บท
ตั้งค่า

บทที่ 9

เมื่อเสียงนาฬิกาเจ้าคุณปู่บอกเวลาบ่ายโมง..คิมหันต์ละจากหน้าจอโน๊ตบุ๊คทันที..มือหนาลูบท้องด้วยความหิว..เวลาทำงานเพลินๆ ทีไรเลยเวลากินทุกที ชายหนุ่มบิดขี้เกียจเล็กน้อยก่อนจะลุกไปหาอะไรทาน..บ้านหลังใหญ่ยังคงเงียบเชียบ ราวกับไม่มีคนอยู่

ณ เวลานี้..ไม่รู้ว่าอดีตคนรักเก่ากำลังทำอะไรอยู่..คิดได้ดังนั้นคนตัวโตนอกจากจะหิวแล้ว ยังนึกอยากจะแกล้งยัยผู้หญิงใจร้ายให้เจ็บปวดใจเล่น แต่ครั้นเดินตามหารอบบ้านก็ยังไม่เจอ อารมณ์ชักกรุ่นทั้งโมโหหิวทั้งโมโหยัยตัวแสบที่เข้ามาวุ่นวายในชีวิตไม่รู้จบ

แม้แต่ห้อง kid rooms ที่เต็มไปด้วยของเล่นสาระพัดชนิดของหลานสาวตัวน้อย ก็ไร้เงาของคนที่เขาเกลียด เห็นเพียงกระดาษลังที่ตัดเป็นแผ่นๆ รูปต้นไม้บ้าง สัตว์หลากหลายชนิด และมีเชือกเส้นขนาดพอดีมือหลายสี..อีกด้านก็มีแม่แบบตัวอักษรภาษาไทย ภาษาอังกฤษ ตัวเลข..ไม่รู้พี่เลี้ยงสาวคิดจะทำอะไร

พอตามหาคนตัวเล็กไม่เจอ..คิมหันต์ตัดสินใจเข้าไปตามป้าแจ่มให้ทำอะไรง่ายๆ ให้เขาทาน และไม่ต้องสืบแม่บ้านคนดีคนเดิมของเขาก็ยังจัดผัดกระเพราะหมูสับเมนูเดิมๆ ให้เหมือนเดิม ไอ้ต้าวตัวโตถอนหายใจเบื่อๆ จริงๆ ชายหนุ่มเป็นคนกินง่ายอยู่ง่ายมาก แต่ก็มีบางครั้งที่อยากกินเมนูใหม่ๆ บ้าง แต่ป้าแจ่มให้เหตุผลว่า..แกทำอาหารไม่ค่อยเก่ง ถ้าคุณคิมอยากกินอะไรก็ให้สั่งเอา เขาเลยจำใจต้องกินเมนูผัดกระเพราหมูสับ เพราะจะให้สั่งในapp ทุกวันก็ขี้เกียจรอ 

ส่วนมื้อเย็นถ้าไม่ออกไปกินนอกบ้าน ก็จะมีแค่เมนูง่ายๆ แบบ ไข่เจียวหมูสับ ผัดผัก ต้มจืดผัดตำลึงให้ทาน ชายหนุ่มจึงมักเลือกนัดเพื่อนสนิทไปทานนอกบ้านมากกว่า

อาจเพราะคนในบ้านมีสมาชิกอยู่น้อย เขา คุณป้า และหลานสาวตัวเล็ก ส่วนพี่น้อย หรือพี่บุษยาไปอยู่ต่างประเทศหลายปี คนงานก็จะมีแค่คนขับรถ คนสวน พี่เลี้ยงเด็กอีกหนึ่ง ส่วนแม่บ้านที่ทำความสะอาดบ้านหลังใหญ่ ก็มีแค่ป้าแจ่ม กับกระถินที่เป็นหลานสาว แค่สองคน ถ้าจะให้จ้างแม่ครัวเพิ่มก็ดูจะเกินจำเป็นไปไม่น้อย

ระหว่างที่เจ้าของบ้านหนุ่มตั้งหน้าตั้งตาจะจัดการอาหารตรงหน้า ดวงตาคมหลุบลงเล็กน้อย ก่อนจะทำเป็นถามแบบไม่ได้ตั้งใจกับกระถิน..คนที่เอาอาหารจานเดียวมาเสริฟถึงที่

“ศิศิราไปไหนเหรอ ฉันไม่เห็นเลย”

“คุณศิเหรอคะ เห็นว่าจะไปรับคุณเอื้อยคะ”

“หือ พึ่งบ่ายโมงเองนะ ทำไมไปรับเร็วจัง”คนตัวโตพูดพร้อมมุ่นคิ้วเล็กน้อย เพราะโรงเรียนอนุบาลของน้องเอื้อยเลิกเรียน 14.30 น. แต่เด็กน้อยมีเรียนพิเศษช่วงเย็น กว่าจะเลิกเรียนจริงๆ ก็ปาไป 15.30 น. พี่เลี้ยงคนเก่าๆ กว่าจะออกบ้านก็บ่ายสองโมงครึ่งถึงสามโมง 

“หึ กะจะเกงานละซิ”น้ำเสียงหยามหยัน พร้อมดวงตาดูถูก ส่งผลให้กระถินงงงวยเล็กน้อย เพราะปกติคุณคิมเป็นผู้ชายใจดี ยิ่งกับลูกจ้างแทบไม่เคยดุ แต่ทำไมกับพี่เลี้ยงสาวคนใหม่ของคุณหนูไอรดา..เจ้านายหนุ่มถึงดูไม่ชอบหน้ายังไงก็บอกไม่ถูก

“หนูก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะคุณคิม แต่ถ้าไม่มีอะไรแล้ว กระถินขอไปล้างห้องน้ำข้างบนต่อก่อนนะคะ”พูดจบร่างเล็กของคนใช้ในบ้านก็ออกไปทำงานต่อแล้ว..ทิ้งให้ชายหนุ่มนั่งหน้าบูดบอกบุญไม่รับอยู่คนเดียว

มีสิ่งหนึ่งที่คิมหันต์ไม่เคยรู้เลย..เพราะเขาไม่เคยไปรับหลานสาวตัวน้อย...คือระหว่างที่โรงเรียนถึงบ้าน ถ้าดูตามระยะทางในระบบ มันอาจใช้เวลาไม่มากในการเดินทาง แต่ในสถานการณ์ความเป็นจริง โรงเรียนของเด็กหญิงอยู่ใจกลางเมือง..ช่วงเวลาหลังเลิกเรียนเป็นช่วงเวลาที่รถติดสาหัส..เด็กหญิงไอรดาต้องรอพี่เลี้ยงมารับ..และกลับบ้านเป็นคนสุดท้ายทุกวัน

ในวันแรกศิศิรายังไม่มั่นใจว่าต้องใช้เวลาเท่าไรในการเดินทางไปรับเจ้านายตัวน้อย..เธอจึงเผื่อเวลาไว้ก่อน..เพราะเธอ ‘ไม่อยากผิดสัญญา’

กว่าจะถึงที่โรงเรียนเจ้านายตัวน้อยก็เป็นเวลาบ่ายสอง..พอคำนวนเรื่องเวลาถ้าเธอออกตอนรถไม่ติดมากก็ใช้เวลาประมาณหนึ่งชั่วโมง..ไม่อยากจะคิดถ้าช่วงเวลาที่เด็กๆ เลิกเรียนจะใช้เวลาเท่าไร

เธอไม่นึกแปลกใจเลยว่าเด็กหญิงตัวน้อยถึงย้ำหลายรอบให้มารับเร็วๆ ดวงตาสองชั้นหลบในหลุบดูมือถือในมือด้วยความครุ่นคิด ส่วนมือเรียวขาวอีกข้างลูบล็อกเกตรูปหัวใจด้วยความเคยชิน

โดยมีลุงป่านสามี ป้าแจ่มแอบมองดูจากกระจกด้วยความชื่นชม..เขาเป็นคนขับรถที่นี้มาหลายปีนอกจากพี่เลี้ยงคนแรกที่เลี้ยงคุณหนูมาตั้งแต่เกิด ก็เห็นจะมีแต่คุณศิศิราเท่านั้นที่ใส่ใจคุณหนูไอรดาอย่างแท้จริง

จวบจนถึงเวลา 15.20 น. ร่างบางระหงจึงเดินไปรอหน้าประตูโรงเรียนฝั่งอนุบาล สร้างความแปลกใจให้กับคุณครูอนุบาลสายชั้นอื่นเป็นอย่างมาก..เพราะโดยปกติเด็กหญิงไอรดามักจะกลับบ้านเป็นคนสุดท้าย

“รอสักครู่นะคะ เดี๋ยวน้องเอื้อยก็ออกมาแล้วค่ะ”น้ำเสียงสุภาพของคุณครูผู้ช่วยร่างท้วม ศิศิรารับคำพร้อมยิ้มละไมไปให้ เจ้าหน้าที่โรงเรียนจัดแจงโทรเข้าไปในโรงเรียนเพื่อแจ้งว่าผู้ปกครองเด็กหญิงไอรดามารับแล้ว หญิงสาวรอได้ไม่นาน ร่างเจ้าก้อนน้อยก็ถูกลากมาพร้อมคุณครูบี หรือคุณครูประจำชั้น อดีตเพื่อนร่วมคณะของเธอนั่นเอง

ใบหน้ากลมๆ เปรอะเปื้อยไปด้วยรอยน้ำตา ส่วนคนพามาทั้งลากทั้งกระชาก เสียงดังโวยวายของคนทั้งคู่มาดังมาตามทางเดิน เด็กน้อยยังคงดิ้น ร้องไห้ไม่หยุด จนครูสาวอดไม่ไหวหยิกเข้าไปที ร่างน้อยพยายามกั้นร้องไห้ 

แต่ด้วยความเป็นเด็กจะให้ควบคุมอารมณ์เธอก็ยังไม่เก่ง..เธอรู้คุณครูประจำชั้นไม่ชอบเด็กงี่เง่า ไม่มีเหตุผล

“โอ้ย เด็กโง่นี้ หยุดร้องได้ละ อยากโดนตีหรือไง”เธอขู่เสียงแหว ศิศิราเม้มปากแน่น ร่างบางพยายามแทรกเข้าประตูไปหาเด็กน้อยที่อยู่อีกฝั่ง แต่เจ้าหน้าที่โรงเรียนห้ามไว้ ทำได้เพียงแต่ส่งเสียงไม่พอใจ

“นั้นคุณจะทำอะไรนะ ปล่อยมือจากน้องเอื้อยเดี๋ยวนี้เลยนะ!!” 

พอเห็นว่ามีคนมารับเร็วกว่าที่คิด ดวงตากลมโตเบิกกว้างด้วยความตื่นเต้นดีใจ..เสียงร้องไห้หยุดชะงักทันที เด็กหญิงไอรดารีบสะบัดแขนจากมือของคุณครูประจำชั้นก่อนจะวิ่งไปหาพี่เลี้ยงสาว ศิศิรารีบอุ้มเด็กหญิงตัวจ้อยที่โถมตัวเข้าหา เนื้อตัวเธอสั่นด้วยความโกรธ

“นี้ใช่ พฤติกรรมที่ครูควรทำกับเด็กเล็กเหรอคะ”น้ำเสียงเย็นชาถูกส่งไปตั้งคำถามกับ คุณครูทั้งสอง กับเจ้าหน้าที่อีกหนึ่ง คุณครูเวรร่างท้วมหน้าม้านทันที ส่วนเจ้าหน้าที่โรงเรียนมองกลับอย่างเฉยชา..คนถูกกล่าวหาเดินกอดอกมาที่หน้าประตู ดวงตามองเหยียดทั้งเด็กเกียรตินิยมตกอับ กับเด็กโง่ที่มีพฤติกรรมก้าวร้าว

“เกิดอะไรขึ้นคะ คุณครูบี”

“ก็ยัยเด็กโง่นี้ซิค่ะครูพัด..ก่อเรื่องอีกแล้ว..แค่ติดกระดุมเสื้อไม่ได้ก็หงุดหงิดร้องไห้โวยวาย อาละวาดไม่หยุด ถ้าไม่ตีก็ไม่หยุดร้อง..เนี่ยแหละ เด็ก eq ไม่ดี พ่อแม่ไม่มีเวลาดูแล”น้ำเสียงท้ายเต็มไปด้วยความหงุดหงิด..พูดจบเตรียมสะบัดก้นหนี แต่เสียงพี่เลี้ยงสาวกับรั้นไว้ก่อน

“หยุดเดี๋ยวนี้นะ ณีรกานต์...ถึงเด็กจะร้องไห้หนักหรือดื้อมากแค่ไหน เธอก็ไม่มีสิทธิ์หยิกแก ตีแก หรือแม้แต่พูดจาแย่ๆ ใส่”ได้ผลคุณครูสาวทำหน้าบูดบึ้ง บึงปังมาหาพี่เลี้ยงสาวทันที

“เหรอ แน่เหรอว่าฉันไม่มีสิทธิ์”สายตามองเหยียดตั้งแต่หัวจรดเท้า ทำเด็กน้อยในอ้อมกอดเนื้อตัวสั่น มือเรียวสวยลูบหลังเบาๆ เพื่อปลอบประโลม

“ใช่ เธอไม่มีสิทธิ์ กฎกระทรวงก็ออกมาแล้ว ว่าคุณครูไม่มีสิทธิ์ทำร้ายเด็ก”

“หึ แต่พอดีแม่ของเด็กนี้ คุณบุษยาเขาอนุญาต ถ้าเด็กหญิงไอรดาดื้อ คุณครูสามารถตีได้ ฉันได้รับสิทธิ์จากแม่เด็กคนนี้แล้ว..แล้วเธอละ มีสิทธิ์อะไรมาแว้ดๆ ใส่ฉัน”

“…”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel