บทที่ 4 เก็บตก
นิวรารับรู้ด้วยโสตสัมผัสว่าเจตน์เดินออกไปจากห้องพักแล้ว เธอค่อยๆ ปรือตาขึ้นมา แล้วเหลือบมองซ้ายขวาเพื่อให้มั่นใจ
“คุณรู้สึกตัวแล้วหรือคะ เป็นยังไงบ้าง เรากำลังจะเปลี่ยนเสื้อผ้าให้คุณ ขออนุญาตนะคะ”
แค่สิ้นคำพูด เสื้อตัวสวยของนิวราก็ถูกปลดออกจากร่าง จนเธอต้องรีบยื้อไว้ด้วยความไวเท่าที่ตนยังไหว
“ไม่ต้องค่ะ”
“ดิฉันจะเปลี่ยนเสื้อคลุมนอนให้คุณ คุณจะได้สบายตัว ไม่ต้องห่วงนะคะ คุณแต้วฝากกำชับให้พวกเราดูแลคุณดีๆ ค่ะ”
พนักงานทั้งสองคนไม่ฟังเสียงห้าม พวกเธอตั้งหน้าตั้งตาทำงานตามที่ใครสักคนสั่งมา ซึ่งนิวราก็ไม่รู้อีกนั่นแหละว่าเธอคนนั้นเป็นใคร
สมองของหญิงสาวยังมึนชา ศีรษะหนักเหมือนก้อนหิน รู้สึกอายที่ต้องอยู่ในสภาพเกือบเปลือยต่อหน้าคนอื่น แม้จะเป็นผู้หญิงด้วยกันก็เถอะ แต่เธอเองก็ไม่อยากเคลื่อนไหวร่างกายนัก จึงตัดสินใจหลับตาลง แล้วปล่อยทุกอย่างให้เป็นหน้าที่ของพนักงานทั้งสองคน
ร่างกายเย็นวาบเมื่อผิวเปลือยเปล่าต้องกับไอเย็นจากเครื่องปรับอากาศ แต่แค่ไม่กี่วินาที ความอบอุ่นและนุ่มสบายของเสื้อผ้าอีกชิ้นก็ถูกสวมเข้ามาแทนที่ให้เธอ
“เช็ดตัวสักหน่อยนะคะ เสร็จแล้วคุณจะได้นอนหลับสบาย”
นิวราครางเสียงอือออในลำคอ เมื่อไม่ต่อต้าน ปล่อยทุกอย่างให้เป็นหน้าที่ของพนักงานรีสอร์ต ความสบายและผ่อนคลายก็เกิดขึ้นกับเธอ…เหนือสิ่งอื่นใด จิตใต้สำนึกของนิวราบอกให้รู้ว่าภายใต้ชายคาที่พักหลังนี้ เธอยังมีเขาคนนั้นอยู่ด้วยอีกคน
เจตน์กำลังว่ายน้ำอยู่ตรงริมหาดส่วนตัวที่กันไว้สำหรับแขกของรีสอร์ต เขาตื่นตั้งแต่หกโมงเช้า ซึ่งถือเป็นเวลาปกตินับตั้งแต่มาพักอยู่ที่นี่ และตอนนี้เวลาก็ผ่านมาสักพักใหญ่ แสงแดดเริ่มร้อนจ้า ชายหนุ่มจึงวาดลำแขนพาตัวเองกลับเข้าหาฝั่ง
เมื่อคิดจะนอนอาบแดดตรงชายหาดต่ออีกสักพัก หากก็ฉุกคิดได้ว่าตอนนี้ในที่พักของเขายังมีอีกคนอาศัยอยู่
“ตื่นหรือยังก็ไม่รู้”
พอนึกว่านิวราตื่นขึ้นมาในสถานที่ที่ไม่คุ้นเคยแล้วจะเป็นอย่างไร เธอจะตกใจหรือเปล่า มันก็ทำให้เขาเดินกลับเรือนพักอย่างไม่ลังเล
เจตน์ก้าวขึ้นบันไดไปทีละขั้น ในใจนั้นก็คิดไปว่ายามแม่เนื้อนวลเผชิญหน้ากับเขา เธอจะทำหน้าอย่างไร อีกทั้งเธอยังจำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนได้ไหม
ชายหนุ่มหยุดยืนอยู่ตรงระเบียง สัมผัสได้ว่าเรือนพักทั้งหลังยังเงียบสนิท นิวราคงยังไม่ตื่นนอน แต่พอจะเข้าไปข้างใน พลันเสียงคุ้นหูก็ดังแว่วเข้ามา มันทำให้เขาต้องหันไปมองตามทิศทางของเสียง
“คุณลุงอยู่นี่ไง เย่ๆ คุณแม่ครับ ต๊อดเจอคุณลุงแล้ว”
ท่าทางตื่นเต้นและดีใจของเด็กชายตัวกลมที่กระโดดเหยงๆ บนผืนทรายหน้าเรือนพักทำให้เจตน์ถึงกับงงงัน เพราะไม่คิดว่าเด็กตัวเปี๊ยกยังจำเขาได้ เขาเองยังต้องทบทวนความจำอยู่หลายวินาทีถึงจำได้ว่าเด็กคนนี้เป็นคนเดียวกับที่เขาเจอในโรงแรมเมื่อคืน
คิดจะแยกเขี้ยวขู่ให้หยุดอาการร่าเริงจนเกินเหตุ แต่พลันสายตาก็แลเห็นแม่ของเด็กชายเสียก่อน...เธอมาพร้อมกับตะกร้าผลไม้
“ต๊อดอย่ากวนคุณลุงสิลูก”
ศวรรยาปรามลูกชายแล้วส่งยิ้มให้เมื่อเจตน์เดินลงไปหา ชายหนุ่มยังเห็นเด็กชายวัยไล่เลี่ยกันอีกสองคนที่ยืนขนาบข้างหญิงสาว ชะรอยว่าเด็กสองคนนั้นจะเป็นพี่น้องของเจ้าต๊อด เพราะหน้าเหมือนกันอย่างกับแกะ
“สวัสดีค่ะคุณเจตน์ ดิฉันศวรรยาเป็นภรรยาของคุณเตชินท์ค่ะ ขอโทษที่มารบกวนตั้งแต่เช้านะคะ พอดีผ่านมาก็เลยเอาผลไม้มาฝาก”
แม่ของเจ้าต๊อดร่ายยาวพร้อมบอกเหตุผลของการมา แม้จะไม่สมเหตุสมผลในความคิดของเจตน์ แต่เขาก็ไม่ขัดคอเธอ
“สวัสดีครับ ไม่ได้รบกวนอะไร เพราะผมตื่นเช้าทุกวันอยู่แล้ว”
“แล้วน้องผู้หญิงเมื่อคืนเป็นยังไงบ้างคะ เธอตื่นหรือยัง อาการดีขึ้นหรือเปล่า”
เจตน์ลอบผ่อนลมหายใจเมื่อได้ยินคำถาม...นี่คงเป็นเหตุผลที่แท้จริงของการมาของศวรรยาพร้อมกับเด็กชายทั้งสามคน ส่วนตะกร้าผลไม้นี้เขาคงต้องรับไว้เพื่อให้ครบขั้นตอนของเธอ
“ผมยังไม่เจอเธอครับ เพราะเมื่อเช้าผมออกไปว่ายน้ำแล้วเพิ่งกลับมานี่แหละ แต่เธอคงไม่เป็นอะไรมาก ก็แค่เมา”
“เอ่อ...จะให้พนักงานมาดูแลต่อไหมคะ”
“คงไม่ต้องครับ ถ้าต้องการความช่วยเหลือ ผมจะแจ้งพนักงานไปเอง”
เจตน์ยืนยันถึงขั้นนี้ แต่ดูเหมือนว่าศวรรยายังไม่วางใจ เธอชะเง้อมองเข้าไปในเรือนพัก แม้ว่าจะมองไม่เห็นก็ตาม
ชายหนุ่มนึกถึงคนต้นเหตุอย่างเข่นเขี้ยว ป่านนี้นิวราตื่นนอนหรือยังก็ไม่รู้ แต่ที่แน่ๆ ถ้าแม่คุณยังไม่ปรากฏตัว เรื่องวุ่นๆ คงเกิดขึ้นอย่างแน่นอน เพราะเห็นท่าทางของภรรยาเจ้าของรีสอร์ตแล้ว เจตน์ก็รู้ว่าหากไม่ได้เห็นนิวราด้วยตาตัวเอง เธอก็คงไม่มีทางกลับไป
“เดี๋ยวผมขึ้นไปดูให้”
“ขอบคุณค่ะ” เธอยิ้มกว้าง ท่าทางสนับสนุนเขาอย่างเต็มร้อย
เจตน์กลับขึ้นไปบนเรือนพักอีกครั้ง แต่พอเท้าข้างหนึ่งย่างพ้นกรอบประตู เขาก็ต้องชะงักกึก เพราะเห็นร่างนวลลออยืนรออยู่แล้ว
ดวงหน้ารูปหัวใจยังดูใสซื่อ เธอสบตาเขาอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว แล้วยังมีเสื้อยืดที่เธอกำลังสวมใส่อีก...นี่มันเสื้อของเขาเอง
“คุณศวรรยา เจ้าของรีสอร์ตอยากพบเธอ”
เจตน์บอก ดวงตาคมจับจ้องเธออย่างสังเกต
เธอขอบคุณเสียงเบา แล้วเดินผ่านหน้าเขาออกไป
ชายหนุ่มมองตามหลังคนตัวบางอย่างผิดคาด นอกจากจะไม่ตกใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง แต่เธอยังทำเหมือนทุกสิ่งเป็นเรื่องปกติ
เขายืนมองผู้หญิงสองคนอยู่บนระเบียงเรือนพัก ไม่รู้ว่าพวกเธอพูดคุยอะไรกัน นิวราหันหลังให้เขา เขาจึงเห็นเพียงสีหน้าและท่าทางของศวรรยาที่ยังดูยิ้มแย้มและช่างจำนรรจา
เจตน์วางตะกร้าผลไม้ของฝากจากศวรรยาบนโต๊ะใกล้ประตู แล้วเข้าไปในห้องนอนเพื่อจะอาบน้ำจัดการตัวเองให้เรียบร้อย
เกือบชั่วโมงผ่านไป ชายหนุ่มถึงออกมาจากห้องนอน เพราะมัวแต่อ่านข่าวสารออนไลน์ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจเดินเรือของตนจนเพลิน เมื่อออกมาด้านนอก สิ่งแรกที่ปะทะสู่สายตานั่นคืออาหารเช้าถูกจัดไว้บนโต๊ะรับประทานอาหารอย่างเรียบร้อย อีกทั้งผลไม้ในตะกร้าที่ศวรรยาเอามาฝากก็ถูกจัดแบ่งใส่จานวางไว้ให้เช่นกัน
ไม่ต้องถามว่าเป็นฝีมือของใคร...แม้เธอจะจัดการมันได้อย่างไม่มีที่ติ แต่เจตน์ก็ไม่ชอบใจ เพราะมันไม่ใช่หน้าที่ของเธอ!
“มะนาว!”
เสียงเรียกกร้าวแค่คำเดียว เจ้าของดวงหน้าแฉล้มก็โผล่มาจากประตูห้องนอนอีกฝั่งที่กำลังเปิดแง้มออกมา
“มีอะไรหรือคะ”
“ออกมาคุยกันสิ”
ดวงตาคมกราดมองทั่วกายหญิงสาวที่เดินมาหาเขาอย่างสงบเสงี่ยม เสื้อยืดสีเทาของเขาอยู่บนเรือนร่างของเธอ มันยาวคลุมสะโพกผายจนถึงท่อนขา...ยิ่งมองก็ยิ่งทำให้หัวใจของหนุ่มวัยสามสิบกลางเต้นผิดจังหวะ จนเขาต้องรีบถอนสายตาออกมาเสีย
“เธอจะกลับกรุงเทพฯ ยังไง แล้วกลับเมื่อไหร่”
“เครื่องออกไปแล้วค่ะ หนูเลื่อนตั๋วเครื่องบินไม่ทันด้วย”
“เธอตกเครื่อง?”
“ค่ะ”
“ก็ซื้อตั๋วใหม่สิ”
เจตน์พูดอย่างหงุดหงิด ทำไมต้องทำเรื่องง่ายให้เป็นเรื่องยาก และเมื่อเธอปิดปากเงียบ เขาก็ไปนั่งประจำโต๊ะรับประทานอาหารเสีย เพราะไม่อยากสนใจเธออีก
นิวรามองคนตัวโตที่กำลังจัดการกับอาหารเช้า...ทุกสิ่งที่เธอกำลังทำ เธอคิดทบทวนมาทั้งคืน และไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นต่อไป เธอถือว่าตัวเองได้คิดมาดีแล้ว