บทที่ 5
หลังจากมื้ออาหาร..หญิงสาวยังคงมีความพยายามขอไอแพดคืนจากเด็กน้อย ก่อนจะหลอกล่อพาเด็กน้อยไปเล่นนอกบ้าน
“เมื่อวานคุณอาเห็นหน้าบ้านมีสไลเดอร์อันใหญ่ด้วยนะ เดี๋ยวเราไปเล่นกันดีมั้ย”
“ไม่ น้องเอื้อยจะดูโพนี่!!”
“แต่คุณอาเตรียมที่เป่าฟองเอลซ่ามาด้วยน้า..เราไปวิ่งเล่นเป่าฟองกันที่สนาม..แล้วไปปีนป่ายกันดีกว่านะคะ รับรองสนุกกว่าพี่โพนี่มากๆเลย คุณอารับรอง”น้ำเสียงใจดี พร้อมข้อเสนอน่าสนใจ ดวงตากลมโตเต็มไปด้วยความลังเล ก่อนที่เด็กหญิงไอรดาตัวน้อยจะยินยอมคืนไอแพดให้พี่เลี้ยง
'ภารกิจแรกของหญิงสาวคือการให้เด็กหญิงห่างหน้าจอให้ได้เสียก่อน'
คิดได้ดังนั้น..ศิศิราจูงมือเล็กออกไปเล่นนอกบ้านด้วยกัน
การกระทำทุกอย่างอยู่ในสายตาเจ้าของบ้านหนุ่ม..เขามองตามคนทั้งคู่อย่างหงุดหงิดใจ..เมื่อไม่สามารถจัดการไล่อดีตแฟนเก่าออกจากบ้านได้...งั้นเขาก็ควรจัดการพาตัวเองอัปเปหิออกจากบ้านแทน..คิดได้ดังนั้นหนุ่มสุดเซอร์หน้าหล่อจัดแจงโทรหาเพื่อนทันที
"ไอ้ไผ่...วันนี้ว่างปะ..ไปเที่ยวกัน"
ในฝั่งของพี่เลี้ยงสาวคนสวย..หญิงสาวพาเด็กหญิงวิ่งเล่นเป่าฟอง..พร้อมพาปีนป่ายที่สนามเด็กเล็กขนาดย่อมหน้าบ้าน พอเห็นเด็กหญิงเริ่มเบื่อ ก็หาฟุตบอลลูกเล็กมาวิ่งเตะเป็นเพื่อน..ใบหน้าหวานของทั้งเด็กและผู้ใหญ่ต่างแดงระเรื่อ..เสียงหัวเราะคิกคักสนุกสนานดังลั่นสนาม
ภาพที่คิมหันต์เห็นก่อนออกจากบ้าน..ชวนให้รำคาญใจ..เขาก็อยากรู้เหมือนกัน..ว่าพี่เลี้ยงคนใหม่จะทนเด็กน้อยที่ภาพลักษณ์ภายนอกอย่างกับนางฟ้า แต่แท้จริงคือเดวิลตัวจ้อยซะมากกว่า..พอนึกสภาพตอนหลานสาวสุดที่รักอาละวาดใครก็เอาไม่อยู่..ริมฝีปากแดงหยักได้รูปถึงกับยิ้มหยันเตรียมสะใจ
ในขณะที่ศิศิราใช้เวลาทั้งเย็นในการดูแลเด็กหญิง ก่อนจะพาเจ้าแก้มยุ้ยที่แสนน่ารักไปอาบน้ำแปรงฟัน..พอสบายตัวก็พาเด็กน้อยมานั่งทำการบ้าน..แต่เด็กหญิงที่ถูกเลี้ยงผ่านหน้าจอมาตลอดเริ่มหงุดหงิด..เธอไม่มีสมาธิในการทำบ้านแม้แต่น้อย
ก่อนหน้าที่เด็กน้อยยังคงเล่นสนุกได้..เพราะคุณอาคนสวยใจดี พาเธอทำกิจกรรมหลายอย่างจนลืมหน้าจอไปเลย..แต่พอต้องมานั่งทำการบ้านที่ไม่อยากทำ..เด็กน้อยเริ่มงอแง
“ไม่เอาน้องเอื้อยไม่ทำๆๆๆ”
พี่เลี้ยงสาวยังคงใจเย็น..ใบหน้ายังเต็มไปด้วยรอยยิ้มละไม ก่อนที่เจ้าตัวจะตัดสินใจย่อตัวนั่งอยู่ในระดับเดียวกับเด็กน้อย
สายตาสองคู่..ผู้ใหญ่หนึ่ง เด็กหนึ่งสบกัน
“เอาแบบนี้มั้ยคะ เราทำไปพร้อมกัน..สวยไม่สวยไม่เป็นไร ขอแค่มีงานส่งคุณครูดีมั้ย?”
“ไม่ดี..น้องเอื้อยไม่ทำ น้องเอื้อยจะไปดูพี่โพนี่”
“งั้น..ถ้าแลกกับดาวเด็กเก่งละคะ ถ้าน้องเอื้อยทำการบ้านเสร็จ..คุณอามีรางวัลให้”ไม่พูดเปล่าเธอล้วงกระเป๋ากางเกงหยิบสติ๊กเกอร์รูปม้าโพนี่ที่ถูกตัดเป็นชิ้นเล็กๆ ชูให้เด็กน้อยดู ทั้งส่งยิ้มหวานไปให้..การต่อรองได้เริ่มขึ้นแล้ว
พอเห็นรางวัลน่าสนใจ..สีหน้าเด็กน้อยผู้ชอบโพนี่เริ่มมีแววลังเล...เธอมองหน้าคุณอาศิ ก่อนจะสลับมองดูสติ๊กเกอร์ในมือที่มีตัวการ์ตูนโปรด
“แค่หน้าเดียวนะคะ”
"โอเคค่ะ"
"น้องเอื้อยไม่ชอบเขียน"
“สมัยตอนเป็นเด็กอนุบาลคุณอา...กับคุณอาคิมก็ไม่ชอบคัดลายมือเหมือนกันค่ะ”น้ำเสียงคนพูดยังเต็มไปด้วยความอบอุ่น..ดวงตาโตของเจ้านายตัวน้อยเบิกกว้าง
“จริงเหรอคะ? ”
“จริงซิค่ะ ปะ เดี๋ยวเรานั่งทำการบ้านกันนะคะ เดี๋ยวคุณอาจะนั่งระบายสีเป็นเพื่อนด้วย”
ตอนที่หญิงสาวเห็นสมุดการบ้านกองโตถึงกับขมวดคิ้วยุ่ง เธอหยิบบางเล่มขึ้นมาดู..ในนั้นมีการบ้านหลายวิชา..วิชาภาษาไทยมีให้คัดตัวอักษรหลายหน้า..ส่วนวิชาคณิตศาสตร์ของหลักสูตรเด็กอนุบาลหนึ่ง เริ่มมีการบวกเลขลบเลขแล้ว..เธอจึงหันพลิกดูชื่อโรงเรียนตรงหน้าปกหนังสืออีกรอบ...พอเห็นชื่อโรงเรียนรัฐชื่อดัง ที่พ่อแม่สมัยนี้นิยมให้ลูกเข้าไปสอบ..เธอเลยเข้าใจ..เด็กหญิงไอรดาเรียนโรงเรียน 'สายวิชาการ' นี้เอง
เด็กหญิงตัวน้อยหยิบสมุดการบ้านภาษาไทยขึ้นมาเตรียมจะคัดลายมือ..ในนั้นมีรูปฟอฟันยิ้มกว้างให้ระบายสีด้วย..แค่เห็นการบ้านสีหน้าแววตาของเด็กน้อยก็เต็มไปด้วยความเหนื่อยล้าแล้ว เจ้าแก้มยุ้ยเบื่อการบ้านเป็นที่สุด..เธอฝืนทำมาตลอดทั้งเทอม..แถมถ้าทำไม่ดีคุณครูมีดุด้วย
ส่วนพี่เลี้ยงสาวกลับมองมาด้วยความเห็นใจ..เด็กหญิงไอรดาพยายามคัดลายมือตามเส้นประ แต่คัดเท่าไรตัวฟอฟัน ก็ยังคงโย้เย้..ในขณะเดียวกันดวงตากลมโตก็แอบเหลือบมองพี่เลี้ยงไปด้วย
เหตุผลเพราะเด็กน้อย กลัวจะโดนดุว่าคัดลายมือไม่สวย..เหมือนคราวพี่บัว..พี่เลี้ยงคนก่อน
ตอนนั้นพี่บัวเห็นเธอเขียนไม่ตรงเส้นประ..พี่เขาก็ตีมือ แถมยังขู่อีกไม่ให้ฟ้องผู้ใหญ่..เพราะผู้ใหญ่คงไม่เชื่อเด็กโง่..พี่บัวเคยบอกเธอว่า..เธอเป็นแค่เด็กโง่ไม่ได้เรื่อง พ่อแม่ถึงทิ้งเธอไป
แถมพี่บัวยังชอบฟ้องคุณยายด้วยว่าเธอเป็นเด็กเอาแต่ใจ..เธอชวนเล่นด้วยก็ไม่ยอมเล่น..ปล่อยให้เล่นคนเดียว พอเธอเซ้าซี้หนักๆเข้าก็ยัดไอแพดพร้อมเปิดการ์ตูนให้ดู ส่วนพี่เขาก็นั่งเล่นมือถือต่อ
ถ้าเว้นแต่เรื่องไอแพด เธอเกลียดพี่บัวมาก..ยังดีตอนที่พี่บัวแอบหยิกเธอ...คุณอาคิมเห็นเลยไล่พี่เลี้ยงใจร้ายออกจากบ้านไปแล้ว
"น้องเอื้อยชอบไปรร.มั้ยคะ"เธอลูบหัวเด็กน้อยไปด้วย มองลายมือโย้เย้ แต่เห็นถึงความพยายามของเจ้านายตัวน้อย..เด็กหญิงไอรดาส่ายหน้าหวือทันที
"ไม่..คุณครูดุ..หนูโง่"พูดจบรอยลากดินสอก็หลุดจากตัวอักษรฟอฟัน เด็กหญิงไอรดาทิ้งดินสอ...ใบหน้าบูดบึ้งด้วยความโกรธที่ทำไม่ได้..พี่เลี้ยงสาวคนสวยอุ้มเด็กหญิงตัวน้อยขึ้นมากอดประโลม เด็กน้อยดิ้นเล็กน้อย แต่อาจเพราะอ้อมกอดอบอุ่น กับบรรยากาศสงบ สัมผัสอ่อนโยนบนตัวอาการดิ้นจึงน้อยลง
ตอนสมัยที่ศิศิรายังคบกับแฟนหนุ่ม เด็กหญิงตัวน้อยพึ่งเกิดได้ไม่กี่เดือน ตอนนั้นยังตัวแดงๆ อยู่เลย มาวันนี้เด็กน้อยตัวนิดเดียว ได้เติบโตขึ้นขนาดนี้แล้วเหรอ..เวลาช่างผ่านไปเร็วเหลือเกิน
"ไม่หงุดหงิดนะคะคนเก่ง กอดๆกันไว้นะ เจ้าตัวหงุดหงิดในตัวจะได้หายไป"น้ำเสียงปลอบประโลมอ่อนโยนข้างหู ส่งผลให้เด็กน้อยผู้ต้องความอบอุ่นจากแม่กอดตอบ พี่เลี้ยงสาวดึงมือเด็กน้อยขึ้นมาลูบ ไล่ไปตามข้อต่อน้อยๆ
"ฟังคุณอานะคะ..บนโลกนี้ ไม่ได้มีเด็กที่ไม่เก่ง..เด็กทุกคนมีพรสวรรค์อยู่ในตัว..การที่น้องเอื้อยยังเขียนหนังสือไม่ได้ ไม่ได้แปลว่าหนูโง่ค่ะลูก"
"คุณครูบอกว่าหนูโง่"เด็กหญิงยังเถียง ใบหน้าน่ารักหงอยลงอย่างเห็นได้ชัด
"อื่ม..น้องเอื้อยดูมือหนูนะ แล้วดูที่มือคุณอา..คนเก่งเห็นมั้ยคะ มือของหนูเล็กนิดเดียว..ข้อต่อของหนูยังไม่แข็งแรง มันเลยไม่แปลกว่าทำไมหนูถึงยังเขียนไม่สวย"
"จริงเหรอคะ"ดวงตากลมโตใสซื่อ มองมาด้วยความคาดหวัง..เด็กน้อยได้รอยยิ้มละไมตอบกลับมา
"จริงค่ะ เดี๋ยวคุณอาช่วยลบรอยดินสอที่เลอะออกมาให้นะคะ แล้วค่อยๆ ทำกันใหม่ ถ้าทำเสร็จเดี๋ยวคุณอาให้สติ๊กเกอร์โพนี่เป็นรางวัลสองอันเลยดีมั้ยคะ"
"ดีค่ะ"เด็กหญิงตัวน้อยรีบพยักหน้ารับทันที กว่าจะทำการบ้านเสร็จ หญิงสาวแทบจะหมดแรง ก่อนจะพาเจ้านายตัวน้อยไปนอน ก็หันไปเลือกนิทานที่มีอยู่เพียงไม่กี่เล่ม..บ้านของเด็กหญิงไอรดาก็ร่ำรวย ของเล่นก็มีไม่น้อย แต่เป็นของเล่นที่ส่วนใหญ่เล่นแป๊ปๆ น่าจะเบื่อ หรือบางอย่างก็ต้องมีคนพาเล่น ส่วนนิทานที่ควรจะมีก็มีเพียงไม่กี่เล่ม
พี่เลี้ยงคนสวยถอนหายใจเล็กน้อย เธอย่อตัวลงก่อนจะถามเจ้าแก้มยุ้ย
"หนูไม่ชอบอ่านนิทานเหรอคะ"
"ไม่มีคนอ่านให้ฟังค่ะ"น้ำเสียงเล็กๆ ตอบด้วยความไร้เดียงสา
"งั้น..คืนนี้เรามาฟังนิทานกันนะคะ น้องเอื้อยเลือกเลยว่าอยากฟังเรื่องไหน"จบคำของคุณอาคนสวย ร่างเล็กของหลานน้อยรีบวิ่งไปดูที่กองนิทานที่มีเพียงหนังสือยับๆ ไม่กี่เล่ม ก่อนที่มืออวบอ้วน จะหยิบมาสองเล่มพร้อมลังเลว่าจะฟังเรื่องไหนดี..เดิมเด็กน้อยชอบฟังนิทานมาก เว้นพี่เลี้ยงคนแรกที่เลี้ยงเด็กน้อยมาตั้งแต่เกิด แต่ต้องลาออกไปดูแลแม่ที่ป่วย พี่เลี้ยงคนหลังๆ แทบไม่ได้อ่านให้ฟังเลย..แถมถ้าขอให้อ่าน..พี่เลี้ยงก็จะให้เพียงแค่เล่มเดียวเท่านั้น
พอเห็นท่าทางลังเลใจ ที่เด็กหญิงไม่รู้จะเลือกนิทานเล่มยับๆ เล่มไหนดี ศิศิราหลุดหัวเราะด้วยความเอ็นดู
"เอาทั้งสองเล่มก็ได้ค่ะ เดี๋ยวคุณอาอ่านให้ฟัง"
"จริงเหรอคะ?"
"จริงซิค่ะ"