บทนำ ฝันร้าย / 2
“ใช่เจ้าค่ะ...แต่เจี่ยเจียอย่าไปเอาเรื่องคุณชายจิ้นเลยนะเจ้าคะ”
ถ้าต้องแต่งงานกับบุรุษผู้นั้นที่แสดงออกมาว่าไม่ชอบข้า และคนที่เขาชอบนั้นคือพี่สาวตนเองแล้วล่ะก็ ข้ายอมใช้ชีวิตอยู่กับลูกจนแก่ตายดีกว่าต้องมีชีวิตคู่ที่ขมขื่น ดูอย่างไรข้ากับเขาก็ไม่มีทางที่จะใช้ชีวิตฉันสามีภรรยาได้เลย เพราะต่างคนต่างไม่ได้รู้สึกดีต่อกันแม้แต่น้อย
“ได้เช่นไรกัน!!! เสี่ยวฝานมันต้องมารับผิดชอบเม่ยเหม่ยและลูกในท้องของมัน” ไป๋มี่อิงยังยืนยันคำเดิมด้วยน้ำเสียงที่แสดงถึงโทสะยามนี้ของนางที่ปะทุขึ้นมา
“เจี่ยเจียได้โปรดเถิดเจ้าค่ะ ถือว่าน้องขอร้อง” ข้ากลืนเสียงสะอื้นลงคอ กล่าวออกไปเสียงสั่น เว้าวอนนาง ยกแขนขึ้นกอดรัดเจี่ยเจียเอาไว้
ไป๋มี่อิงกัดฟันแน่น หลุบตามองท่าทางของไป๋ซิงหนี่ว์ นางมิอาจเข้าใจได้เลยว่าเหตุใดถึงต้องปิดเรื่องนี้เอาไว้ จิ้นฝานทำผิด เขาต้องรับผิดชอบ เหตุใดไป๋ซิงหนี่ว์ต้องขอร้องและปกปิดด้วย
จะไม่ให้ไป๋ซิงหนี่ว์ปิดได้อย่างไร ที่จิ้นฝานขืนใจนางเพราะเขาเห็นนางเป็นตัวแทนไป๋มี่อิง ในคืนวันนั้นเขาคร่ำครวญพร่ำเรียกชื่อนางว่า ‘มี่เอ๋อร์’ นางไม่อยากให้พี่สาวตนเองมารับรู้เรื่องราวชวนปวดใจเหล่านี้
ไป๋มี่อิงนิ่งเงียบไปพักใหญ่ ราวกับว่ากำลังใช้ความคิดอย่างหนัก พอคิดออกถึงได้กล่าวขึ้น
“แต่...เฮ้อ” นางกล่าวไม่ทันจบก็ผ่อนลมหายใจออกมาอย่างหัวเสีย และเอ่ยออกไปใหม่ “เอาเถิด แล้วแต่เจ้า” นางรับคำน้องสาวอย่างขัดใจ
“ขอบใจเจ้าค่ะ...ข้าจะมิกล่าวถึงเรื่องพวกนี้อีก” ข้ากล่าวบอกนางเสียงแผ่ว กระชับอ้อมกอดนางมากขึ้น มันช่างเป็นวันที่เหนื่อยล้ามากเหลือเกิน
เจี่ยเจียเปรียบดั่งท่านแม่อีกคนของข้า ทุกๆ เหตุการณ์ไม่ว่าจะสุข ทุกข์ เศร้า ต่อให้ข้าเกเรและกลั่นแกล้งนางมากเพียงใด เจี่ยเจียก็มิเคยทอดทิ้งข้าไปไหน อยากได้สิ่งใด หายากเท่าไร พอวันพรุ่งของเหล่านั้นจะถูกวางเอาไว้ในเรือนเหมย
นางเหนื่อยกับข้ามามากพอแล้ว...ตอนนี้ยังหาเรื่องหนักใจมาให้นางเพิ่มขึ้นไปอีก ข้ามิเคยเป็นน้องสาวที่ดีเลยสักครา เอาแต่ใจมาตลอด เห็นนางทุกข์ใจเช่นนี้แล้วรู้สึกละอายใจเหลือเกิน
“พี่จะไม่กล่าวถึงมัน...” ไป๋มี่อิงกล่าวเสียงแผ่วเบา ในหัวครุ่นคิดหาแผนการเอาไว้เต็มหัว และกล่าวขึ้นอีก
“แต่ว่า...ปัญหามันใหญ่เกินกว่าสตรีผู้หนึ่งจะรับไหว” ไป๋มี่อิงกล่าวปลอบ ลูบแผ่นหลังที่สั่นไหวในอ้อมแขน
“เจ้ายังมีพี่…การตั้งท้องไม่ใช่เรื่องน่าอับอาย พี่มองว่าเป็นเรื่องน่ายินดีเสียด้วยซ้ำที่จะมีเด็กเกิดขึ้น การให้กำเนิดชีวิตเล็กๆ ขึ้นมาเป็นเรื่องงดงาม” ไป๋มี่อิงเอ่ยขึ้นต่อ
“งดงามอย่างไรกัน...เด็กที่เกิดขึ้นจากความผิดพลาดนั้นน่ะหรือ” ข้าที่ซุกหน้าตรงอกนางเอ่ยขึ้น มองอย่างไรก็ไม่เห็นเป็นเรื่องน่ายินดีเลยสักนิดเดียว
“ซิงหนี่ว์ ถึงแม้ว่าเด็กจะเกิดจากความผิดพลาด แต่มันหาใช่ความผิดของเขาที่เกิดมาไม่ ถ้าพวกเขาเลือกเกิดได้ คงมิมาเลือกเกิดเป็นบุตรของบิดามารดาที่ไม่พร้อมหรอกนะ ในเมื่อผิดพลาดแล้วนั้นก็ต้องทำใจยอมรับ ถ้าวันใดที่ลูกเจ้าโตขึ้นมาแล้วรับรู้เรื่องราวในอดีตว่าแม่ของเขาไม่ต้องการ
มิคิดว่ามันโหดร้ายกับเด็กผู้หนึ่งเกินไปหรอกหรือ มันไม่ยุติธรรมสำหรับเขาแม้แต่น้อย ตอนเกิดก็เลือกเกิดไม่ได้ เลือกบิดามารดาตามใจก็ไม่ได้ สุดท้ายต้องเกิดมาเจอสภาพแวดล้อมที่น่าเศร้า ทั้งที่มิใช่ความผิดของเขาแม้แต่น้อย” ไป๋มี่อิงกล่าวอธิบายเนิบช้า
ในเมื่อเรื่องเกิดขึ้นแล้ว ก็ต้องเลือกที่จะมองทางให้สว่างขึ้น หากจมอยู่ในปัญหา จะมองหาทางออกได้อย่างไร
“แล้วมันใช่ความผิดของข้าหรืออย่างไร สุดท้ายผู้ที่ทุกข์ใจก็มีแต่ข้าผู้เดียว” ข้ากล่าวแย้ง คนที่แบกรับทั้งหมดคือข้า คนที่เผชิญหน้าคือข้า คนที่ต้องถูกตราหน้าก็คือข้า
“มันอาจจะไม่ยุติธรรมสำหรับเจ้าก็จริง แต่เมื่อปัญหาเกิดขึ้น และไม่อาจย้อนกลับไปแก้ไขได้ จึงต้องเรียนรู้จะมองมันให้กระจ่าง ฟังข้านะน้องรัก เจ้ามิต้องกังวลใจว่าผู้ใดจะนินทา พี่จะจัดการปัญหานี้ ขอแค่เพียงให้เจ้ากับหลานสุขภาพแข็งแรง ถึงแม้ว่าจะนานไปหน่อย แต่ปัญหาทั้งหมดจะคลี่คลายลง” ไป๋มี่อิงกล่าวอย่างใจเย็น
“ท่านส่งข้าไปอยู่ที่อื่นได้หรือไม่...ข้ามิอยากอยู่ในเมืองหลวงแล้ว” ข้าเอ่ยขอร้องนาง
“อดทนน้องพี่ ยิ่งเจ้าหายออกจากเมืองหลวงจะยิ่งชวนให้ผู้คนสงสัย” ไป๋มี่อิงเอ่ย
“ข้าต้องทำเช่นไร…ยิ่งช้าท้องข้าก็ยิ่งใหญ่ขึ้น” ข้าสูดลมหายใจเข้า แล้วกล่าวออกเสียงแหบปนสะอื้น
“เชื่อพี่อีกสักครา ดูแลตัวเองและหลานให้ดี อนาคตให้ข้าจัดการเอง” ไป๋มี่อิงตอบ
ข้านิ่งเงียบปล่อยให้น้ำตาไหลออกมา มิแคล้วต้องให้นางแก้ไขปัญหาให้อีก แต่ยามนี้ข้าหมดหนทางแล้วจริงๆ ความหวังเดียวคือรอให้นางจัดการกับปัญหาที่เกิดขึ้นนี้ให้จบลง…
ตกดึกข้านั่งหลุบตามองท้องตัวเองด้วยความรู้สึกหลากหลาย ทั้งโกรธ เกลียด แค้น ตั้งใจจะหลีกหนีออกไปอยู่ที่อื่น พอคลอดออกมาก็จะมอบเด็กให้เป็นบุตรคนเล็กของท่านพ่อ นี่คือแผนการที่ผุดขึ้นมาในหัวก่อนหน้านี้
แต่คำกล่าวของเจี่ยเจียกลับลบล้างความคิดเห็นแก่ตัวนี้ เด็กที่เกิดมาไม่ผิด ที่ผิดคือบุรุษต่ำทรามผู้นั้น
เอาเถิด…วันนี้ยังไม่อาจทำใจได้ พลันพออุ้มท้องไปประเดี๋ยวก็เกิดความผูกพันขึ้นมาเอง ข้ากล่าวปลอบใจตนเองอยู่นานก็ถึงคราเข้านอน สูดดมกลิ่นหอมของสมุนไพรคลายความเครียดที่พ่อบ้านหมิงนำมาให้ยามเย็น และนอนหลับสนิทลงไปในที่สุด
ความมืดที่จมดิ่งและเงียบสงบ แต่มิใช่ว่าจะไม่มีพายุ เปรียบดั่งใจมนุษย์ ความกลัวที่เกิดขึ้นจากการทรมาน ความเจ็บที่เกิดขึ้นจากการไม่ยินยอม และการยัดเยียดในสิ่งที่ไม่ต้องการ เป็นสิ่งที่ส่งผลตรงกับจิตใจและความรู้สึกของคนเรา
ภายนอกที่สงบนิ่ง หากจิตใจและความรู้สึกยังจดจำ มันยังฝังรากลึกอยู่ภายใต้จิตใจของพวกเขา
ไป๋ซิงหนี่ว์เองก็เป็นเช่นนั้น ความเจ็บปวดนี้ถูกระบายออกมาจากจิตใต้สำนึกยามนางนอนหลับ ทุกค่ำคืนฝันร้ายนั้นจะวกกลับมาใหม่ ต้นขาทั้งสองสั่นระริกแนบเข้าหากัน ฝ่ามือจิกลงที่นอนเกร็งจนเห็นเส้นเลือด
ความเจ็บทางกายที่ไม่ยินยอม และทางใจที่ถูกยัดเยียด มิต้องเอ่ยถึงเลยว่าสำหรับครั้งแรกของสตรีจะโหดร้ายแค่ไหน มันปวดร้าวฉีกขาด เจ็บแสบมากเพียงใด เมื่อมิได้มีความรู้สึกร่วมด้วย ยังต้องใช้เวลาในการรักษาตัวอยู่นาน และลำบากในการใช้ชีวิตเป็นอย่างมาก
ความเลวร้ายทั้งหมดคือสิ่งที่จิ้นฝานทิ้งเอาไว้ให้กับนาง นางที่ไม่เคยข้องแวะกับเขา หรือยุ่งเกี่ยวกับเขาแม้แต่น้อย นางที่แทบไม่เคยสนทนาด้วย แต่ไฉนกลับเป็นที่ระบายอารมณ์ใคร่ของเขาไปได้
ณ กลางดึกนี้ ดวงหน้างามซีดเซียวทรุดโทรมตามสภาพจิตใจ นอนกระสับกระส่าย เหงื่อผุดเต็มกรอบหน้า และแผ่นหลัง เสียงคร่ำครวญที่ดังลอดออกปากริมฝีปากแห้ง คำกล่าวเว้าวอนขอความเห็นใจจากปีศาจชั่วช้าที่นางเผชิญอยู่ในฝัน ฝ่ามือใหญ่ของมันเอื้อมเข้ามาใกล้ ดวงหน้าหยิ่งทระนงกำลังยิ้มเยาะบีบแขนนางเอาไว้แน่น
ความเจ็บปวดนี้ถ้าไม่รู้สึกหรือเจอด้วยตนเอง ไม่ละเอียดลออต่อความนึกคิดหรือเห็นใจแล้วไซร้ ก็ไม่อาจเข้าใจความทุกข์ที่นางเผชิญอยู่ได้ มันถือเป็นฝันร้ายตามหลอกหลอนให้ทรมานใจ ราวกับเป็นเงาตามตัวมิมีผิด
“ข้าเจ็บ...ปล่อยข้าคุณชายจิ้น!” พรึบ! ข้าสะดุ้งกายตื่นขึ้นมากลางดึกจนกลายเป็นเรื่องปกติ นอนหายใจเข้าออกๆ ให้ใจเย็นลง แล้วยกแขนเช็ดเหงื่อที่ไหลเปียกหน้า
มันถึงคราที่ข้าจะต้องจริงจังต่อความรู้สึกตัวเองเสียที มิเช่นนั้นอาจจะส่งผลต่อเด็กในท้องได้ ถ้านอนหลับครึ่งๆ กลางๆ เช่นนี้
วันรุ่งขึ้น
ข้าตื่นแต่เช้าขึ้นมาอ้วกด้วยอาการแพ้ท้อง หาใช่เพราะอาการเครียดอย่างที่เคยคิดเอาไว้ เมื่อจัดการตัวเองเข้าที่แล้วจึงเดินไปร่วมกินมื้อเช้าที่ตัวคฤหาสน์อย่างพร้อมหน้าพร้อมตากันทั้งครอบครัว
ข้ามองถ้วยข้าวตนเอง ใจจดใจจ่อเพื่อจะหาวิธีรักษาอาการผิดปกติที่เกิดขึ้นทุกๆ คืน เพราะเวลานี้ตัวข้าหาใช่คนเดียวเหมือนเมื่อก่อน ตั้งใจว่าจะดูแลเด็กที่เกิดมาให้ดี และไม่ทำร้ายเขา ผู้บริสุทธิ์ที่เกิดขึ้นท่ามกลางความขัดแย้งวุ่นวายมันมิใช่ความผิดของเขาที่ต้องมาร่วมรับกรรมนี้
ไป๋ซิงหนี่ว์อยู่ในความคิดของตนเอง เหม่อมองถ้วยข้าว ส่วนมือก็คีบอาหารร่วงหล่นวนเวียนอยู่เช่นนั้น ทำให้ไป๋มี่อิงที่นั่งสนทนาหยอกเย้ากับเหล่าฮูหยินทั้งสองนั่นคือ เยี่ยเปาและจิวเซียนจึงเอ่ยขึ้น
“เม่ยเหม่ย…วันนี้ออกไปเที่ยวเล่นที่โรงเตี๊ยมหรือไม่ วันนี้ข้าจะพาจิวเซียนและคุณชายเยี่ยไปด้วย ถ้าไปกันหลายๆ คนคงจะสนุกสนานกันมิน้อย”
“เจี่ยเจีย…” ข้าได้สติคืนกลับ ลังเลใจอยู่ว่าจะไปดีหรือไม่ แต่เกือบหนึ่งเดือนมานี้ก็เอาแต่อยู่ในคฤหาสน์ ข้าควรจะออกไปเปิดหูเปิดตาเสียหน่อย อย่างน้อยๆ ข้าควรจะไปพบปะผู้คน ดีกว่าอุดอู้จมอยู่แต่ในความคิดของตนเอง ถึงได้กล่าวตกลงออกไป
“ไปเจ้าค่ะ”
“เยี่ยมไปเลย…” ไป๋มี่อิงกล่าวขึ้นพร้อมรอยยิ้มกว้าง เวลารวบรัดเข้ามาทุกที ปล่อยรั้งไว้นานกว่านี้มีหวังท้องไป๋ซิงหนี่ว์คงโตขึ้นจนเห็นได้ชัดเจน นางต้องรีบจัดการให้เสร็จภายในสามเดือนนี้
