แค่เด็กรับใช้
กลับมาพบกันอีกครั้ง
แม่ของบัวแต่งงานกับเจ้าสัวศักดิ์ดาโดยปราศจากการยอมรับจากลูกชายเพียงคนเดียวของเขา
รัฐภาคย์มีปากเสียงกับพ่อ ไม่ลงรอยกันมากขึ้น เช่นเดียวกับที่ไม่ยอมรับแม่เลี้ยงกับน้องสาวคนใหม่ ซ้ำยังตั้งตัวเป็นปรปักษ์ แสดงออกว่าชิงชังรังเกียจอย่างเปิดเผย เพราะคิดเสมอว่าสองแม่ลูกที่พ่อของเขารับอุปการะ เป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้แม่ของเขาต้องตรอมใจตาย
๐๐๐๐๐
เย็นวันหนึ่ง ณ จุดรอรับผู้โดยสารฝั่งขาเข้าระหว่างประเทศ ภายในท่านอากาศยานแห่งใหญ่ของประเทศ
หญิงสาวผมยาวผู้รวบผมเป็นหางม้านั่งมองจอแสดงตารางเที่ยวบิน ที่แจ้งให้ทราบว่าไฟท์บินที่เธอกำลังรอคอยได้ลงจอดบนรันเวย์ของสนามบินเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
บัวขยับแว่นสายตาก้มมองหน้าปัดนาฬิกาข้อมือสลับกับมองไปยังช่องประตูผู้โดยสารขาเข้าด้วยความรู้สึกที่เต็มตื้น
ใจหนึ่งรู้สึกโล่งอกที่เที่ยวบินของคนที่เธอรอรับมาถึงที่หมายโดยสวัสดิภาพ
แต่อีกใจกลับตื่นเต้นระคนหวั่นเกรง เนื่องด้วยไม่อยากเผชิญหน้ากับใครบางคนตัวเองกำลังรอรับเขาอยู่ บัวไม่ปฏิเสธว่าตอนนี้เธอรู้สึกกระอักกระอ่วนใจเหลือเกิน
แม้วันนี้เป็นวันที่รัฐภาคทายาทเพียงคนเดียวของเจ้าสัวศักดิ์ดาเดินทางกลับมาประเทศไทยหลังจากที่ไม่ได้กลับมานานหลายปี
ทว่าผู้ใหญ่ในครอบครัวกลับไม่ได้อยู่ต้อนรับการกลับมาของภาคย์ เนื่องด้วยมีเหตุจำเป็นให้ต้องยกขบวนเดินทางไปต่างจังหวัด เพื่อร่วมงานศพของคนรู้จักของบ้าน
เวลานี้มีเพียงบัวที่อยู่ติดบ้าน เดิมทีหน้าที่ขับรถมารับรัฐภาคย์ที่สนามบินไม่ใช่หน้าที่ของเธอ แต่เนื่องจาก ลุงผล ซึ่งเป็นคนขับรถเก่าแก่ของที่บ้านเกิดท้องเสียกระทันหัน ส่วนคนขับรถอีกคนทำก็ลากลับบ้าน คนงานในบ้านส่วนใหญ่ขับรถยนต์ไม่เป็น หน้าที่นี้จึงถูกโยนมาให้บัวเป็นคนจัดการอย่างเลี่ยงไม่ได้
ก่อนหน้านี้ลุงผลคนขับรถให้เธออ่านแชทสนทนาเพียงสั้นๆ ของเขาที่พูดคุยกับรัฐภาคย์
ลุงผล : ลุงได้เวลาลงเครื่องมาแล้วนะคุณภาคย์ เดี๋ยวค่ำพรุ่งนี้ลุงจะไปรอรับที่ตำแหน่งเดิมนะครับ
รัฐภาคย์ : ไม่ต้องหรอกลุง ผมไปเองได้ลุงไม่ต้องลำบากมารับหรอก
ลุงผล : ไม่ลำบากครับผม พรุ่งนี้ลุงจะรอรับคุณภาคย์ที่สนามบินเองครับ
ภาคย์ : อืม งั้นตามใจลุงแล้วกัน
เป็นข้อความที่สั้นซะจนบัวทึ่ง แต่ก็ไม่ได้แปลกใจนัก เพราะที่ผ่านมาลุงผลคอยทำหน้าที่เที่ยวรับ-เที่ยวส่ง คุณภาคย์ของแกเวลาไปมาที่สนามบินเสมอดังนั้นคงต้องร่ำไรอะไรมาก เมื่อคุณภาคย์จะกลับมาทั้งที ลุงผลคงอยากมารับด้วยตัวเอง
อย่างไรก็ตาม
การที่ลุงผลไปรับตามนัดไม่ได้ มันเป็นเรื่องยากที่จะบอกใครว่าเธอไม่ได้มีช่องทางการติดต่อกับพี่ชายต่างสายเลือดเพื่อแจ้งเรื่องนี้
จะว่าไม่มีก็ไม่เชิง อันที่จริงต้องบอกว่าบัวมีเบอร์ติดต่อของเขาแต่ไม่เคยโทร.คุยกันเลยสักครั้ง และมันเป็นหมายเลขโทรศัพท์ของประเทศไทย
ซึ่งก็เดาใจไม่ออก ว่าอีกฝ่ายเมื่อลงเครื่องมาแล้วจะเปลี่ยนไปใช้ซิมเบอร์โทรศัพท์ของไทยทันทีเลยใหม่ ยิ่งเป็นเรื่องช่องทางการติดต่ออื่น ๆ ลืมไปได้เลย กระทั่งโทร.คุยยังแทบไม่เคยคุย แล้วบัวจะเอาความกล้าจากไหนมาทักไปพูดคุยกับเขา
ประเด็นสำคัญคือเธอแทบไม่รู้ด้วยซ้ำว่าช่องทางการติดต่ออื่น ๆ ของพี่ชายต่างสายเลือดมีอะไรบ้าง
และครั้งนี้บัวก็ไม่แน่ใจว่าจะติดต่อกับเขาได้หรือไม่ จึงยืมโทรศัพท์มือถือของลุงผลนำติดตัวมาด้วยกันเหนียว
หลังเครื่องลงจอดล่อนไปนานเกือบยี่สิบนาที ผู้โดยสารทยอยเดินทางออกมาจนประตูผู้โดยสารฝั่งขาเข้าปิดตัวลงอีกครั้ง บัว ระหว่างยืนหันซ้ายหันขวาด้วยความกระวนกระวายใจอยู่นั้น โทรศัพท์ของลุงผลก็ดังขึ้น ซึ่งชื่อที่ปรากฏบนหน้าจอก็คือ ‘คุณภาคย์’ ชื่อพี่ชายต่างสายเลือดของบัวนั่นเอง
บัวเลิ่กลั่กกดรับสายด้วยความเก้กังแต่ไม่ทันได้กรอกเสียงพูดปลายสายก็แทรกขึ้นมาซะก่อน
“ผมมาถึงแล้วครับลุงผล รอที่เดิมก่อนนะ อีกสิบนาทีผมจะออกไปหาขอเคลียร์อะไรก่อน” ปลายสายโทร. มาแจ้งเพียงเท่านั้นและตัดสายไป ไม่ได้แยแสที่จะอยากรู้ด้วยซ้ำว่าคนที่รับสายเป็นใครหรือโทร.มาถูกหรือไม่
แต่หลังทราบความเคลื่อนไหว บัวจึงรีบสาวเท้าเดินออกจากตัวอาคารไปรออยู่ด้านนอกตรงที่นัดหมาย ไม่นานคนที่เธอรอด้วยความรู้สึกที่ไม่อยากเจอ ก็เดินเข็นกระเป๋าสัมภาระมายังจุดที่นัดพบกับลุงผล
รัฐภาคย์สวมแจ็คเก็ตหนังทับเสื้อยืดสีขาวที่ใส่ข้างในท่อนล่างสวมกางเกงยีนส์และรองเท้าผ้าใบ ด้วยสไตล์การแต่งตัวและรูปร่างสูงตระหง่านจึงดูคล้ายกับหลุดมาจากนิตยสารแฟชั่นหัวนอก
“ทำไมเป็นเธอ...” คนตัวสูงถามพลางถอดแว่นตาชักสีหน้าตึงจนบัวประหม่าเผลอขยับแว่นตาเพื่อหลบเลี่ยงสายตาดุดัน
“สวัสดีค่ะพี่ภาคย์ ยินดีต้อนรับกลับบ้านนะคะ” บัวยกมือไหว้พร้อมกล่าวทักทายตามมารยาท แน่นอนว่าภาคย์ไม่ได้ใส่ใจจะรับไหว้ เขาเร่งถามบัวว่าลุงผลอยู่ที่ไหน
“ลุงผลแกท้องเสียน่ะค่ะ เลยวานให้บัวมาแทน” บัวชี้แจง
“ลุงผลนี่ยังไง บอกแล้วว่าไม่ต้องมารับ ถ้าตัวเองมาไม่ได้ก็น่าจะส่งข้อความมาบอกกันบ้าง ฉันจะได้ให้คนอื่นมารับ หรือไม่ก็นั่งรถไปเอง” คนเพิ่งมาถึงขยับตัวเท้าสะเอวคล้ายไม่สบอารมณ์ อันที่จริงดูเหมือนว่าเขาไม่ได้โกรธเรื่องลุงผล แต่คงไม่สบอารมณ์ที่เห็นว่าคนที่มารับเป็นบัวมากกว่า
“บัวขอโทษค่ะ...” หญิงสาวเอ่ยขอโทษเสียงแผ่ว
“ไม่รู้สึกว่าตัวเองทำผิดจะมาขอโทษทำไมมิทราบ ยัยเด็กบ้า!” คนปากร้ายไม่วายแดกดันจนบัวทำตัวไม่ถูก ก่อนที่สถานการณ์จะย่ำแย่ไปกว่านี้ ก็มีเสียงผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้นมาจากทางด้านหลังของทั้งคู่
“เกิดอะไรขึ้นคะ คุณภาคย์” ผู้หญิงสวยในชุดแอร์โฮสเตสของสายการบินแห่งหนึ่งเดินลากกระเป๋าเข้ามาพูดคุยกับเขา
“ไหนคุณภาคย์บอกว่า ลุงคนขับรถที่บ้านจะมารับไม่ใช่เหรอคะ แล้วคนนี้ใครคะ น่าตาน่ารักเชียว” แอร์สาวมองบัวด้วยหางตาขณะถามภาคย์
“เด็กรับใช้ที่บ้านน่ะ พอดีลุงคนขับติดธุระเลยให้เด็กนี่มาแทน” เขาแจ้งสถานะของบัวอย่างไม่ใส่ใจ
“อ้าว งั้นเหรอคะ แล้วที่นี้จะเอายังไงดี เมญ่าเหนื่อยแล้วด้วย อยากกลับไปพักเร็ว ๆ จัง” แอร์สาวกอดแขนออเซาะภาคย์อย่างโจ่งแจ้งจนบัวเบือนหน้านี้ เพราะไม่อยากล่วงล้ำความเป็นส่วนตัวของพวกเขา
“แล้วมัวยืนทำอะไรอยู่ รีบ ๆ ไปเอารถมาสิ” เขาไล่ส่ง บัวจึงรีบสาวเท้าเดินไปขับรถมารับพวกเขาทั้งสองคนด้วยความรู้สึกอึดอัดใจ