้สึกที่เขามีต่อเธอ ถูกถ่ายทอดลงไปบนเรียวปากสีชมพูที่เผยอรับลิ้นหนาแทรกผ่านเข้าไปในช่องปากหวานล้ำโดยไม่รู้ตัว เนื่องจากอารามตกใจทำให้ปากสาวตั้งใจจะเปิดปากร้องค้าน และนั่นเป็นโอกาสให้เขาได้ลิ้มรสหวานในโพรงปากของเธอ ลิ้นใหญ่สอดรัดเกี่ยวกระหวัดหาความหวานจากปากของเธออย่างดื่มด่ำ เพียรหารสชาติพิเศษให้สมกับเวลาสี่ปีที่เขาไม่ได้สัมผัส
ณัฐกานต์ดิ้นรนอยู่ในอ้อมกอดที่รัดร่างราวกับคีมเหล็ก พยายามส่ายหน้าหนีริมฝีปากใหญ่ที่บดเคล้าปากของตนด้วยความรุนแรง จนเธอรู้สึกเจ็บร้าวระบม จุมพิตของแอรอนในครั้งนี้ ช่างต่างกับครั้งนั้นเป็นอย่างมาก เพราะครั้งนี้มันไร้ซึ่งความอ่อนโยนแม้แต่นิดเดียว ยิ่งเธอดิ้นรนต่อต้าน ทุกการกระทำของเขายิ่งเพิ่มเป็นสองเท่า
มือหนาสำรวจไปตามร่างกายของเธออย่างจาบจ้วง มือเล็กพยายามปัดมือซุกซนไม่ให้ทำตามอำเภอใจ แต่ดูเหมือนแรงของเธอนั้นหายสาบสูญไปจนสิ้น เมื่อเขาผ่อนแรงบดเบียดริมฝีปาก จากรุนแรงเป็นอ่อนโยน ผ่อนความเอาแต่ใจของปลายลิ้นในช่องปากสาวเป็นเรียกร้องแทนเอาแต่ใจ
ส่งผลให้ร่างสาวอ่อนเปลี้ย เรี่ยวแรงเหือดหายภายในพริบตา ไร้แรงต่อต้านไปในทีกลายเป็นคล้อยตาม แลกรัดลิ้นสากใหญ่ตอบโต้ อากัปกิริยาของเธอทำให้มือแกร่งสำรวจร่างกายได้โดยง่าย เขาลูบไล้ร่างสาวผ่านเสื้อผ้าไปทุกที่ที่เขาต้องการ ก่อนที่มือนั้นจะมาหยุดชะงักตรงทรวงอกคู่งามที่เขาเพิ่งแตะสัมผัสเพียงเสี้ยววินาที
“ใจง่าย...ยังเป็นผู้หญิงใจง่ายเหมือนเดิม แค่ถูกจูบลูบคลำแค่นี้ก็อ่อนปวกเปียก คงจะใจง่ายกับผู้ชายทุกคนที่เข้าใกล้ล่ะสิ”
แอรอนผลักร่างบางออกห่างอย่างรังเกียจ ก่อนที่เขาจะเขยิบมานั่งที่เดิม