บท
ตั้งค่า

บทนำ ฝันร้าย / 1

เรือนเหมย

ข้าเดินกลับเรือนมาอย่างทุลักทุเล ทิ้งตัวนั่งลงบนตั่งในห้องโถง ยกแขนเสื้อขึ้นมาเช็ดเหงื่อที่ซึมไหลออกมาตรงหน้า แล้วรับน้ำชาจากสาวใช้คนเดิมที่รีบร้อนนำเข้ามาให้

“มิสบายหรือเจ้าคะ ดื่มชาสักหน่อย” สาวใช้เอ่ยถามคุณหนูด้วยความเป็นห่วง

“แค่เพียงเวียนหัวมวนท้อง เจ้าไปทำงานอื่นต่อเถิด นั่งพักประเดี๋ยวก็ดีขึ้น” ข้าไล่นางออกไป เพราะอยากอยู่ผู้เดียว คร้านจะมานั่งสนทนาตอบคำถามอีก แค่นั่งเฉยๆ ก็รู้สึกเหนื่อยมากพอแล้ว

“ประเดี๋ยวก่อน เจ้าไปหยิบกระโถนมาวางให้ข้า!” ข้าตะโกนสั่งก่อนที่นางจะเดินจากไป ยามนี้มีอาการพะอืดพะอมในคอคล้ายกับว่าจะอาเจียนออกมาอีกรอบ

“ข้าจะรีบนำมาให้เจ้าค่ะ” สาวใช้ก้มหน้าลงเล็กน้อย ครุ่นคิดถึงอาการของคุณหนูตนเองด้วยความสงสัยในใจ

ข้านั่งพะอืดพะอมดมยาหอม ล้างปากด้วยน้ำชา นั่งเอนหลังพักให้หายเวียนหัว มันไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับคนที่เคยมีสุขภาพดี นอนหลับสนิทอย่างเป็นสุขทุกคืน ต้องมาสะดุ้งตัวตื่นขึ้นมาอย่างผวา เพราะไม่อาจหยุดคิดถึงเรื่องเลวร้ายนั้นลงได้เลยสักนิดเดียว แม้กระทั่งตอนหลับ

มันบั่นทอนสภาพจิตใจทำให้ข้าหวาดระแวง หากมีใครล่วงรู้เข้า มิพ้นต้องเอาไปนินทาให้อับอายเสียเกียรติ ไม่ต้องคิดเลยว่าจะมีบุรุษใดจะเข้ามาขอ ไม่มีทางที่พวกเขาจะแต่งสตรีที่มีมลทินเข้าไปเป็นฮูหยินได้นอกจากอนุภรรยาเท่านั้น หมดสิ้นแล้วอนาคตที่วาดฝันไว้

เรื่องนี้ต้องเก็บเอาไว้ลึกสุดใจ ไม่กล่าวแพร่งพรายให้ผู้ใดฟัง ความผิดพลาดครั้งนี้จะมีข้าเพียงผู้เดียวที่รับรู้ และไม่หวังให้บุรุษเช่นคุณชายจิ้นมารับผิดชอบใดๆ ในชีวิต

อุบ อึก! นั่งพักไปได้เพียงครู่เดียวพลันก็คลื่นไส้อาเจียนขึ้นมาอีกรอบ ข้ารีบยกกระโถนที่สาวใช้นำมาวางไว้ให้ขึ้นมาจ่อปากแล้วอาเจียนออกมาเป็นน้ำ

ส่วนไป๋มี่อิงที่เดินทางไปรับไป๋จิวเซียน ฮูหยินรองของนางที่เมืองกุ้ยฉิน ก็เดินทางมาถึงคฤหาสน์ตระกูลไป๋ และยังรับรู้เรื่องโหดร้ายที่สหายคนสนิทของนางได้ทำการล่วงเกินน้องสาวหัวแก้วหัวแหวนที่เลี้ยงดูมาอย่างดี

นางให้หูทิพย์ตาทิพย์สวรรค์ที่อยู่ใต้คำบัญชาของผู้นำหอหลิวลี้เช่นนางไปตามสืบความมาจนกระจ่าง หอหลิวลี้นี้เป็นหออันดับหนึ่งในยุทธภพ ขายข่าวให้ผู้คนที่อยากทราบสิ่งที่ตนเองมิอาจทราบได้นั่นเอง จึงเป็นเรื่องง่ายอย่างมากที่จะตามสืบหาคนร้ายที่แอบเข้ามาในเรือนเหมยคืนแต่งงานของนาง และข่มเหงไป๋ซิงหนี่ว์

ไป๋มี่อิงเดินเข้ามาในเรือนเหมย สิ่งแรกที่นางพบเห็นนั่นคือ ไป๋ซิงหนี่ว์กำลังยกกระโถนขึ้นมาอาเจียนเสียงดัง ดวงหน้างามที่เคยอมชมพูสุขภาพดี มีเลือดฝาด มีรอยยิ้ม และนัยน์ตาสดใส บัดนี้กลับซีดขาวลงราวกับผ้าฝ้ายสีขาว ดวงตาหม่นหมองไร้ความสุข

“เม่ยเหม่ยมิสบายรึ...เจ้าให้บ่าวไปตามท่านหมอมาหรือยัง” ไป๋มี่อิงกล่าวพลางเดินไปนั่งบนตั่งตัวเดียวกับไป๋ซิงหนี่ว์ พลางลูบหลังมือน้องสาวอย่างเบามือ

“ฮึก...! คุณชายเยี่ยให้บ่าวไปตามท่านหมอมาแล้วเจ้าค่ะ” ข้ากล่าวพลางยกมือปิดปากกลั้นเสียงอาเจียนที่ดังลอดออกมาเอาไว้ในคอ

“คุณชายเยี่ยรึ… ฮึ” ไป๋มี่อิงยกมุมปากขึ้นยิ้ม เค้นเสียงขึ้นจมูกออกมาอย่างพึงพอใจ

“อีกประเดี๋ยวท่านหมอคงจะมาถึงแล้วกระมัง” ข้ากล่าวเสียงอ่อนด้วยความเหนื่อยล้า เพราะตั้งแต่ยามเหม่าก็พะอืดพะอมเวียนหัว อีกทั้งยังอาเจียนออกมาไม่หยุดปาก พอจะกินอะไรเข้าไปก็มีแต่จะพุ่งออกมา แม้กระทั่งน้ำชาก็มิได้ยกเว้น

พอจบคำกล่าวของไป๋ซิงหนี่ว์ พ่อบ้านหมิงก็เดินนำหน้า ท่านหมอไว้เคราสีขาวยาวถึงอกเข้ามาในเรือนเหมย พอเขาเห็นไป๋มี่อิง คุณหนูใหญ่ได้กลับมาถึงแล้ว จึงกล่าวทักทายออกไปด้วยความดีใจ

“คุณหนูใหญ่ของข้า กลับมาแล้วหรือขอรับ”

“กลับมาแล้ว...พ่อบ้านหมิงพาท่านหมอมาตรวจอาการซิงหนี่ว์เถิด” ไป๋มี่อิงกล่าว แล้วลุกขึ้นยืนเพื่อให้ท่านหมอเข้ามาตรวจอาการไป๋ซิงหนี่ว์ได้สะดวก

หมอชราเดินเข้าไปตรวจอาการ จับดูชีพจรตรงข้อมือของไป๋ซิงหนี่ว์อยู่หลายรอบ จากนั้นถึงได้เอ่ยปากถามอาการป่วยที่แสดงออกมาในช่วงหลายวันมานี้ของนางอีกสามสี่ข้อ พอเขาได้คำตอบตรงกับผลตรวจแล้ว ถึงได้กล่าวออกไปด้วยสีหน้าเรียบนิ่งตามบุคลิกภายนอกที่มองเห็นเป็นชายชราเงียบขรึม

“คุณหนูรองไป๋กำลังตั้งครรภ์ได้ประมาณเกือบหนึ่งเดือนแล้วขอรับ”

เปรี้ยง! คล้ายกับมีสายอสนีบาตผ่าลงกลางใจของข้า หัวว่างเปล่า หูทั้งสองได้ยินเสียงวิ้ง...

สายตาที่มองเห็นภาพตรงหน้า กลับพร่ามัวหม่นหมอง มองเห็นเพียงความมืดเท่านั้น

“แน่ใจรึท่านหมอ! ว่าท่านมิได้ตรวจอาการของนางผิดพลาด” เสียงไป๋มี่อิงดังขึ้น นางกล่าวออกมาด้วยท่าทีที่ตกใจเป็นอันมาก

“แน่ใจขอรับ ตัวข้าขอเอาอาชีพหมอที่ทำมาเกือบยี่สิบปีเป็นประกันว่าคุณหนูรองตระกูลไป๋ตั้งครรภ์” หมอชรากล่าวขึ้นเสียงหนักแน่นด้วยสีหน้าที่จริงจังขึ้น

“เจี่ยเจีย...ข้าตั้งครรภ์” ข้ากล่าวพึมพำออกมา หายใจเข้าออกไม่เป็นจังหวะ คล้ายกับว่าจะเป็นลม น้ำตาที่อัดอั้นเอาไว้ในอกพลันทะลักออกมาอย่างห้ามไม่อยู่

แค่ถูกขืนใจก็หนักหนามากพอแล้ว...นี่ยังมาตั้งท้องให้กับบุรุษเช่นนั้นอีกหรือ ข้า...ข้าควรจะทำเช่นไรดี เป็นเรื่องน่าอับอายเกินจะทนรับไหว

“เม่ยเหม่ย พี่อยู่ตรงนี้ พี่อยู่ตรงนี้แล้ว...ไม่ต้องกลัวอันใด” ไป๋มี่อิงเดินเข้าไปสวมกอดน้องสาวต่างมารดา ยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาที่ร่วงเผาะออกมาไม่หยุดสาย

นางคับแค้นใจเป็นอย่างมาก แค่จิ้นฝานข่มเหงไป๋ซิงหนี่ว์ก็ทำให้น้องสาวนางทุกข์ทรมานมากพอแล้ว แต่นี่ถึงกับตั้งท้อง สำหรับเรื่องเช่นนี้เป็นเรื่องสำคัญของสตรีเป็นอย่างมาก และยังเป็นเรื่องอับอายมากถึงมากที่สุดอีกด้วย

ไป๋ซิงหนี่ว์มีนิสัยสตรีค่อนข้างสูง รักความสวยความงาม รักหน้าตาเป็นที่หนึ่ง วางท่าทางสง่างามมาตลอด และยังภูมิใจตนเองเป็นอย่างมาก จะต้องทนความรู้สึกอัปยศมากมายแค่ไหนกัน...

ข้าซุกหน้าลงบนอกของพี่สาวไม่อยากเงยหน้าขึ้นมารับรู้เรื่องราวรอบตัวอีก อยากจะวิ่งเอาหัวโขกกำแพงให้หมดสติไป ไม่ต้องฟื้นขึ้นมาอีก แต่ถึงกระนั้นก็กลัวเจ็บเกินไปที่จะทำร้ายร่างกายตัวเองได้ลง ทำได้เพียงร้องไห้ออกมาเท่านั้น ภาวนาในใจว่าทุกอย่างเป็นเพียงแค่ความฝัน

ไป๋มี่อิงยกมือลูบลงตรงหัวไป๋ซิงหนี่ว์ รับรู้ถึงความทุกข์ใจที่กลั่นออกมาเป็นน้ำตา เสียงสะอื้นฮึดฮัดอยู่ในคอที่ไป๋ซิงหนี่ว์พยายามกลั้นเอาไว้ไม่ให้ดังออกมา

“อย่าได้เอาเรื่องนี้ไปพูดเด็ดขาด!” ไป๋มี่อิงกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ ส่งตรงเข้าหูผู้คนที่อยู่ในห้องโถงยามนี้ มันเป็นน้ำเสียงที่พ่อบ้านหมิงและหมอชรารู้ดีว่าหากเผลอปากกล่าวออกไปแล้วไซร้ อายุขัยที่มีมากอยู่แล้วจะเป็นอันจบลง และสิ้นสุดอย่างกะทันหัน

พ่อบ้านหมิง หรือหัวหน้าบ่าวประจำคฤหาสน์ตระกูลไป๋สงบปากสงบคำ ไม่ได้เอ่ยถามผู้เป็นนายออกไป เขารีบก้มหน้าลงมองปลายเท้า พาหมอชราที่เชิญมาออกจากเรือนเหมยทันที และยังกล่าวกำชับให้หมอชราปิดปาก พร้อมมอบเบี้ยอีกยี่สิบตำลึงทองให้หมอชราไปอีกด้วย

ข้าที่ซุกหน้าร้องไห้ ได้ยินเสียงฝีเท้าของคนเดินจากไปแล้วจึงเงยหน้าขึ้นไปกล่าวกับพี่สาว “เจี่ยเจีย...หากผู้ใดรู้เข้าว่าข้าตั้งครรภ์คงได้ประณามข้าเป็นแน่ ฮือๆ” กล่าวจบก็ร้องไห้ออกมาอย่างปวดใจ มันจุกตรงอก อัดแน่นไปด้วยความรู้สึกหลากหลายที่เกิดขึ้นมานี้

“พวกมันกล้าประณามเจ้ารึ...ฮึ พวกมันที่มิรู้จักและตัดสินคนอื่นอย่างฉาบฉวยมีอันใดที่เจ้าต้องไปใส่ใจ หากมันกล้ากล่าวเรื่องของเจ้าเสียๆ หายๆ พี่สาวผู้นี้จะไปตัดลิ้นมันออกมาให้หมูกินเสีย!! พวกมันจะได้รู้ตัวเสียทีว่าควรจะทำประโยชน์อันใดที่ดีกว่ามานั่งนินทาเรื่องชาวบ้าน” ไป๋มี่อิงกล่าวด้วยความคับแค้นใจ ยิ่งเห็นน้ำตาน้องสาวอันเป็นที่รักไหลออกมาอย่างพรั่งพรูนางยิ่งสงสารและเวทนาจับใจ

เจี่ยเจียกล่าวออกมามันง่าย...จะมีสักกี่คนที่เป็นดั่งคำกล่าวนั้น ผู้คนที่ข้าเจอล้วนแต่ปากมาก สุมหัวเกินสองคนเมื่อใดหัวข้อสนทนาที่กล่าวออกมาล้วนเป็นเรื่องของผู้อื่นเสมอ

ข้าเป็นถึงสาวงามอันดับสองฝั่งตะวันตก ถ้าผู้ใดรู้เข้าคงต้องเหยียบข้าจมดินเป็นแน่ พวกมันต้องเอาข้าไปนินทา และตราหน้าว่าเป็นสตรีมีมลทิน

“เสี่ยวฝานใช่หรือไม่ที่ข่มเหงเจ้าเยี่ยงนี้!!” ไป๋มี่อิงที่เงียบไปครู่หนึ่งกล่าวถามออกไปตามตรง

“เอ่ออออ” ข้าอ้ำอึ้งอยู่ในคอด้วยความตระหนกตกใจ ไม่คิดว่าเจี่ยเจียจะรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นเร็วเช่นนี้ แต่ต้องยอมรับว่าไม่มีเรื่องใดที่จะปกปิดนางเอาไว้ได้เลย

“ใช่เขาใช่หรือไม่” ไป๋มี่อิงถามย้ำอีกครั้งด้วยน้ำเสียงดุ

ข้าสะดุ้งกายขึ้นตามเสียงของนาง ในหัวสับสนว่าจะกล่าวออกไปดีหรือเปล่า ถ้านางรู้เรื่องแล้วก็ควรจะยอมรับออกไป และขอร้องนางไปตามตรง

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel