บท
ตั้งค่า

๑ เผชิญดาวร้าย / 7

จิ้นฝานไม่ตอบไป๋ซิงหนี่ว์เพียงทำตาโตขึ้นเล็กน้อย มองนางครู่เดียว และเบือนหน้ากลับไปมองด้านหน้าต่อ

ข้าขบฟันมองเขา อยากนึกจะเดินไปกระตุกให้หล่นมาจากม้าที่นั่งอยู่ให้รู้แล้วรู้รอดมันไป จะได้ไม่ต้องมาตีหน้าเชิดใส่กันได้อีก

“เสี่ยวเมิ่ง พวกเราก็เดินต่อเถิด” ข้าละความสนใจจากเขา ไปกล่าวกับเสี่ยวเมิ่งที่ยืนอยู่ด้านข้าง

ถ้ามัวมาให้ค่าบุรุษเช่นเขาต่อ มีหวังข้าจะต้องอารมณ์เสียทั้งวันเป็นแน่

ส่วนจิ้นฝานบังคับม้าเดินตามก้นคุณหนูรองไปช้าๆ เขาเองก็หน่ายที่จะต่อปากกับนาง จึงเลือกขี่ม้าตามด้านหลังนางไปอย่างเงียบๆ

ท้องฟ้ากลับมาสงบตามเดิม เสี่ยวเมิ่งลอบถอนหายใจออกมาอย่างเงียบๆ เหลือบตามองดวงหน้างามที่คิ้วขมวดและหายใจเข้าออกเสียงดังฮึดฮัดของไป๋ซิงหนี่ว์ด้านข้าง

เสี่ยวเมิ่ง บ่าวน้อยพอจะเข้าใจความโกรธของคุณหนูรองอยู่หรอก ที่ผ่านมาคุณหนูระวังตัวเองดีมาตลอด กินแต่อาหารดีๆ บำรุงนายน้อยในครรภ์ แต่กลับมาโดนคุณชายจิ้นรังแกให้ตกอกตกใจคงจะโมโหเอาการอยู่

คุณชายจิ้นหนอ...คุณชายจิ้น มีที่ใดกัน มารังแกคนท้องได้ลงคอ อารมณ์คุณหนูยิ่งขึ้นๆ ลงๆ อยู่ อีกอย่างในท้องของคุณหนูก็เป็นบุตรของท่าน เสี่ยวเมิ่งคิดในใจ เหลือบตาไปมองค้อนด้านหลังและส่ายหัวเบาๆ

เฮ้อ...ช่างราวกับหมอกควันที่บดบังสายตา ไม่อาจมองเห็นอนาคตของคนทั้งสองที่จะลงเอยกันได้แม้แต่น้อย น่าเศร้าใจยิ่งนัก

พลันพอเดินมาถึงเรือ ข้าก็หายใจหอบออกมาครู่ใหญ่ ถึงจะเงยหน้าขึ้นไปมองเบื้องหน้า แล้วก็สบเข้ากับหลิงจูที่ชูแขนโบกมือเรียกข้าอยู่บนเรือ

“ซิง หนี่ว์” หลิงจูอ้าปากเรียกสหายโดยไร้เสียง นางไม่คิดว่าสหายจะกลับเรือลำเดียวกับนางด้วย

“ตัวยุ่งเลยนะนั่น…” เสี่ยวเมิ่งกล่าวบ่นเสียงเบากับตัวเอง

“พวกเราก็รีบขึ้นเรือเถิด...” ข้าหันไปกล่าวกับเสี่ยวเมิ่ง จากนั้นนางก็เข้ามาพยุงแขนและพาเดินขึ้นไปด้านบน

ส่วนจิ้นฝานกระโดดลงจากหลังม้า ยื่นสายบังเหียนให้ขันทีด้านข้าง และเดินตามไป๋ซิงหนี่ว์ขึ้นไปบนเรืออย่างนิ่งงัน สายตาของเขาเบี่ยงไปมองผิวน้ำด้านข้างเล็กน้อย และตวัดมามองก้นของนางที่อยู่เบื้องหน้าต่อ

ห้องที่เหลือว่างบนเรือคือห้องนอนใหญ่ ที่แบ่งออกเป็นห้องนอนย่อยสองห้องด้านใน จึงไม่น่าเกลียดเกินไปที่จิ้นฝานจะพักอยู่ร่วมกับไป๋ซิงหนี่ว์ และยังเป็นที่รู้กันอย่างดีว่าคุณชายจิ้นสนิทชิดเชื้อกับทางด้านตระกูลไป๋มาเนิ่นนาน จึงไม่น่าแปลกใจอันใดที่เขาจะมีความสนิทกับคุณหนูรองตระกูลไป๋ แต่ทว่าความจริงเบื้องลึกคนทั้งสองนี้หมางเมินกันเป็นอย่างมาก ความหนักอกหนักใจทั้งหมดก็ตกไปที่ไป๋ซิงหนี่ว์ ที่ยามนี้นั่งใบหน้าหงิกงอ หันหน้าออกไปทางหน้าต่างเพื่อรอทานมื้อค่ำในห้อง

“ต้องให้เห็นหน้าถึงหกวัน มีหวังข้าจะต้องอาเจียนออกมาแน่” ข้าบ่นขึ้น มันเป็นการออกมาเที่ยวที่โชคร้ายที่สุดในรอบห้าปีมานี้เลย ซวยซ้ำซวยซ้อน ไหนจะเจี่ยเจียที่ถูกลอบทำร้าย และบุรุษมักมากราคะที่หลีกเลี่ยงหนีหน้าอย่างไรก็ไม่พ้น

ยิ่งเกลียดยิ่งพบหน้า ยิ่งเกลียดยิ่งเข้าใกล้...มีที่ไหนกันที่เป็นแบบนี้ บ้าบอสิ้นดี มีแต่ยิ่งรักยิ่งอยากพบหน้า ยิ่งรักยิ่งคิดถึง

“อาหารมาแล้วเจ้าค่ะ” เสี่ยวเมิ่งเดินถือถาดสำรับอาหารมื้อค่ำเข้ามาด้านในห้องด้วยสีหน้าสดใส อันเป็นเอกลักษณ์ของนาง

พลันกลิ่นอาหารก็ลอยคลุ้งปะทะเข้าที่จมูก ความเหม็นของมันนี้ส่งตรงมาถึงท้องของข้าทันที โดยไม่ทันได้เตรียมตัว ท้องก็เกิดเสียงโครกคราก มวนท้อง และตีอาหารที่กินเข้าไปก่อนหน้านี้มากระจุกที่คอ พร้อมจะปล่อยมันออกมา

ข้าโบกมือเม้มปากสนิท ชี้มือชี้ไม้ไปถางกระโถนใบน้อยที่จัดเตรียมเพื่ออาการแพ้ท้องนี้ ท่านหมอเคยบอกว่าอาการแพ้ของข้ามีอาการมากกว่าคนทั่วไป รวมกับความเครียดที่สะสมมา จึงส่งผลให้มวนท้องอยู่บ่อยๆ

“โอ้กกกกกกกก” ข้าอาเจียนออกมา ตามมาด้วยน้ำลายยืดเหนียวอยู่ที่ลิ้น จากนั้นก็รับน้ำชาอุ่นๆ มากลั้วปากให้สะอาด

เมื่อเช้าและกลางวันข้ากินอาหารไปนิดเดียว เพราะเป็นห่วงเจี่ยเจียกับคุณชายเยี่ย พออาเจียนออกมาจึงเป็นเพียงเศษๆ และน้ำลายซะส่วนใหญ่

เสี่ยวเมิ่งเดินเข้าไปลูบหลังนายหญิงตนเอง และเอ่ยถามนางด้วยความเป็นห่วง “เหม็นอาหารหรือเจ้าคะ”

“อืม ไปเปลี่ยนมาเป็นข้าวต้มธรรมดา กับผัดผักใส่หมูบดก็พอแล้ว” ข้าเอ่ยอย่างหมดแรง มันไม่ง่ายเลยจากสตรีที่มีชีวิตปกติมาก่อน ต้องตั้งท้องโดยที่ไม่ได้ตั้งใจ อีกทั้งต้องมาเจอสภาพร่างกายที่เปลี่ยนแปลงไปจากแต่ก่อน ทั้งอาเจียนแพ้ท้อง และกระที่ขึ้นเป็นเม็ดเล็กๆ สีน้ำตาลบนหน้านี่อีก

เฮ้อ...ข้าผ่อนลมหายใจที่กลั้นไว้ก่อนหน้านี้ เพื่อขบคิดในหัว และหลุบตามองท้องน้อยๆ ตนเองอย่างเหนื่อยใจ

“เจ้าตัวเล็กนี่จะรู้ไหมหนอ ว่าทำแม่เหนื่อยขนาดนี้” ข้าพึมพำขึ้นมาเบาๆ อย่างขบขันในชะตาชีวิตที่พลิกผันเพียงข้ามคืน เพราะการกระทำที่ขาดสติของผู้อื่น

จิ้นฝานเดินเข้ามาในห้องหลังจากไปพบปะเหล่าขุนนางด้านนอก พลันก็ได้ยินเสียงอาเจียนของสตรีที่ดังขึ้น คิ้วเข้มหนาขมวดเข้าเล็กน้อย เงี่ยหูฟังเสียงอย่างแปลกใจ

ในใจเขากำลังนึกว่าไป๋ซิงหนี่ว์อาจจะเมาเรือ พลันก็เกิดความรู้สึกหน่ายใจขึ้นมา สงสัยว่าตลอดการเดินทางกลับเมืองหลวงหกวันนี้ มีหวังต้องทนฟังเสียงอาเจียนของนางตลอดทาง

เป็นไปตามที่จิ้นฝานคิดเอาไว้ เช้าวันที่หนึ่งเขาสะดุ้งกายตื่นขึ้นมาเพราะเสียงอาเจียนของไป๋ซิงหนี่ว์ ลากยาวจนเกือบสองชั่วยาม เขานอนฟังเสียงนั้นเอาแขนหนุนหัวสองข้าง ทอดมองเพดานอย่างทอดถอนใจ

ด้วยความที่มีนิสัยสันโดษ ไม่ชอบสุงสิงกับผู้อื่นที่ไม่สนิท จึงออกไปพบปะสนทนากับขุนนางด้านนอกเพียงเล็กน้อย และเข้ามาเก็บตัวต่อในห้อง ตลอดทั้งวันเขาจะได้เสียงอาเจียนของนางเป็นพักๆ จึงเป็นการรบกวนเขาค่อนข้างมากด้วยเช่นกัน

“เคร้ง!” พลันก็มีเสียงเขวี้ยงบางสิ่งที่กระทบเข้ากับผนังห้อง ตามมาด้วยเสียงตะโกนขึ้นสูงของสตรีที่เขาชังหน้า

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel