บทที่ 6 จดหมายก่อกวน
“ผมจำร้านที่มีดอกไม้สีชมพูได้ ร้านอยู่หัวมุม ทำเลดีกว่าร้านอื่น มีนักท่องเที่ยวเข้าร้านอยู่ตลอดเวลา แต่ผมไม่เคยสังเกตว่าเจ้าของร้านเป็นใคร”
แม็กซ์เวลหรี่ตาทบทวนความจำ ภาพของแม่สาวผมยาวที่ปล่อยผมสลวยเต็มแผ่นหลังในวันนี้ยังติดตา เขาเคยเห็นเธอที่ร้านค้านี้แหละ ในตอนแรกคิดว่าเป็นลูกหลานของเจ้าของร้าน หรือไม่ก็ลูกจ้างในร้าน...ไม่นึกว่าจะเป็นเจ้าของร้านเสียเอง
ถ้าณิชาบอกว่าเจ้าของร้านเป็นเพื่อนของเธอ ก็คงหมายถึงผู้หญิงคนนั้น เพราะทั้งสองคนดูรุ่นราวคราวเดียวกัน
“ผมให้เวลาไว้ที่สามเดือน ตอนนี้ยังเหลืออีกสองเดือนกว่า แต่ผมคิดว่าเขาน่าจะมีลู่ทางขยับขยายแล้ว เพราะผมไม่ได้เข้าไปกำหนดเวลาให้ย้ายกะทันหัน พวกเขารู้มาก่อนล่วงหน้าว่าต้องย้าย รวมเวลาน่าจะเกือบครึ่งปี”
ณิชาทำหน้าปั้นยาก พอหันมองไรวินทร์ก็เห็นเขาทอดมองเธอนิ่ง พร้อมกับบีบมือเธออย่างปลอบโยน
“บัวรู้ แต่...พวกเขาคิดว่าคุณจะยกเลิกคำสั่งให้ย้ายออก เพราะช่วงหนึ่งคุณหายไป แล้วไม่มีใครเข้าไปติดต่อในที่แปลงนั้นด้วย”
แม็กซ์เวลถึงกับจนคำพูดขึ้นมา เขาเลือกที่จะนิ่งเสีย จึงเป็นไรวินทร์ที่ต้องคลายบรรยากาศที่เริ่มอึมครึมในเรือนกล้วยไม้ให้ดีขึ้น
“แม็กซ์มีธุรกิจหลายแห่ง ไม่มีเวลาติดตามที่ไหนได้นานๆ ถ้าเขาเคยแจ้งแล้วก็แสดงว่ากลุ่มพ่อค้าแม่ค้ารู้ว่าต้องย้าย พวกเขาจะต้องเตรียมตัวขยับขยายกันเอง แล้วไม่แน่นะว่าเพื่อนของนิดก็อาจเตรียมพร้อมย้ายออกแล้วก็ได้ เธอถึงไม่ได้บอกนิด”
“ไม่ใช่นะคะ นิดรู้ว่าบัวไม่พูดเรื่องนี้กับนิด เพราะบัวรู้ว่าคุณวินทร์เป็นเพื่อนกับคุณแม็กซ์ บัวเลยไม่อยากให้นิดลำบากใจต่างหาก”
ณิชาออกอาการร้อนใจ ท่าทางนั้นบอกให้สองหนุ่มรู้ว่าเธอพร้อมจะช่วยเหลือและปกป้องเพื่อนอย่างสุดกำลัง
“เอาเป็นว่าเจ้าของที่แปลงนั้นกำลังนั่งอยู่ตรงนี้ แล้วเป็นสิทธิ์ของเขาที่จะเข้าไปทำอะไรในที่ดินก็ได้ ส่วนเพื่อนของนิด ถ้าเธอต้องการความช่วยเหลือ นิดก็ช่วยเพื่อนได้เต็มที่ นิดบอกผมได้ทุกเรื่อง แล้วรับรองว่าเรื่องของเพื่อนนิดจะไม่กระทบผมกับนายแม็กซ์แน่นอนจ้ะ”
ไรวินทร์แก้ปัญหาให้ภรรยาได้ทันท่วงที เขาไม่ยอมให้มันคาราคาซังอยู่ในใจของเธอนานแน่นอน
หากไม่นับรวมถึงเจ้าของที่ดินที่ยังนั่งอยู่ด้วยกัน ข้างในใจนั้นมีบางเรื่องที่ผุดพรายขึ้นมา
แม็กซ์เวลขอตัวจากไรวินทร์ หลังจากที่นั่งดื่มด้วยกันในเรือนกล้วยไม้ได้ไม่กี่นาที โดยเขาให้เหตุผลว่ามีงานสำคัญต้องจัดการ
“ฉันฝากขอโทษเมียนายด้วย และขอบคุณสำหรับอาหารและเครื่องดื่มที่เธอเตรียมมาให้”
“ไม่เป็นไร ฉันจะบอกนิดให้เอง”
ไรวินทร์รับปาก ทั้งที่ยังไม่กระจ่างในท่าทีของเพื่อนสักเท่าไร หลังจากณิชากลับเข้าบ้านไปแล้ว พวกเขาก็ดื่มด้วยกันโดยไม่มีคำพูดใดหลุดมาสักคำ
เขาดื่มพลางทำงานของตัวเองต่อ ส่วนแม็กซ์เวลก็ดื่มเงียบๆ เหมือนคนจมอยู่กับความคิด จนกระทั่งเจ้าตัวผุดลุกขึ้นแล้วขอตัวกลับ
“หวังว่าเธอจะเข้าใจฉันนะ”
เจ้าของคำพูดยังลังเล เพราะไม่อยากให้ภรรยาของเพื่อนต้องไม่สบายใจ กลัวว่าเธอจะคิดมากกับการที่เขาเปลี่ยนใจกลับกะทันหัน
“เอาน่า นายมีงานก็ไปจัดการเถอะ อย่าห่วงทางนี้ นิดเป็นเมียฉัน ฉันจัดการเองได้ นายไม่ต้องยุ่ง”
ไรวินทร์หัวเราะกับท่าทางนั้น รู้ว่าแม็กซ์เวลแคร์ความรู้สึกทั้งเขาและภรรยา หากก็รู้ว่าคงมีเรื่องสำคัญต้องจัดการ เขาจึงเข้าใจและไม่คิดจะรั้งตัวไว้
จากนั้นไม่กี่นาที รถคันสีดำราคาแพงก็แล่นออกจากบ้านกึ่งตึกสองชั้น แล้วตรงไปยังตึกสำนักงานสิบหกชั้นกลางเมืองเชียงราชที่เพิ่งสร้างเสร็จและเปิดใช้ได้ไม่ถึงปี ก่อนชายหนุ่มจะขึ้นลิฟต์สำหรับผู้บริหารไปยังชั้นบนสุด
เลขานุการสาวใหญ่มองตามอย่างประหลาดใจ เมื่อเห็นบอสใหญ่ก้าวผ่านโต๊ะของเธอไปอย่างรวดเร็วแล้วเปิดประตูห้องทำงานเข้าไปในนั้น เพราะเธอรู้จากธันว์ว่าเขาจะไม่เข้าสำนักงานทั้งวันแล้วนี่นา
หากสงสัยได้ไม่นาน ประตูห้องทำงานก็เปิดออก ก่อนเจ้านายหนุ่มหล่อจะมีคำถามให้เธอประหลาดใจยิ่งขึ้นไปอีก
“จดหมายร้องเรียนที่ธันว์เอามาให้ผมดูอยู่ที่ไหน”
“จดหมายที่คุณธันว์เอามาหรือคะ เอ...เน็ตยังไม่เห็นนะคะ ไม่ทราบว่าเก็บไว้ที่ไหนเหมือนกัน เดี๋ยวเน็ตถามจากคุณธันว์ให้ค่ะ”
“หาให้ผมด้วย ผมต้องการตอนนี้”
สิ้นคำสั่ง ประตูห้องทำงานก็ปิดอีกรอบ
ภายในห้องทำงานโอ่โถง ร่างสูงของเจ้าของสถานที่ซึ่งกุมบังเหียนบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่มีบริษัทแม่อยู่ในทวีปยุโรปกำลังเดินไปมาอย่างว้าวุ่นใจ เขารู้ว่าเลขานุการคงสงสัยในท่าทีร้อนรนของเขา
แม็กซ์เวลตอบตัวเองไม่ได้เช่นกันว่าทำไมถึงไม่อาจทำใจเย็นกับสิ่งที่กำลังสงสัยนี้
จดหมายที่คุ้นตาพิมพ์หัวกระดาษด้วยลายดอกไม้สีชมพู ในคราวแรกเขาคิดว่าเป็นดอกไม้ที่มีดาษดื่นทั่วไป หากพอทบทวนความจำ ดอกไม้นั้นเหมือนกับโลโก้ของร้านค้าในที่ดินของเขา
ดอกบัวสวรรค์...แม็กซ์เวลไม่เคยได้ยินชื่อดอกไม้ชนิดนี้มาก่อน เขาไม่เคยเห็น ไม่เคยรู้ว่ามีอยู่บนโลกใบนี้ด้วย แม้มันอาจเป็นที่รู้จักแพร่หลาย แต่ก็คงไม่บังเอิญที่จะถูกนำมาใช้ซ้ำกันในเหตุการณ์คราวนี้
เสียงเคาะประตูดังขึ้น ต่อด้วยเสียงเปิดแง้มออก ก่อนที่เลขานุการจะเร้นกายเข้ามา
“เน็ตติดต่อคุณธันว์ไม่ได้ค่ะ เธอปิดมือถือ”
ไรวินทร์สบถฉุนเฉียวอย่างไม่อาจเก็บอารมณ์ ธันว์ขอลาพักตลอดช่วงบ่าย แต่ถึงอย่างไรก็ไม่ควรปิดการสื่อสารในช่วงจังหวะนี้
“นายธันว์อยู่ที่รีสอร์ตแสงตะวัน หมอนั่นคงเปิดห้องพักแล้วมุดหัวอยู่ตลอดช่วงวันหยุด คุณทำยังไงก็ได้ที่จะติดต่อเขาให้ได้ ผมต้องการจดหมายร้องเรียนเป็นการด่วน”
“ได้ค่ะ เน็ตจะโทร.ถามผ่านทางรีสอร์ต ถ้าคุณธันว์อยู่ที่นั่นก็คงติดต่อเธอไม่ยากค่ะ”
เมื่อประตูปิดลง แม็กซ์เวลก็ดึงโทรศัพท์มือถือออกมาเพื่อจะเข้าไปดูเว็บบอร์ดของบริษัทที่เขาเคยเห็นว่ามีข้อความก่อกวนเข้ามา หากว่าวันนี้ไม่มีข้อความเหล่านั้นแล้ว คงเป็นเพราะคำสั่งจากเขาที่กำชับฝ่ายไอทีให้ดูแลความเรียบร้อย
ประตูห้องทำงานถูกเคาะก่อนจะเปิดออกอีกรอบ แล้วเลขานุการก็เข้ามารายงานด้วยสีหน้าที่ดีขึ้นกว่าเดิม
“ติดต่อคุณธันว์ได้แล้วค่ะ เธอบอกว่าจดหมายยังอยู่ในรถที่จอดไว้ที่บ้านพัก เธอจะเอาไปให้บอสที่บ้านในช่วงเย็นวันนี้ค่ะ”
แม็กซ์เวลพยักหน้าช้าๆ ทั้งที่หงุดหงิดเหลือกำลัง เจ้านั่นควรรีบออกจากรีสอร์ตแล้วเอาจดหมายมาให้เขาที่นี่อย่างเร็วที่สุดด้วยซ้ำ ไม่ใช่ต่อรองว่าจะเอาไปให้ที่บ้านในช่วงเวลาเย็น
“คุณช่วยพิมพ์จดหมายร้องเรียนของพ่อค้าแม่ค้าที่ส่งเข้ามาทางอีเมลกลางของบริษัทให้ผมหน่อย”
“จดหมายพวกนั้นหรือคะ”
“ใช่”
“พิมพ์ทั้งหมดเลยหรือคะ”
คนถูกสั่งงานถามอย่างต้องการความมั่นใจ จนบอสใหญ่ต้องย้ำตอบด้วยอารมณ์ฉุนเฉียวไปอีกรอบอย่างที่น้อยครั้งเขาจะเป็น
“แล้วคุณมีปัญหาอะไร ทำไม่ได้หรือยังไง”
“ได้ค่ะ ทำได้ แต่จดหมายค่อนข้างเยอะ เน็ตคิดว่าถ้าบอสจะดูจดหมายพวกนี้ เน็ตจะขอเวลาคัดแยกให้บอสก่อนค่ะ”
“ไม่จำเป็น คุณพิมพ์มาทั้งหมด ผมจะดูเอง”
อีเมลร้องเรียนจะเยอะสักแค่ไหนกันเชียว ที่ดินแปลงนั้นมีไม่ถึงสิบไร่ ถ้าจะนับร้านค้าก็มีไม่ถึงร้อยราย และเขาก็ไม่คิดว่าจะส่งเข้ามาครบทุกร้านด้วย
‘มีคนเสนอซื้อที่ดินตรงย่านเมืองเก่าครับ’
คำพูดของธันว์ผุดขึ้นมาในหัว เมื่อแม็กซ์เวลพยายามหาเหตุจูงใจให้กับเจ้าของจดหมายหลายร้อยฉบับที่ส่งเข้ามาในอีเมล ซึ่งที่ซ้อนกันอยู่บนเบาะหลังรถก็เป็นเพียงส่วนเดียวที่ถูกพิมพ์ออกมา
เขาเพิ่งเข้าใจเลขานุการที่พยายามบอกว่าจดหมายถูกส่งเข้ามามากขนาดไหน และนั่นก็เป็นเหตุผลที่เจ้าตัวอาสาจะคัดแยกให้เขาก่อน