บท
ตั้งค่า

๑ เผชิญดาวร้าย / 3

“ชดเชยอันใดกัน ถ้าเจ้าชอบก็ชอบไป มิต้องมายัดเยียดให้ข้าต้องคล้อยตาม มิเช่นนั้นทรงผมเจ้า สหายผู้นี้ไม่รับประกันว่ามันจะออกมาสวยหรือไม่” ข้ากล่าวขู่นาง เพราะเริ่มติดไปในทางรำคาญเล็กน้อย จะมากล่าวยกยอบุรุษเช่นนั้นให้ฟังทำไมกัน สำหรับเขาทำดีมากมาย แต่มิอาจชดเชยความผิดที่ก่อเอาไว้ได้หรอก

“เหตุใดต้องอารมณ์เสียด้วย ข้าเพียงแค่เล่าสู่กันฟัง เพราะเห็นว่าเจ้าเป็นสหายคนสนิท” หลิงจูกล่าวเสียงในคอ มองดวงหน้างามของตนเองที่ได้ผัดแป้งประทินโฉมขึ้นมาใหม่ในกระจกทองเหลืองด้วยความภูมิใจในความงามนี้

“อารมณ์เสียหรือ ข้าคร้านจะมานั่งฟังเจ้ากล่าวถึงบุรุษ” ข้าตอบ จัดการสางผมรวบขึ้นตกแต่งให้กับนาง

“สมัยก่อนยังสนทนากันถูกคอ…นี่ว่าแต่เจ้าพาข้าไปร่วมทานมื้อค่ำด้วยได้หรือไม่” หลิงจูตามองอ้อนผ่านกระจก เพื่อให้ไป๋ซิงหนี่ว์สหายตนเองเป็นแม่สื่อให้

อนาคตจะได้เป็นถึงฮูหยินขั้นหนึ่ง สำหรับอิสตรีเช่นนางนับว่าคุ้มค่ามากเหลือเกิน ยามออกงานทางสังคม หรือพบหน้าค่าตา จะได้รับการยอมรับและเป็นที่เคารพของเหล่าฮูหยินด้วยกัน

ข้ากลืนน้ำลายลงคอไปหนึ่งอึก ครุ่นคิดหาทางปฏิเสธ บนเรือยามเจอหน้ากับคุณชายจิ้นก็อึดอัดมามากพอแล้ว นี่สหายยังจะคิดใช้ข้าเป็นสะพานทอดไปหาเขาอีกหรือ ฮูยงฮูหยินขั้นนงขั้นหนึ่ง เสนาบดีบ้าบออันใดกัน ข้ามิอยากจะสนใจ แต่งกับตระกูลพ่อค้าที่ร่ำรวย ไร้กฎเกณฑ์มิดีกว่าหรือ

ไป๋ซิงหนี่ว์ที่เป็นลูกพ่อค้าจึงมองเห็นตัวเงินและชีวิตที่เป็นอิสระมากกว่าฮูหยินขั้นหนึ่ง แต่ก่อนนางชอบเยี่ยเปา เพราะครั้งหนึ่งเขาเคยช่วยชีวิตนางเอาไว้เมื่อสิบสี่ปีก่อน ตอนที่มีโจรบุกปล้นที่คฤหาสน์ตากอากาศนอกเมืองหลวง แต่มาบัดนี้เยี่ยเปาได้แต่งเข้ามาเป็นพี่เขยของนางแล้ว ถึงได้รู้ว่าชมชอบเขาในแง่ผู้มีพระคุณเสียมากกว่าเชิงชู้สาว

“ว่าไงซิงหนี่ว์ ให้ข้าไปด้วยได้หรือไม่” หลิงจูเอ่ยย้ำอีกคราด้วยน้ำเสียงที่เล็กลงมากกว่าคราแรก

“ในกระโจมนั้น...มีไท่จื่ออยู่ด้วย ค่อนข้างจะไม่เหมาะสมเอาได้ มันมิเหมือนคราเจอกันที่เรือน่ะสิ” ข้าหยิบไท่จื่อขึ้นมาเป็นข้ออ้าง เพราะรู้สึกไม่สบายใจที่จะต้องเข้าไปเกี่ยวข้องกับคุณชายจิ้นต่ออีก

“เฮ้อ” หลิงจูถอนหายใจออกมาก่อนจะกล่าวขึ้นต่อ “นั่นน่ะสิ ลืมไปเสียเลยว่าตอนนั้นมันเป็นข้างนอก มิใช่สถานที่ส่วนตัวเช่นตอนนี้” นางกล่าวจบก็ใช้หัวเค้นคิดต่ออีก

“เอาเช่นนี้ก็เป็นตอนงานเลี้ยงตอนค่ำ เจ้าค่อยพาข้าไปยังกระโจมงานเลี้ยงก็ได้นี่” หลิงจูกล่าวออกมา เมื่อขบคิดหาวิธีการใหม่ได้

“หลิงจูข้าช่วยเจ้าได้ บอกเหตุผลได้หรือไม่ว่าเหตุใดต้องเข้าหาคุณชายจิ้นจริงจังเช่นนี้” ข้าเอ่ยถามนางเสียงแผ่วอย่างอ่อนใจ

“ก็…ก็” หลิงจูก้มหน้าต่ำลง มองมือที่กำอยู่บนตักตนเองอยู่พักหนึ่ง และเงยหน้าขึ้นมองดวงหน้าของไป๋ซิงหนี่ว์ผ่านกระจกทองเหลือง

“เก้าวันที่แล้ว ท่านพ่อเพิ่งจะให้ข้าดูตัวกับบุตรชายคนโตของซื้อวี่สื่อ แต่ทว่าที่จวนของเขามีอนุภรรยาอยู่แล้วสามคน ถึงแม้จะให้ข้าแต่งเข้าเป็นฮูหยินใหญ่ แต่มันก็น่าหนักใจอยู่ที่ต้องไปสู้รบกับอนุทั้งสามของเขา” หลิงจูกล่าวเรื่องหนักใจออกมา

“เป็นเช่นนี้เอง เจ้าถึงรีบหาบุรุษอื่นมา” ข้าเอ่ยกับนางอย่างเข้าใจ

“ซิงหนี่ว์ข้ามิไหวหรอกนะ ที่จะต้องไปแต่งงานกับบุรุษมากไปด้วยอนุภรรยาเช่นนั้น” หลิงจูหันหลังไปจับมือสหายของนางมากุมเอาไว้แน่น พร้อมเงยหน้าขึ้นมอง หวังว่าสหายนางจะเห็นใจสักเสี้ยวหนึ่งช่วยเป็นแม่สื่อแม่ชักให้กับนาง

“อาจู ข้ากับคุณชายจิ้นมิค่อยชอบพอหน้ากันเท่าใดนัก เจ้าอย่าต้องให้ข้าหนักใจเพิ่มเลย” ข้าเอ่ยตามตรง ถ้าต้องมาช่วยเหลือนางก็ไม่อาจจะเห็นผลได้หรอก

“ซิงหนี่ว์” หลิงจูกล่าวเรียกสหายอย่างผิดหวัง แล้วหันหน้ากลับไปมองกระจกทองเหลืองต่อด้วยสีหน้าคล้ำงอ

ข้าเห็นท่าทางแง่งอนของนางจึงหัวเราะออกมาเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยขึ้นต่อ “ข้าจะทำผมให้เจ้างามที่สุดในคืนนี้ รับรองว่าบุรุษมากมายจะต้องตาในความงามของคุณหนูรองตระกูลหลิงเป็นแน่”

“มิต้องมากล่าวเอาใจข้าเลย…มิใช่ว่าทำสวยให้ข้าผู้เดียวเสียที่ไหน เจ้าเป็นสหายก็ต้องสวยไปด้วยกัน” หลิงจูฉีกยิ้มกว้างส่งไปให้

ส่วนเสี่ยวเมิ่งที่ยืนอยู่เงียบๆ ด้านหลังสาวงามทั้งสองก็แย้มยิ้มออกมาเล็กน้อย นานหลายวันได้แล้วกระมังที่นางเพิ่งเห็นรอยยิ้มที่มีชีวิตชีวาของคุณหนูรอง ยามนี้นางกำลังสนทนากับสหายอย่างสนุกสนาน ใบหน้ายิ้มแย้ม หยอกล้อกันไปมา และหัวเราะออกมาไม่หยุด ช่วยกันแต่งตัวประทินโฉมตามประสาสตรี เพื่อจะไปร่วมงานเลี้ยงยามค่ำในคืนนี้

ข้าช่วยทำผมให้หลิงจูจนเสร็จ ก็ถึงคราที่นางมาช่วยผัดแป้งแต่งหน้าให้ข้าต่อ จึงใช้ให้เสี่ยวเมิ่งไปหยิบอาภรณ์มาผลัดเปลี่ยนที่กระโจมตระกูลหลิงเสียเลย

“เสี่ยวเมิ่ง ไปหยิบอาภรณ์ในหีบข้ามาที เลือกหยิบมาสักสองสามชุดให้ข้ามาเลือกเอง”

"ได้เจ้าค่ะ” เสี่ยวเมิ่งรับคำ แล้วรีบรุดวิ่งออกจากกระโจมไป

เสี่ยวเมิ่งกลับไปยังกระโจมก็พบเข้ากับคุณชายจิ้นที่เดินสวนนางไปทางงานเลี้ยงด้วยสีหน้าราบเรียบ แต่ทว่าคิ้วเข้มกลับขมวดเข้าชนกัน จนเกิดรอยย่นลึกระหว่างคิ้ว กลิ่นอายของเขายามนี้ราวกับกลุ่มควันสีดำที่ดูอึมครึมไม่น่าเข้าหาแม้แต่น้อย

แต่ถึงกระนั้นสาวใช้ตัวน้อยก็ลอบยิ้มออกมาเล็กน้อยอย่างพึงพอใจ เพราะแผนการของนางมิใช่มีเพียงเท่านั้น ก็ต้องมาดูว่าจะดึงให้นายหญิงของตนเองเข้าใกล้บุรุษผู้นั้นได้มากน้อยเพียงใด

เสี่ยวเมิ่งเดินเข้าไปยังห้องของไป๋ซิงหนี่ว์ เลือกหยิบอาภรณ์มาสามชุดสามสีตามที่นายหญิงของนางสั่งการเอาไว้ และรีบรุดเดินกลับไปยังกระโจมตระกูลหลิงอย่างเร่งร้อน

“มาแล้วเจ้าค่ะ” เสี่ยวเมิ่งส่งเสียงขึ้นทันทีเมื่อวิ่งเข้าไปในห้องของหลิงจู

“จะเสียงดังไปไยกัน รีบนำวางเร็วเข้าเถิด” ข้าหันไปกล่าวดุเล็กน้อยที่นางเสียงดังเกินเหตุ เสี่ยวเมิ่งนั้นมักมีนิสัยร่าเริงเกินคนทั่วไป บางคราก็แอบอิจฉาในความสดใสของนางอยู่เหมือนกัน ดูเหมือนเป็นเด็กสาวที่มีความสุขอยู่ตลอดยาม

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel