บทที่ 5 บัวสวรรค์
หลังจากส่งธันว์ที่รีสอร์ตแสงตะวันอันเงียบสงบแล้ว รถคันสีดำก็พุ่งทะยานสู่บ้านกึ่งตึกสองชั้นที่เพิ่งปรับรูปแบบเป็นแนวสมัยใหม่เมื่อไม่นาน รถเคลื่อนผ่านประตูรั้วแล้วมาจอดด้านหน้าตึก
เมื่อแม็กซ์เวลเปิดประตูรถก้าวลงมาก็เจอกับผู้หญิงสาวสวย ดวงหน้าหวานละมุนของเธอเกลื่อนด้วยรอยยิ้มบางๆ เพื่อต้อนรับเขา
“คุณวินทร์บอกว่าคุณแม็กซ์จะมา ให้นิดรอต้อนรับคุณค่ะ”
“ไม่น่ารบกวนคุณนิดเลย”
เพราะรู้ว่าภรรยาของเพื่อนกำลังตั้งท้องอ่อนๆ แม็กซ์เวลจึงไม่อยากให้ลำบากไปกับการรอต้อนรับเขา หากอีกฝ่ายรีบปฏิเสธ
“ไม่รบกวนเลยค่ะ นิดยินดีด้วยซ้ำที่คุณแม็กซ์มาที่บ้าน ทำให้นิดพอจะมีงานให้ทำ เพราะวันๆ ก็ไม่ได้ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันอยู่แล้ว”
ณิชาหัวเราะร่วนทีเดียว สีหน้าไม่ได้บ่งบอกว่าเบื่อหน่ายแต่อย่างใด ในทางตรงกันข้าม แม็กซ์เวลเห็นประกายความสุขเปล่งจากดวงตาของเธอ จนเขาต้องยิ้มตาม
ชายหนุ่มรู้สถานการณ์ของสองสามีภรรยาคู่นี้ดีว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง เพราะเพื่อนของเขานั่นละที่บ่นเป็นเชิงระบายว่าไม่อยากให้ณิชาออกไปทำงานในร้านขายเสื้อผ้าและเครื่องหนังแบรนด์ดังซึ่งอยู่ในห้างสรรพสินค้าเหมือนเมื่อก่อน แม้ว่าเจ้าของร้านจะยืดหยุ่นเวลาเข้าออกให้แล้วก็ตาม ไรวินทร์อยากให้เธออยู่ใกล้ตัวและอยู่ในสายตามากกว่า
แม็กซ์เวลได้แต่รับฟัง ทั้งที่เขาก็ไม่เห็นว่านั่นจะเป็นปัญหาสักนิด ก่อนนี้ก็นึกเห็นใจณิชาด้วยซ้ำที่ต้องอยู่ว่างๆ ทั้งวัน นึกภาพว่ามันคงน่าเบื่อสิ้นดี แต่พอวันนี้เห็นท่าทางของเธอแล้ว เขาก็รู้สึกคลายใจ
หากอดคิดแย้งไม่ได้ว่า ถ้าสถานการณ์นี้เกิดกับเขาบ้าง ไม่มีทางเสียละที่จะปิดกั้นการทำงานของใคร ไม่เว้นแม้แต่ภรรยาในอนาคตของตัวเอง
“คุณวินทร์อยู่ที่เรือนกล้วยไม้หลังบ้านค่ะ นิดจะพาไปนะคะ”
“ไม่เป็นไรครับ ผมไปเองได้ ถ้าคุณนิดทำงานค้างอยู่ก็เชิญตามสบายเถอะครับ”
“เอางั้นก็ได้ค่ะ นิดกำลังเตรียมเครื่องดื่มและอาหารว่างสำหรับพวกคุณนั่นละค่ะ ไว้ทำเสร็จแล้วจะยกไปให้ค่ะ”
“ขอบคุณล่วงหน้าครับ”
เมื่อแยกจากเจ้าของบ้านสาวสวย แม็กซ์เวลจึงเลือกที่จะเดินไปยังเรือนกล้วยไม้ อันเป็นเรือนพักผ่อนที่ตั้งอยู่ทางด้านหลัง โดยการลัดเลาะทางด้านข้างแทนการเดินผ่านเข้าไปในบ้าน
เมื่อไปถึงก็เห็นไรวินทร์ผ่านทางผนังกรุกระจกของเรือนกล้วยไม้ว่ากำลังนั่งจ้องหน้าจอโน้ตบุ๊กนิ่งอยู่ เจ้าตัวกำลังจมอยู่กับงาน
“เดี๋ยวนี้ทำตัวเป็นฤๅษีอยู่ติดบ้าน ไม่โผล่ไปข้างนอกเลยนะ”
คำทักทายแรกเมื่อผลักประตูกระจกเข้าไปข้างใน เรียกให้เจ้าของบ้านเงยหน้าขึ้นมามอง ก่อนเขาจะทักทายตอบ แล้วพยักพเยิดไปทางเก้าอี้ว่างที่วางอยู่หน้าโต๊ะ
“มาแล้วหรือ นั่งก่อนสิ”
“เมื่อกี้ฉันเจอคุณนิด เธอบอกว่านายให้รอต้อนรับฉันอยู่ที่หน้าบ้าน”
เมื่อได้ยินคำนั้น ไรวินทร์ก็ถึงกับหัวเราะ เขาวางมือจากงานแล้วหมุนเก้าอี้มาทางคู่สนทนาทั้งตัว ก่อนจะบอกเหตุผล
“วันนี้ฉันต้องทำงานทั้งวัน เลยหางานให้เมียฉันทำด้วย เพราะกลัวเธอจะเบื่อ”
“แล้วให้เธอหยุดทำงานข้างนอก...ปล่อยให้ผู้หญิงมีเวลาว่าง จะดีหรือวะ”
คำถามเจือความนัยที่รู้กันระหว่างชายหนุ่มสองคน
“สำหรับคนนี้ดีแน่นอน อย่างตอนนี้เธอก็ไม่ค่อยมายุ่งกับฉัน ทั้งที่อยากให้มายุ่งด้วยจะตายไป ถ้าปล่อยให้ทำงานข้างนอก กลัวเธอจะเพลินจนลืมฉันเสียมากกว่า”
“เมื่อก่อนนายรำคาญผู้หญิง แต่ตอนนี้กลับอยากให้มานัวเนียอยู่ใกล้ๆ”
“มันเหมือนกันที่ไหนล่ะ เมื่อก่อนก็เมื่อก่อนสิ แต่ตอนนี้ฉันมีเมียแล้ว และคนนี้ก็เป็นเมีย เมียคือข้อยกเว้นทุกประการ”
ไรวินทร์รีบแก้ความเข้าใจผิด...สำหรับเขาแล้ว ภรรยาคือผู้หญิงที่เข้ามาในชีวิต เธอจะมีส่วนร่วมในทุกด้าน ดังนั้นจึงเทียบกับผู้หญิงในอดีตที่แค่ผ่านเข้ามาในช่วงเวลาสั้นๆ ไม่ได้
ส่วนแม็กซ์เวลนั้นได้แต่ไหวไหล่ เขารับรู้และยอมรับ แม้จะยังไม่เข้าใจและเข้าไม่ถึงคำพูดของเพื่อนสักนิดก็ตาม
“ฉันให้นิดอยู่บ้านเพราะอยากดูแลใกล้ชิด อยากให้เธอพักผ่อนมากๆ ก็แค่ช่วงท้องนี่แหละ หลังจากนั้นฉันจะตามใจเมีย ไม่ว่าเธอจะอยากทำงานหรืออยู่บ้านเลี้ยงลูก”
น้ำเสียงที่ทอดอ่อน รวมถึงแววตาอ่อนโยนยามพูดถึงเมียรัก ทำให้ไรวินทร์ดูแปลกตาจากภาพที่คุ้นเคยไปมาก แม็กซ์เวลคงต้องยอมรับว่าเพื่อนของตัวเองได้เปลี่ยนไปแล้วจริงๆ
“ว่าแต่วันนี้นายไปคุยกับคุณอรุณวดีมาใช่ไหม แล้วเป็นยังไงบ้างล่ะ”
“ไม่มีอะไรนี่ เธอก็อัธยาศัยดี แถมให้ข้อมูลฉันดีด้วย”
แม็กซ์เวลว่าเสียงเรียบเรื่อย หากเมื่ออีกฝ่ายกลั้นยิ้ม เขาก็มุ่นคิ้วสงสัยในท่าทีนั้น จนต้องถามขึ้น
“แล้วนายคิดว่าจะมีอะไร”
“นายติดต่องานกับเธอราบรื่นก็ดีแล้ว จะว่าไปฉันก็เชื่อมือนาย...”
ถ้อยคำของไรวินทร์หยุดแค่นั้นเมื่อเห็นร่างที่เริ่มมีน้ำมีนวลของภรรยาเดินมาถึง โดยมีเด็กในบ้านอีกสองคนที่หิ้วเครื่องดื่มและถือถาดรองจานอาหารตามมา
ณิชาผลักบานประตูเรือนกล้วยไม้ออกกว้าง เปิดทางให้เด็กสองคนได้นำเครื่องดื่มและอาหารที่เธอเตรียมไว้ให้กับสองหนุ่มเข้าไปก่อน
“คุณแม็กซ์มาถึงพักใหญ่แล้ว นิดเพิ่งจะเอาเครื่องดื่มมาให้”
ณิชาออกตัวพลางรับอาหารและเครื่องดื่มมาเสิร์ฟด้วยตัวเอง ก่อนจะบอกให้เด็กทั้งสองคนกลับไปก่อน
“ไม่เป็นไรหรอกนิด นายแม็กซ์ดื่มด่ำชุ่มคอมาจากที่อื่นแล้ว แค่มานั่งตรงนี้ไม่กี่นาที ไม่ถึงกับคอแห้งหรอก”
ไรวินทร์เย้าภรรยา โดยไม่ลืมหาเรื่องแซะอีกฝ่าย ขณะที่คนโดนแซะนั้นได้แต่ยิ้มละไม ทั้งที่ยังติดใจคำพูดก่อนหน้านี้อยู่
“แล้วนิดมาขัดจังหวะคุณสองคนหรือเปล่าคะ”
“ไม่จ้ะ นิดมีอะไรหรือเปล่าจ๊ะ”
ไรวินทร์เป็นฝ่ายตอบ แม้รู้แก่ใจว่าการมาของเธอทำให้เขาต้องหยุดพูดเรื่องเมื่อครู่ลงกลางคันก็ตาม
“เรื่อง...ของบัวน่ะค่ะ”
ณิชาอ้ำอึ้งบอกแล้วยิ้มแหย ไรวินทร์ยื่นมือไปจับมือนุ่มของภรรยาสาว แล้วดึงให้เธอเดินอ้อมมาหา ก่อนจะโอบร่างงดงามไว้หลวมๆ
“ว่าไปสิ”
“เพื่อนของนิดเช่าตึกแถวขายของตรงที่ดินแปลงที่คุณแม็กซ์ซื้อไว้ค่ะ นิดรู้ว่าบัวต้องย้ายออก และรู้ด้วยว่าบัวยังไม่มีที่อยู่ใหม่ นิดเลยอยากรู้ว่าคุณแม็กซ์ให้เวลาเพื่อนนิดย้ายจนถึงเมื่อไรคะ”
“เพื่อนคุณนิดหรือครับ”
“ค่ะ ร้านของบัวเป็นร้านขายของที่ระลึก เป็นตึกแถวฝั่งซ้ายมือที่มีติดกันสามคูหา คูหาแรกเป็นของเพื่อนนิดค่ะ หน้าร้านเป็นโลโก้ดอกบัวสวรรค์ คุณแม็กซ์เคยไปที่นั่นก็คงพอสะดุดตาอยู่บ้าง ของในร้านของบัวมีเยอะด้วยค่ะ จนตอนนี้ไม่รู้ว่าบัวจะย้ายไปอยู่ที่ไหน”
“ดอกบัวสวรรค์...” แม็กซ์เวลทวนคำ จากสีหน้าของเขาบอกให้รู้ว่าไม่รู้จักชื่อของดอกไม้นี้
“ใช่ค่ะ ภาพดอกไม้สีชมพูช่อใหญ่ติดอยู่หน้าร้าน ส่วนข้างในร้านก็ตกแต่งด้วยลวดลายนี้เหมือนกัน เป็นเอกลักษณ์ของร้านค่ะ”
“ผมจำได้...แต่นั่นไม่ใช่ดอกซากุระเหรอ”
เสียงถามลอยๆ เหมือนเจ้าตัวยังอยู่ในภาวะครุ่นคิดอย่างหนัก ทำให้ไรวินทร์ถึงกับหัวเราะออกมาเสียงดัง
“นิดจ๋า ดอกไม้ชื่อแปลกขนาดนั้น เพื่อนผมไม่รู้จักหรอกจ้ะ นายคนนี้ยังแยกผักกาดกับผักชีไม่ออกเลย แล้วจะให้เขาไปรู้จักดอกบัวสวรรค์ได้ยังไง ถ้าเป็นจำพวกดอกไม้ ให้เขารู้จักดอกไม้อื่นนอกเหนือจากดอกกุหลาบ ผมก็ว่าเขาเก่งมากแล้ว”
“คุณวินทร์อย่าเพิ่งขัดสิคะ นิดกำลังคุยเรื่องซีเรียสของบัวอยู่นะ”
ณิชาปรามสามีแล้วเผลอยู่ปากขัดใจที่เขาเปลี่ยนเรื่องสำคัญของเธอให้เป็นเรื่องขำไปได้ ทั้งที่เธอกำลังร้อนใจอยู่
ส่วนแม็กซ์เวลนั้นรู้จากไรวินทร์มาก่อนแล้วว่าณิชามีเพื่อนที่ค้าขายอยู่ในที่ดินแปลงนั้นด้วย เพียงแต่เขาเพิ่งรู้ว่าเป็นร้านไหน
“แล้วเพื่อนของคุณนิดเขาให้คุณนิดมาคุยกับผมหรือครับ”
แขกหนุ่มถามจริงจังอย่างอยากรู้ จนณิชาต้องรีบปฏิเสธเพราะกลัวเขาจะเข้าใจผิด
“ไม่ใช่ค่ะ นิดรู้เรื่องนี้มาสักพักใหญ่แล้ว แต่หลังๆ บัวเงียบไป ไม่พูดเรื่องนี้กับนิดอีก พอเห็นบัวไม่พูดทั้งที่รู้ว่าต้องการความช่วยเหลือ นิดก็ยิ่งไม่สบายใจ ไม่รู้จะถามข่าวคราวจากใคร พอเจอคุณแม็กซ์ที่นี่เลยถือโอกาสถามนี่แหละค่ะ”