บางเบาดั่งสายหมอก

345.0K · จบแล้ว
littlelion
209
บท
2.0K
ยอดวิว
9.0
การให้คะแนน

บทย่อ

คุณหนูรองตระกูลไป๋ เสียพรหมจรรย์ในคืนที่คุณหนูใหญ่แต่งงาน และยังเป็นบุรุษที่ชังน้ำหน้านางอย่างกับอะไรดี แล้วเช่นนี้ลูกในท้องของนางจะทำเช่นไรดี !?

นิยายรักโรแมนติกนิยายย้อนยุคนิยายจีนโบราณผู้ใช้ความรุนแรงแต่งงานก่อนรักคู่นอนคืนเดียวแต่งงานสายฟ้าแลบแต่งงานแทนรักแค้นตั้งครรภ์

บทนำ ฝันร้าย / 0

'ระหว่างเขาที่หยิ่งทระนง กับนางที่เขารังเกียจ

จะเกิดความรักขึ้นมาได้อย่างไรกัน

หรือมันจะเป็นเพียงความสัมพันธ์อันเลืองรางมองเห็นเป็นหมอกควันเพียงเท่านั้นหรือ'

บทนำ

ฝันร้าย

แคว้นซิ่น เมืองหลวง ณ คฤหาสน์ตระกูลไป๋

ค่ำคืนแห่งความชื่นมื่น เสียงดนตรีดังอึกทึกกลบทุกสิ่ง ใต้เสียงนั้นมีเสียงสตรีกรีดร้องขอความช่วยเหลือ หวังว่าจะมีผู้ใดเข้ามาช่วยนางให้รอดพ้นจากเงื้อมมือปีศาจตรงหน้า แต่ทว่าเสียงนางมิอาจส่งถึงผู้ใดได้เลย

ปีศาจในคราบบุรุษเย่อหยิ่งทระนง รังเกียจเดียดฉันท์นางราวกับของสกปรก แทบไม่เคยย่างกรายเฉียดเข้าไปใกล้นางแม้แต่น้อย

แต่บัดนี้เขากำลังเอื้อมมือฉุดร่างนางเข้ามากอด ย่ำยีความบริสุทธิ์ เขาขยี้บีบเคล้นร่างกายนาง และกล่าวเรียกขานนางว่า ‘มี่เอ๋อร์’

นางนอนแน่นิ่งใต้เรือนร่างใหญ่ของเขา ไม่อาจสู้แรงขัดขืนได้อีก น้ำตาไหลอาบลงด้านข้างขมับ จ้องดวงตาดุดันที่เหมือนสัตว์ป่ากระหายเบื้องหน้าด้วยความกลัวจับใจ

ร่างกายนางถูกตรึงติดอยู่กับพื้นไม้ แรงมือเขาจับลงมาคล้ายกับว่าจะบีบแขนนางให้หัก รสจูบที่เขาบดเบียดผสมรสสุราที่ขมขื่นใจ

นางกำลังถูกบุรุษตรงหน้านี้หยามเกียรติ ให้นางเป็นตัวแทนของพี่สาวต่างมารดา เขาพร่ำเรียกชื่อมี่เอ๋อร์ด้วยความรักอย่างหมดใจ

เขาจะรู้หรือไม่ ว่าสตรีที่นอนใต้ร่างนั้นคือสตรีที่เขาใช้หางตามองนางอย่างนึกรังเกียจมาตลอด

“ข้ากลัวแล้ว...ปล่อยข้าเถิด ข้าเจ็บไปหมดแล้ว” เสียงกล่าวอย่างหวาดกลัว น้ำตาร่วงรินตกมายังหมอน

ดวงหน้างามอาบชโลมไปด้วยเม็ดเหงื่อ สองมือเกร็งจิกลงที่นอน ริมฝีปากปริออกกล่าวขอความเมตตา คำแล้วคำเล่า

ความเจ็บนี้กรีดลึกลงหัวใจ เป็นฝันร้ายที่กัดกินนางทุกค่ำคืน ความเจ็บปวดทางร่างกายเทียบไม่ได้กับความบอบช้ำทางใจ

“คุณชายจิ้นพอเถิด…อึก ฮึก ข้าเจ็บข้าเจ็บ” คำกล่าวอ้อนวอนไม่ได้ช่วยให้เขาผ่อนแรงลงแม้แต่น้อย

“เจี่ยเจียช่วยข้าด้วย...ฮือๆ” นางกรีดร้องขอความช่วยเหลือจากพี่สาว สองมือถูกมัดรวบขึ้นด้านบนด้วยผ้าม่านในศาลากลางสวน

อึก! ปล่อยข้า!…ข้าสะดุ้งกายตื่นขึ้น ผ่อนลมหายใจออกทางจมูก และหายใจเข้าออกอย่างหนักหน่วง คล้ายกับว่าก่อนหน้านั้นได้ออกแรงวิ่งทางระยะไกลมาอย่างไรอย่างนั้น

มันคือฝันร้ายที่ตามหลอกหลอนอยู่ทุกคืน เป็นเวลาเกือบหนึ่งเดือนหลังจากคืนงานแต่งงานของเจี่ยเจียกับคุณชายเยี่ย

มือทั้งสองและต้นขากระตุกสั่นไม่หยุด เหมือนกับไม้เซียมซีที่ถูกเขย่า น้ำตาไหลหยดลงมาด้วยความผวาเมื่อหวนนึกถึงเหตุการณ์นั้น ข้าไม่อาจบังคับให้ตัวเองหยุดอาการเหล่านี้ได้เลยทันที

มันทรมานเหลือเกิน แต่ละคืนต้องวนเวียนอยู่ในฝันร้าย ความเจ็บยังคงอยู่ ถึงแม้ว่าร่างกายจะหายดีแล้วก็ตามที

ข้านั่งกอดตัวเองบนเตียง กลืนน้ำลายลงคอที่แห้งเหือด ภาวนาว่าจะมีสักคืนที่ฝันร้ายนี้จะจางหายไปบ้าง

“ท่านแม่...ฮือๆ” น้ำตาพรั่งพรูออกมา เรื่องน่าอับอายและเลวทรามเหล่านี้เหตุใดต้องเกิดขึ้นกับข้า

ไฉนฟ้าถึงลิขิตกำหนดให้ข้าต้องอยู่อย่างอัปยศ ไร้เกียรติ

“ท่านแม่ให้พรลูกด้วย ให้ลูกหลุดพ้นจากความทุกข์นี้ที” นี่คือคำขอที่กล่าวมาตลอดหลายคืน แต่กลับไม่มีสิ่งใดลดทอนความทรงจำนั้นให้ดีขึ้นมาได้

สตรีที่ถูกข่มขืนนำมาซึ่งความอับอายของตระกูล ไม่ควรค่าที่จะแต่งเป็นภรรยาผู้ใด ผู้คนจะนินทา และมองมาอย่างเหยียดหยาม

ข้าจะอดทนแบกรับมันทั้งหมดได้อย่างไร...

จิ๊บๆ...เสียงนกร้องที่เข้ามาเกาะตรงขอบหน้าต่างดังปลุกทำให้ข้ารู้สึกตัวตื่นขึ้นมา เมื่อคืนนอนร้องไห้จนเผลอหลับไปยามไหนข้าเองก็จำไม่ได้ หัวหนักอึ้งราวกับมีก้อนหินอยู่ด้านใน ทอดมองเพดานเตียงและถอดหายใจออกมาอย่างเหนื่อยล้า

ในทุกๆ เช้าข้าจะมีอาการมึนและวิงเวียนที่หัว ช่วงหลังมานี้ยังมีอาการมวนท้องคลื่นเหียน ท้องไส้ปั่นป่วนอย่างบอกไม่ถูก มีอาเจียนออกมาบางครั้งบางครา สาเหตุเหล่านี้คงจะเกิดจากความเครียดและนอนน้อยกระมัง เล่นผวาตื่นมายามดึกทุกคืนเช่นนี้

กว่าจะข่มตาหลับก็ใช้เวลาสองชั่วยามได้

ข้ายันกายลุกขึ้นเดินออกไปเรียกบ่าวให้ยกน้ำเข้ามาล้างหน้าบ้วนปาก ตั้งใจว่าสายๆ จะไปนั่งเล่นในสวน ปักผ้าเย็บผ้าจะได้เลิกคิดฟุ้งซ่านเสียที ถึงแม้ว่ามันจะช่วยไม่ค่อยได้ก็ตามทีเถิด แต่อย่างน้อยๆ จะได้มีช่วงเวลาหนึ่งที่หยุดคิดถึงฝันร้ายนั่นได้บ้าง

“คุณหนูจะไปรับมื้อเช้าที่คฤหาสน์หรือในเรือนเจ้าคะ” สาวใช้ตัวน้อยเอ่ยถามผู้เป็นนาย

“สายๆ หน่อย เจ้าค่อยไปจัดสำรับมื้อเช้าให้ข้าที่ศาลาในสวนใหญ่” ข้าตอบนาง หยิบหวีขึ้นมาแปรงปลายผมที่พันกัน พินิจมองใต้ตาที่บวมแดงจนเห็นได้ชัด

เฮ้อ...สภาพดูไม่ได้เลย เหตุใดต้องเป็นข้าผู้เดียวที่ทนทุกข์จากการกระทำของเขา บุรุษคนนั้น! สมควรถูกแช่งไม่ให้ตายดียิ่งนัก!

“คนเลวทราม หากเวรกรรมมีจริง ขอให้ท่านทนทุกข์ยิ่งกว่าข้าสองเท่าสามเท่า!” ข้าลั่นวาจาสาปแช่งออกมา ภาวนาให้คำกล่าวนี้สัมฤทธิผล จะช้าจะเร็วก็ขอให้เขาพบเจอในชาตินี้

พอสายๆ ก็จัดเตรียมให้บ่าวขนผ้าและอุปกรณ์ตัดเย็บไปยังศาลา วันนี้อากาศค่อนข้างสดชื่น ไม่ร้อนไม่เย็นมากเกินไป เหมาะแก่การนั่งจิบชา ปักผ้าให้สบายใจมากนัก

ข้านั่งสูดอากาศดมกลิ่นหอมของดอกกุหลาบที่เริ่มโรยราผลัดกลีบลงพื้นอบอวลภายในสวนแห่งนี้ เสียงนกร้องยามสาย สายลมอ่อนๆ ล้วนแต่เป็นยาปลอบประโลมให้หัวใจรู้สึกผ่อนคลายลงได้บ้าง

“คุณหนู สำรับมื้อเช้ามาแล้วเจ้าค่ะ” สาวใช้เดินถือสำรับตรงเข้ามาในเรือน และวางลงบนตรงโต๊ะหิน ก่อนจะเปิดฝาออกทีละถ้วย

“เอามาหลายอย่างเชียว มีแต่ของมันๆ ทั้งนั้น นี่เจ้าต้องการให้ข้าอ้วนรึ” ข้ากล่าวบ่นสาวใช้ออกไป อาหารเช้าควรที่จะเป็นอะไรเบาๆ มิใช่ขาหมูตุ๋นน้ำผึ้ง แป้งทอด ซาลาเปา นกกระทาอบดิน ดูหนังของมันเข้าสิ! มันเยิ้มด้วยน้ำมันซึมออกมาจนมิน่ากิน

“ขะ ขออภัยด้วยเจ้าค่ะ บ่าวเพิ่งมาใหม่” สาวใช้ตอบน้ำเสียงเลิ่กลั่ก ก้มหน้างุดจนปลายจมูกทิ่มเข้าอก

“ข้าวต้มกับปลาป่นก็พอ ไปเอามาใหม่” ข้ากล่าว ยกมือโบกไล่นางให้ไปเอามาอีกรอบ

“เจ้าค่ะคุณหนู!” สาวใช้รับคำทันที แล้วหมุนกายวิ่งออกจากสวนใหญ่

สาวใช้หายไปหนึ่งเค่อเดินกลับมาพร้อมถาดไม้ที่ใส่ถ้วยข้าวต้มและถ้วยปลาป่นเอาไว้ด้านใน ก่อนจะวางลงตรงหน้าคุณหนูรองที่นั่งโบกพัดในมือเชิดหน้าขึ้นมองดอกไม้ในสวนยามนี้

“ยกสำรับเก่ากลับไปด้วย วางตรงนี้เกะกะสายตา” ข้าเอ่ยพร้อมกับปรายตามองโต๊ะ

“เจ้าค่ะ” สาวใช้รีบเดินเข้ามายกสำรับนำกลับไปเก็บ

พลันสาวใช้ผู้นั้นเดินพ้นสายตาข้าถึงจะยกถ้วยข้าวต้ม พร้อมกับตักปลาป่นขึ้นมากิน พอช้อนยกขึ้นมาจ่อปาก กลิ่นเค็มๆ ของปลาที่ชวนสะอิดสะเอียนก็ปะทะเข้าจมูก กลิ่นของมันราวกับของเสียเหม็นชวนอาเจียนออกมา

อุบ! อึก! ข้ากระอักกระอ่วนในปาก อาหารเย็นของเมื่อวานกำลังตีขึ้นมาที่คอ จากที่คอไหลทะลักออกมาทางปาก

“อ้วกกกกกกกกกกกกก โฮกกกกกกกก” ข้าอาเจียนพุ่งออกมาด้านนอก สำไส้ด้านในบีบตัวรัด ดันอาหารทั้งหมดออกมา ดวงตาพร่ามัวไปด้วยน้ำตาที่ปริ่มออกมายามอ้าปากอาเจียน ขมับทั้งสองเต้นตุบๆ เวียนหัวขึ้นมาเสียดื้อๆ

“คุณหนูรอง เป็นอันใดรึ” เยี่ยเปาเดินตามเสียงอาเจียนมาถึงเรือนไม้ขนาดย่อม หรือศาลาขนาดเล็กข้างบ่อน้ำที่เอาไว้นั่งพักผ่อนหย่อนใจในสวน มองเห็นไป๋ซิงหนี่ว์กำลังโก่งคออาเจียนออกมาไม่หยุด

“ข้าแค่อาหารมิถูกปากเท่านั้น...อ้วกกกกกกก” ข้ากล่าวตอบ รีบก้มหน้าลงกระโถนไปอาเจียนต่อ

“ข้าจะไปบอกบ่าวให้ตามหมอมาให้ดีหรือไม่” เยี่ยเปากล่าวขึ้นด้วยความเป็นห่วง อย่างไรเสียน้องภรรยาก็เปรียบเสมือนน้องตนเอง เขาควรสอดส่องดูแลนางเสียหน่อยยามที่ภรรยาไม่อยู่ในคฤหาสน์

“รบกวนท่านด้วย” ข้าก้มหัวขอบใจพี่เขยเล็กน้อย จากนั้นก็ก้มหน้าลงกระโถนต่อ

เมื่ออาเจียนจนหมดแรงจึงเงยหน้าขึ้นมานั่งเอนหลังหายใจหอบ ไม่รู้ว่าพี่เขยไปตอนไหน เมื่อครู่นี้หลับหูหลับตาอาเจียนออกมาอย่างเดียว ไม่ได้สนใจสิ่งรอบข้างเลยสักนิด

ข้ายกมือขึ้นกุมหน้าอกตนเองเอาไว้ กะพริบตามองภาพเบื้องหน้าให้ชัดเจน เพราะยามนี้ทั้งหูทั้งตาเบลอไปหมด หากลุกขึ้นยืนเดินกลับเรือนมีหวังต้องหน้ามืดเป็นลมลงไปเป็นแน่

ท้ายบท...

แนะตัวละครหลัก

ไป๋ซิงหนี่ว์ : สตรีถือตัว คุณหนูรองตระกูลไป๋

จิ้นฝาน : บุตรชายคนโตของท่านเสนาบดีกรมพระคลัง สหายของไป๋มี่อิงพี่สาวของไป๋ซิงหนี่ว์

เจิ้งเหรินอี้ : หมอหลวง คนในสิบตระกูลมหาอำนาจในแผ่นดินหยวนโปว

เอ้อ ลิ่ว ปา เหอเสี่ยง : บุตรของไป๋ซิงหนี่ว์ กับจิ้นฝาน

ฮวาฮ่าว : บุตรสาวคนเล็กท่านเสนาบดีจาง

เสี่ยวเมิ่ง : สาวใช้ประจำตัวไป๋ซิงหนี่ว์ที่ไป๋มี่อิงส่งมาดูแล

เฉินหย่าลี่ : บ่าวคนสนิทของฮูหยินเฒ่า

ไป๋มี่อิง : คุณหนูใหญ่ตระกูลไป๋ พี่สาวไป๋ซิงหนี่ว์

เยี่ยเปา : บุตรชายคนเล็กของแม่ทัพที่แต่งเข้าไปเป็นฮูหยินใหญ่ตระกูลไป๋ พี่เขยไป๋ซิงหนี่ว์ ตามกฏตระกูลไป๋

ซิ่นสือ : ไท่จือแคว้นซิ่น สหายของไป๋มี่อิง