น้องสาว(ไม่แท้)ของผม เธอช่างหวานล้ำ

56.0K · ยังไม่จบ
มินต์สตาร์
42
บท
3.0K
ยอดวิว
8.0
การให้คะแนน

บทย่อ

เดิมทีแค่อยากเป็นน้องสาวคนใหม่ให้พี่ชายเอ็นดู แต่ไม่คิดเลยว่าลงเอยด้วยการเป็นเมียลับ ๆ ของพี่ชายต่างสายเลือดเช่นนี้ "น้องสาว?!" น้องสาวที่เป็นลูกสาวของผู้หญิงที่มีส่วนทำให้แม่ของเขาต้องตายอย่างน่าสงสาร มันไม่มีทางที่เขาจะนับญาติด้วย ยิ่งเห็นความใสซื่อไร้เดียงสาของน้องสาวนอกไส้ ก็ยิ่งยากขยี้ย่ำยีให้แหลกคามือของเขา!

นิยายรักโรแมนติกประธานพลิกชีวิตดราม่าโรแมนติกพ่อเลี้ยงเลือดร้อนมีลูก

พี่ชาย-น้องสาว คนใหม่

“คนนี้คือคุณผกามาสเป็นภรรยาใหม่ของพ่อ ส่วนคนนี้ หนูบัว คนที่จากนี้ไปคือน้องสาวของแก”

นี่เป็นคำแนะนำจากปากของพ่อที่บอกกับลูกชายคนที่เขาไม่ได้เจอหน้ามานานแรมปี ตั้งแต่ที่เสร็จสิ้นพิธีศพของอดีตภรรยาผู้ล่วงลับ

ภาคย์-รัฐภาคย์ โรจน์ปรมะ เด็กหนุ่มวัยสิบแปดปี มองหน้า เจ้าสัวศักดิ์ดา ผู้เป็นพ่อด้วยแววตาเฉยชา ท่าทีที่หมางเมินบ่งบอกว่าเขายังคงไม่ให้อภัยในสิ่งที่พ่อของเขาเคยได้กระทำไว้

พ่อที่อ้างว่างานยุ่ง แต่กลับมีเวลาไปติดพันผู้หญิงอื่น

สามีที่ละเลยเมียหลวงที่ป่วยเป็นด้วยโรคร้ายจนต้องตรอมใจตายเพราะหมดกำลังใจที่จะอยู่ต่อ

ผู้ชายคนนี้คือพ่อแท้ๆ ของภาคย์ เขาเป็นมหาเศรษฐีผู้หยามน้ำใจเมียเก่าที่เพิ่งตายไปไม่ถึงร้อยวัน ด้วยการพาเมียใหม่กับลูกสาวของหล่อนย้ายเข้ามาอยู่ในบ้าน

ส่วนลูกชายคนเดียวอย่างภาคย์ ทันทีที่งานศพของมารดาเสร็จสิ้น ก็ถูกบิดาถีบหัวให้ย้ายมาศึกษาต่อในระดับไฮสคูลที่โรงเรียนประจำชื่อดังของเมืองผู้ดีอังกฤษตามลำพัง

และนี่เป็นการพบกันครั้งแรกหลังจากที่ไม่ได้พบกันนานร่วมสามปี ตั้งแต่ที่ภาคย์ย้ายมาเรียนต่อที่นี่ ตลอดสามปีที่ผ่านมาเด็กหนุ่มไม่ยอมกลับเมืองไทยเลยสักครั้ง

แม้มีทั้งเวลาในช่วงปิดภาคเรียนหรือวันหยุดเทศกาลสำคัญ ตลอดจนมีทุนทรัพย์ในการจ่ายค่าตั๋วเครื่องบิน ไป-กลับ กรุงเทพฯ-ลอนดอน ได้ทุกอาทิตย์ยังได้

แต่เขาเลือกที่จะไม่ทำ

แม้พ่อของเขาจะโทร.มาขอร้องให้เขากลับไปเยี่ยมที่บ้านที่ประเทศไทยบ้าง โดยอ้างว่าคุณย่าสิรินาถกับแม่นมสายบ่นคิดถึง

แต่เด็กหนุ่มก็ไม่เคยกลับ

จนร้อนถึงคนเป็นย่าที่ทนคิดถึงหลานชายหัวแก้วหัวแหวนไม่ไหว จึงต้องหอบสังขารนั่งเครื่องบิน ข้ามน้ำข้ามทะเลมา เพื่อเจอหน้าหลานชายสุดที่รักถึงแดนไกลด้วยตัวเอง

สำหรับวันนี้ภาคย์ไม่ได้ดีใจเลยสักนิด ที่ได้เห็นว่าพ่อผู้ที่เคยละเลย มาร่วมงานพิธีจบการศึกษาของเขา

แน่ล่ะ พ่อของเขาต้องมาอยู่แล้ว อาจเป็นเพราะคุณย่าสั่งให้มา เนื่องด้วยวันนี้เป็นวันสำคัญที่คนเป็นพ่อแม่ที่ดีและมีเวลาว่างมากพอ ควรจะต้องมาร่วมชื่นชมความสำเร็จอีกก้าวหนึ่งของลูกหลาน

แต่ถึงกระนั้น เด็กหนุ่มก็ไม่คาดคิดว่าเจ้าสัวศักดิ์ดาจะกล้าทำลายความสุขในวันดี ๆ ของเขา ด้วยการควงอดีตเมียน้อยที่ตอนนี้เลื่อนขั้นเป็นเมียที่ถูกต้องตามกฏหมายโดยสมบูรณ์ พร้อมกับพาลูกสาวคนใหม่มาเปิดตัวถึงงานจบการศึกษาของลูกชายเพียงคนเดียวเช่นนี้

มุมหนึ่งภายในภัตตาคารหรูใจกลางเมือง บุคคลทั้งสี่จากครอบครัวมหาเศรษฐีเมืองไทย กำลังนั่งร่วมโต๊ะด้วยบรรยากาศที่อึมครึม

ภาคย์ใช้หางตาปราดมองสองแม่ลูกอย่างดูแคลน ซึ่งคนที่เรียนจบจากโรงเรียนคนชนชั้นสูงเช่นเขา ตระหนักแก่ใจว่าสิ่งที่กำลังทำเป็นมารยาทที่น่ารังเกียจ แต่เด็กหนุ่มก็ไม่เกี่ยงที่จะแสดงท่าทีเช่นนั้นออกมาให้แม่ลูกคู่นี้ได้สำเหนียกว่า เขานั้นชิงชังพวกหล่อนมากแค่ไหน

ผกามาสที่เป็นแม่เลี้ยงคนใหม่ เด็กหนุ่มเดาว่าหล่อนคงมีลูกตั้งแต่ตอนที่อายุยังน้อย เพราะตอนนี้หล่อนยังดูสาวและสะสวยจนน่าทึ่ง ไม่แปลกใจเลยที่ตาแก่พ่อของเขา จะติดพันหลงหล่อนจนโงหัวไม่ขึ้นขนาดนี้

ส่วนลูกสาวของแม่เลี้ยง เท่าที่รู้ดูเหมือนว่าอายุน้อยกว่าเขาราว ๆ 6-7 ปี โดยประมาณ เป็นเด็กผู้หญิงผมยาวตัวขาวซีด สวมแว่นตาหนาเตาะ เอาแต่ก้มหน้าก้มตา ท่าทางเงอะงะขี้อายผิดจากแม่ลิบลับ

สมัยเด็กเขามักถูกคนรอบข้าง ถามไถ่อยู่เสมอว่าอยากได้น้องสาว น้องชาย กับเขาสักคนบ้างไหม

ตอนนั้นด้วยความไร้เดียงสาจึงตอบส่งๆไปว่า ถ้าเป็นไปได้ก็อยากสัมผัสประสบการณ์ของการเป็นพี่ชาย ที่มีน้องร่วมสายเลือดเหมือนคนอื่นสักคน เพราะเพื่อนรอบข้างต่างก็มีพี่น้องกันหมด

แต่ไม่คิดว่าพ่อจะบ้าจี้ หาน้องมาให้เขาได้จริง ๆ

ยิ่งไปกว่านั้น ยังเป็นถึงน้องสาวต่างสายเลือด ที่ไม่ต้องบอกก็คงจะพอรู้ว่า ความผูกพันของสายใยระหว่างพี่น้องนั้น ไม่มี

“ลงทุนถ่อมาหาถึงที่นี่ เพื่อจะพาครอบครัวใหม่มาเปิดตัวกับผมงั้นเหรอครับ?” เด็กหนุ่มรูปร่างหน้าตาหล่อเหลาที่หนังหน้าตึงไม่พูดไม่จากับใคร ยอมเปิดปากพูดในที่สุด

“เข้าใจผิดแล้วค่ะ ที่พวกเรามาก็เพราะตั้งใจมาแสดงความยินดีกับคุณภาคย์ที่เรียนจบไฮสคูลแล้วเท่านั้น” ผกามาสรีบแก่ต่างแทนสามี

“เข้าใจว่าเป็นพวกชอบ ‘แย่ง’ ชอบ ‘แทรก’ จนติดเป็นนิสัย แต่ตอนนี้ผมกำลังคุยกับพ่อของผมอยู่ เพราะงั้นขอความกรุณา ‘คนอื่น’ อย่าเพิ่งสอดแทรกเข้ามาจะได้ไหมครับ คุณผู้หญิง”

เด็กหนุ่มนั่งกอดอกค่อนแขวะแม่เลี้ยงกิริยาด้วยวาจาเหลือร้าย โดยไม่แม้แต่จะเปรยตามองคู่สนทนา คำพูดและอากัปกิริยาของเขาทำให้แม่เลี้ยงสาวหน้าถอดสีรีบเอ่ยขอโทษแทบไม่ทัน

“ให้มันไว้หน้ากันบ้าง แกอย่าก้าวร้าวผู้ใหญ่นะ เจ้าภาคย์” เจ้าสัวศักดิ์ดา ตำหนิลูกชายเสียงแข็ง

“ผมก็เป็นของผมอย่างนี้มาตั้งนานแล้ว ในฐานะพ่อ คุณก็น่าจะรู้ว่าผมเป็นคนยังไง อะไรที่ไม่ชอบก็คือไม่ชอบ อะไรที่เกลียด ต่อให้พยายามยัดเยียดให้แค่ไหนก็ไม่เอาอยู่ดี!”

“ฉันเหนื่อยที่จะเถียงกับแกแล้วนะไอ้ลูกคนนนี้ เรื่องนี้มันผ่านมาหลายปีแล้ว แกควรทำตัวให้สมกับเป็นผู้ใหญ่เสียที...”

“ผมก็เบื่อจะคุยกับพ่อเหมือนกัน ผมไม่เหมือนพ่อที่ลืมอะไรง่ายๆ เพราะผู้หญิงคนที่ถูกทำร้ายเธอเป็นแม่แท้ ๆ ของผม! แต่ช่างเถอะ เอาเป็นว่าขอตัวก่อนนะฮะ คืนนี้ผมมีปาร์ตี้ฉลองกับเพื่อน” เด็กหนุ่มขยับตัวหยิบกระเป๋าเป้ที่วางไว้ข้างเท้า

“แกควรอยู่กินข้าวกับพวกเราก่อน เจ้าภาคย์ พวกเราอุตส่าห์นั่งเครื่องบินข้ามน้ำข้ามทะเล เพื่อมายินดีกับแก นี่เป็นโอกาสดี ๆ ที่ครอบครัวได้อยู่พร้อมหน้ากัน”

“พอเหอะพ่อ! ใครมันเป็นครอบครัวของใครไม่ทราบ?! ผมต้องซึ้งบีบน้ำตาให้ไหลออกมาด้วยไหม?”