บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 4

เวลาผ่านไปสักพัก ศิลาก็เงยหน้าขึ้นจากโทรศัพท์มือถือ และพบกับร่างบางที่นั่งสัปหงกอยู่ข้างๆ ศิลาที่เห็นแบบนั้นก็ค่อยๆดันใบหน้าหวานมาซบลงที่ไหล่ของตัวเอง

“นะ..!” สิงค์ทำท่าจะเรียกศิลา เมื่อของที่ศิลาสั่งมาถึงแล้ว และสิงค์ก็เป็นคนถือถุงเสื้อผ้ารวมไปถึงของใช้ส่วนตัวของตัวจิ๋วเข้ามาที่นี่ด้วยตัวเอง สิงค์ที่เห็นภาพของตัวจิ๋วที่นอนซบไหล่ของศิลาอยู่ก็ต้องชะงักคำพูดไป เมื่อเห็นสายตาดุดุที่ศิลามองมา

“เอาข้าวของไปวางไว้บนห้อง” ศิลาพูดสั่ง แต่น้ำเสียงไม่ได้ดังมากนัก เพราะกลัวคนที่ซบอยู่จะตื่น

“ให้ผมเอาไปไว้ที่ห้องรับแขกใช่มั้ยครับ” สิงค์ถามขึ้น

“ห้องกู”

สิงค์นิ่งอึ้งกับคำตอบของศิลาที่พูดมา เพราะแม้แต่สิงค์ที่เป็นคนสนิทของศิลา ยังเข้าห้องนั้นแทบนับครั้งได้

“หะ..ห้องนายหัวเหรอครับ!?”

“มึงจะไปได้รึยัง” ศิลาไม่ได้ตอบคำตอบของสิงค์ แต่เปลี่ยนเป็นถามกลับไปแทน พร้อมกับสายตานิ่งๆที่มองไป นั่นทำให้สิงค์รู้ว่าไม่ควรถามหรือพูดอะไรต่อ

“ครับนายหัว” สิงค์ก้มหัวลงนิดๆแล้วรีบเอาข้าวของทุกอย่างขึ้นไปไว้ข้างบนตามคำสั่งทันที

เมื่อสิงค์ขึ้นไปด้านบนแล้ว ศิลาก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วกดโทรสั่งงานลูกน้องเพื่อให้เอาปลาหมึก กุ้ง ปลาและหอยที่หามาได้ นำไปส่งที่ฝั่ง เพราะครบกำหนดวันนัดแล้ว

“เอ่อ..นายหัวครับ” สิงค์เดินลงมาจากด้านบนก็เอ่ยเรียกศิลาเสียงเบา ศิลาหันไปมองด้วยความสงสัยหลังจากที่กดวางสายแล้ว

“ผมเอาวางไว้ที่ข้างเตียงนะครับ”

“อืม”

“เอ่อ..แล้วเรื่องรังนกนางแอ่นที่เรากำลังคิดส่งออก นายหัวจะให้ผมสั่งพวกไอ้พร้าวไว้มั้ยครับ ว่าให้หาอุปกรณ์เผื่อไอ้จิ๋วด้วย” สิงค์ถามขึ้น ศิลานิ่งไปนิดแล้วตอบกลับด้วยน้ำเสียงปกติ

“ไม่ต้อง กูย้ายมันไปแผนกครัวแล้ว”

“แผนกครัว? แต่แผนกนี้คนมันเยอะแล้วไม่ใช่เหรอครับนายหัว แล้วแบบนี้..”

“กูจะเอาใครไปอยู่แผนกไหนมันก็เรื่องของกู มึงมีสิทธิ์ทำตามคำสั่งของกูเท่านั้น อย่าเสือกทำนอกเหนือคำสั่งก็พอ” ศิลาจ้องหน้าสิงค์เขม็ง สิงค์ก้มหน้าลงนิดๆ

“ครับนายหัว

“ส่วนเรื่องรังนกก็เอาไว้ก่อน พวกนายทุนหน้าเลือดมันจ้องจะกดราคากันอยู่ กูจะรอให้ช่วงนี้มันพ้นไปก่อนแล้วค่อยเริ่มเก็บรังนกที่อยู่ในถ้ำ” ศิลาพูดขึ้น ก่อนจะเริ่มรับรู้ถึงแรงขยับของคนข้างกาย ศิลายกมือลูบหัวเพื่อกล่อมให้ตัวจิ๋วหลับลง ซึ่งการกระทำของศิลาได้ตกอยู่ในสายตาของสิงค์ทั้งหมด เพียงแค่สิงค์ไม่ได้พูดอะไรเท่านั้น

“แล้วแบบนี้เราจะขายได้ราคาเหรอครับนายหัว” สิงค์ถามต่อ

“ยังไงพวกมันก็ต้องซื้อกับทางเราอยู่แล้ว เพราะที่อื่นคุณภาพมันไม่ได้เท่าที่นี่ แล้วอีกอย่าง..ทั้งประเทศก็มีอยู่แค่ไม่กี่จังหวัดที่มีรังนกแบบนี้”

“แล้วแต่ละที่ก็มีนายหัวเป็นหุ้นส่วนอยู่ด้วยทั้งนั้น..ผมพูดถูกมั้ยครับนายหัว” สิงค์พูดเสริมด้วยรอยยิ้มมุมปาก

“ใช่ กูถึงบอกไงว่ายังไงเราก็ได้อยู่ดี” ศิลายิ้มร้าย

“แล้วเงินที่ไอ้รุจมันติดหนี้เราอยู่ นายหัวจะให้ผมไปเก็บให้มั้ยครับ พอดีอีกไม่กี่วันผมต้องขึ้นฝั่งเพื่อไปคุยกับพวกนายทุนที่รอของจากเรา” สิงค์ถามขึ้นอย่างนึกได้ เพราะรุจคืออีกรายนึงที่มากู้เงินศิลาไปหลายล้าน ทุกเดือนๆศิลาจะให้คนไปหารุจที่ฝั่งเพื่อเก็บเงิน แต่สิงค์กับรุจนั้นค่อนข้างจะเป็นอริกันพอสมควร ด้วยเหตุเพราะทั้งคู่เคยมีปัญหาเรื่องเด็กหนุ่มคนเดียวกัน

“ไม่ต้อง เพราะถ้ากูปล่อยให้มึงไปเก็บเงินคนเดียว มึงไม่ได้กลับมาที่นี่แน่ ไอ้รุจมันร้ายกว่าที่มึงคิด คนเจ้าเล่ห์อย่างมัน ไม่มีทางจะเอาเงินให้มึงง่ายๆหรอก ทำอะไรมึงอย่าวู่วาม มึงต้องคิดหน้าคิดหลังให้ดี เพราะถ้ามึงก้าวขาเข้าไปแค่ข้างเดียว เปอร์เซ็นที่มึงจะรอดก็เหลือแค่ห้าสิบแล้ว” ศิลาพูดสอน สิงค์พยักหน้านิดๆ ถึงแม้ศิลาจะดูดุและนิ่ง แต่ศิลาก็เป็นห่วงลูกน้องทุกคนอยู่เสมอ แม้คำพูดบางคำจะดูร้ายกาจมากแค่ไหน แต่คนที่รู้จักตัวตนของศิลาจริงๆจะรับรู้ได้ว่า ภายใต้คำพูดร้ายๆของศิลา มีความเป็นห่วงซ่อนอยู่

“แล้วนายหัวจะให้ใครไปละครับ” สิงค์ถามขึ้น

“ไอ้มิ่ง”

สิงค์เบิกตากว้างนิดๆเมื่อได้ยินชื่อที่ออกจากปากของศิลา

“ตะ..แต่ไอ้มิ่งมันเป็นเมี..”

“ก็ถ้ามึงไม่อยากส่งไอ้มิ่งไป งั้นก็ส่งไอ้นนท์ไป..เอาไง?” ศิลาเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม และจ้องมองท่าทีของสิงค์ ที่ออกอาการอย่างเห็นได้ชัดว่าไม่ต้องการให้ส่งนนท์ไป

“กูมีทางเลือกให้มึงแค่นี้ มึงก็ตัดสินใจเอาแล้วกัน และไปบอกกับพวกมันเอง” ศิลามองสิงค์ที่ก้มหน้าลงอย่างเครียดๆ มุมปากของศิลาแอบยกยิ้ม ถึงเขาจะดูนิ่งๆเหมือนไม่สนใจอะไรลูกน้อง แต่ความจริงแล้วเขารู้ทุกอย่าง รวมทั้งความสัมพันธ์บางอย่างของสิงและนนท์ด้วย

“แต่นายหัวครับ ผมคิดว่า..เราควรส่งไอ้สนิมกับพวกของมันไปมากกว่านะครับ อย่างน้อยมันก็อาจจะต่อรองกับพวกไอ้รุจได้” สิงค์เสนอ

“มึงกลัวไอ้นนท์เดือดร้อนขนาดนั้นเลยเหรอวะ?” ศิลาเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม มุมปากของเขายกยิ้มขึ้นอย่างขำๆที่เห็นอาการร้อนรนของลูกน้องคนสนิท

“เปล่าครับนายหัว ผมแค่ดูจากลักษณะนิสัยของพวกมันน่ะครับ” สิงค์หลบสายตาที่ศิลามองมา นั่นทำให้ศิลารู้ได้ทันทีว่าสิงค์กำลังโกหก เพราะสิงค์ไม่เคยหลบสายตาเขาเวลาพูด

“ไอ้สิงค์..มึงกับกูรู้จักกับมากี่ปี” ศิลาถามเสียงนิ่ง

“สิบครับ” สิงค์ตอบ เพราะศิลามาสานธุรกิจต่อจากพ่อกับแม่ตั้งแต่อายุสิบแปด ส่วนพ่อแม่ของศิลานั้นก็เกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ ทำให้หน้าที่ทุกอย่างของพวกเขาตกมาอยู่ในมือของศิลา ส่วนสิงค์นั้นก็เป็นเพื่อนสนิทของศิลามาตั้งแต่สมัยเรียน ทำให้สิงค์และศิลานั้นรู้ทันกันอยู่เสมอ

ซึ่งช่วงเวลานั้นศิลาเองก็ยังใหม่มากกับทุกสิ่ง จนสิงค์ยื่นมือเข้ามาช่วยเพราะที่บ้านของสิงค์ก็ทำธุรกิจเกี่ยวกับการส่งออกอยู่เหมือนกัน นั่นทำให้สิงค์พอมีพื้นฐานความรู้มากพอสมควร หลังจากเวลาผ่านไปห้าปีทั้งคู่ก็ค่อยๆขยายธุรกิจมาด้วยกันจนมีเกาะเป็นของตัวเองจนถึงทุกวันนี้ เรียกได้ว่าสิงค์เหมือนคนสำคัญอีกคนนึงในเกาะแห่งนี้เลยก็ว่าได้ เพราะการตัดสินใจของสิงค์นั้นมีน้ำหนักพอๆกับศิลา และทุกคนต่างก็เกรงกลัวสิงค์มากพอสมควร

“มึงคิดว่ากูมองเรื่องของมึงกับไอ้นนท์ไม่ออกเหรอไง”

“ถ้านายหัวมองออก..ผมก็ขอให้นายหัวส่งพวกมันไปแทนนนท์นะครับ..นายหัวโอเครึเปล่า” สิงค์ถามศิลาเสียงนิ่ง ดวงตาของเขาประสานเข้ากับดวงตาคมของศิลาโดยไม่หลบสายตา ศิลาหัวเราะในลำคอนิดๆ

“กูยกหน้าที่นี้ให้มึงแล้ว มึงจะเอาใครไป หรือจะทำอะไร..มันก็เรื่องของมึง” ศิลากระตุกยิ้มมุมปาก และนั่นก็ทำให้สิงค์มีสีหน้าที่พอใจไม่น้อย เพราะเขาถือว่าตอนนี้ศิลาเปิดทางให้เขาได้ทำในสิ่งที่ต้องการแล้ว

พวกเขาทั้งสองไม่ได้รู้สึกโกรธหรือเกลียดกลุ่มของสนิม เพียงแค่คนบางคนมันก็อาจจะเหมาะกับงานแค่บางงานจริงๆเท่านั้นเอง..

“แล้ว..” สิงค์มองเลยไปยังตัวจิ๋วที่หลับอยู่บนไหล่แกร่งของศิลา

“อีกสองชั่วโมงจะถึงเวลาแล้ว มึงไปบอกให้ทุกคนเตรียมตัวแล้วกัน” ศิลาพูดสั่ง เพราะนี่ใกล้เวลาที่เขาต้องแนะนำตัวจิ๋วให้ทุกคนได้รู้จัก สิงค์เองก็รู้ว่านายหัวของเขาต้องการที่จะเปลี่ยนเรื่อง เขาเลยไม่ได้พูดอะไรต่อ

“ครับนายหัว”

เมื่อสิงค์เดินออกไปแล้ว ศิลาจึงหันไปมองทางตัวจิ๋วอีกครั้ง มือหนาค่อยๆจับไปที่ไหล่เล็กแล้วเขย่าเบาๆเพื่อปลุก

“ตื่นได้แล้ว”

เฮือก!

ตัวจิ๋วลืมตาตื่นด้วยความตกใจแล้วรีบขยับถอยหนีไปอยู่อีกมุมของโซฟาทันทีด้วยความหวาดกลัว แต่พอเขาเห็นว่าคนตรงหน้าคือศิลา ความกลัวเมื่อสักครู่ก็หายไปทันที

ศิลามองท่าทางที่หวาดกลัวของตัวจิ๋วด้วยความสงสัย คิ้วหนาขมวดเข้าหากันนิดๆ

“ผะ..ผมขอโทษครับ” ตัวจิ๋วบอกกับศิลาด้วยความรู้สึกผิด เขารู้ดีว่าสิ่งที่ตัวเองทำเมื่อกี้มันดูแปลกมากแค่ไหน แต่ด้วยความที่เขามักจะโดนแม่แท้ๆของเขาทุบตีบ่อยๆเวลาที่เขาหลับ เพราะเธอต้องการให้เขาออกไปหางานทำ ถึงแม้เขาจะพึ่งกลับมาจากทำงานก็ตาม นี่มันเลยเป็นสาเหตุที่เขามักจะตกใจอยู่เสมอเวลาที่หลับและมีคนสัมผัสร่างกาย

“ข้าวของทุกอย่างของมึงอยู่ข้างบน ขึ้นไปจัดการให้เรียบร้อย อ่อ..อาบน้ำใหม่ด้วยล่ะ ส่วนเสื้อผ้าที่มึงใส่อยู่ก็เอาไปทิ้งซะ” ศิลาพูดบอก ถึงแม้เขาจะอยากรู้เรื่องราวที่ทำให้คนตรงหน้ามีท่าทีที่หวาดกลัวอยู่ตลอดเวลาอย่างนี้ก็ตาม แต่เขารู้ว่าตอนนี้เขาไม่ควรที่จะถามอะไรออกไป เขาเลยเปลี่ยนเรื่องเพื่อให้คนตรงหน้าลืมเรื่องราวที่ได้ทำเมื่อกี้ไปก่อน

“เอ่อ..ไม่ต้องทิ้งก็ได้ครับนายหัว มันยังพอใส่ได้อยู่เลยครับ”

“กูสั่ง” ศิลาจ้องหน้าตัวจิ๋วนิ่งๆ นั่นทำให้ตัวจิ๋วไม่พูดค้านอะไรอีก

“ขอบคุณสำหรับเสื้อผ้าครับ” ตัวจิ๋วยกมือไหว้ขอบคุณศิลา ศิลามองใบหน้าหวานที่เอาแต่ก้มหน้ามองพื้นนิ่งๆ

“ไม่มีใครสอนเหรอว่าเวลาขอบคุณผู้ใหญ่ให้มองหน้า ไม่ใช่มองพื้น”

ตัวจิ๋วค่อยๆเงยหน้ามองร่างสูงนิดๆ

“ขอบคุณครับ” ตัวจิ๋วพูดขึ้นอีกครั้ง ศิลาพยักหน้าตอบกลับไป

“ทำอะไรเสร็จแล้วก็ให้รีบลงมา เดี๋ยวกูจะพาไปแนะนำให้ทุกคนรู้จัก”

“เอ่อ..ครับ” ตัวจิ๋วพยักหน้า

“ไปสิ ยังจะนั่งอยู่ทำไม”

ตัวจิ๋วรีบลุกขึ้นแล้วเดินไปที่บันได เพื่อจัดการทุกอย่างตามที่ศิลาบอก

“ห้องอยู่ซ้ายมือ ริมสุด” ศิลาพูดตามหลังไป

เมื่อตัวจิ๋วเห็นห้องที่ศิลาบอก เขาก็เปิดประตูแล้วเดินเข้าไปทันที ภาพแรกที่ตัวจิ๋วเห็นตรงหน้า คือถุงผ้ามากมายวางอยู่ที่พื้น

“นะ..นี่มันอะไรกันเนี้ย” ตัวจิ๋วอ้าปากค้างแล้วเดินไปดูทันที ข้างในถุงมีเสื้อและกางเกง รวมไปถึงกางเกงชั้นในหลายสิบชุด อีกทั้งแปรงสีฟัน ยาสีฟันและข้าวของอื่นๆด้วย

“ทำไมดูแพงจัง”

ตัวจิ๋วหยิบเสื้อผ้าที่อยู่ทุกถุงขึ้นมาและหันมองหาตู้เสื้อผ้าที่จะเอาไปใส่ เขาเดินไปหยุดอยู่ที่ตู้ไม้สีน้ำตาลอ่อนลายสวยตู้หนึ่งที่อยู่ตรงหน้า ตัวจิ๋ววางเสื้อผ้ากองไปที่พื้น และเปิดตู้ออก เขาพบกับเสื้อผ้าของร่างสูงที่อยู่เต็มตู้ แต่ก็มีที่ว่างเหลืออยู่ประมาณนึง ซึ่งเขาไม่กล้าที่จะเอาเสื้อผ้าของตัวเองแทรกเข้าไป

“อืม..แบบนี้เสื้อผ้าเราจะเอาไว้ไหนดีละ” ตัวจิ๋วนิ่งคิดพร้อมกับมองเสื้อผ้าที่กองอยู่ พลันสายตาของตัวจิ๋วก็เหลือบไปเห็นตะกร้าไม้เปล่าๆที่วางอยู่มุมห้อง รอยยิ้มของตัวจิ๋วผุดขึ้นทันทีแล้วเอาเสื้อผ้าของตัวเองไปใส่ไว้ในนั้น

“เราเอาเสื้อตัวนี้กับกางเกงตัวนี้ใส่ไปดีกว่า..เท่านี้ก็เรียบร้อย” ตัวจิ๋วพูดพร้อมกับดึงเสื้อเชิ้ตสีชมพูอ่อนกับกางเกงขาเดฟสีน้ำเงินอ่อนขึ้นมา รวมไปถึงชั้นในสีขาวด้วย

“เก่งจริงๆตัวจิ๋ว แค่นี้เราก็ไม่ต้องรบกวนนายหัวแล้ว” ตัวจิ๋วพูดออกมาอย่างภูมิใจ

“ทีนี้ก็ไปอาบน้ำแล้วลงไปหานายหัวดีกว่า เดี๋ยวเขาจะคอย” เมื่อพูดจบตัวจิ๋วก็หยิบของทีเหลือของตัวเองเอาเข้าไปในห้องน้ำทันที

..

..

หลังจากที่ตัวจิ๋วทำทุกอย่างเสร็จแล้ว เขาก็ค่อยเดินลงมาข้างล่างและเดินตรงเข้าไปหาศิลาที่นั่งดูอะไรบางอย่างในโทรศัพท์อยู่

“เอ่อ..นายหัวครับ” ตัวจิ๋วเรียกศิลาอย่างกล้าๆกลัวๆ ศิลาลุกขึ้นแล้วหันหน้าไปมองตัวจิ๋วทันที พร้อมกับมองร่างบางตั้งแต่หัวจรดเท้า

“นี่แต่งตัวอะไรของมึง จะไปเดินห้างรึไง..ไปเปลี่ยน!” ศิลาพูดดุ ตัวจิ๋วหน้าเจื่อนเมื่อโดนต่อว่า เขาก้มมองการแต่งตัวของตัวเองนิดๆ

“คือ..ผมไม่รู้ว่าต้องแต่งตัวยังไงอ่ะครับ” ร่างบางพูดเสียงแผ่ว ศิลาถอนหายใจออกมาหนักๆแล้วดึงแขนเล็กให้ตามขึ้นไปข้างบนทันที

เมื่อเปิดเข้าไปในห้อง ศิลาก็ต้องขมวดคิ้วเมื่อเห็นเสื้อผ้ามากมายวางอยู่ในตะกร้า เขาปล่อยมือของร่างบางออกแล้วเดินเข้าไปดูใกล้ๆ

“นี่มึงอย่าบอกนะว่าเสื้อผ้าของมึง..เอามาใส่ไว้ในนี้” ศิลาขมวดคิ้วหันไปถามตัวจิ๋วเสียงเข้ม ตัวจิ๋วหันไปมองตามที่ศิลาพูด

“ใช่แล้วครับ ผมไม่อยากทำให้นายหัวลำบากก็เลยเอาของตัวเองย้ายมาอยู่ตรงนี้” ตัวจิ๋วหันไปมองศิลาแล้วยิ้มกว้าง แต่ก็ต้องหน้าเจื่อนขึ้นมาอีกครั้งเมื่อประโยคต่อไปของศิลาที่พูดกับเขา

“ตะกร้าอันนี้มันเป็นตะกร้าที่เอาไว้ซัก! มันไม่ได้เอาไว้ให้มึงใส่เสื้อผ้าที่ยังไม่ได้ใส่”

“อะ..อ่าว..เหรอครับ” ตัวจิ๋วหันไปมองที่ตะกร้าอีกครั้งด้วยความรู้สึกผิด ศิลาถอนหายใจออกมาหนักๆ

“หยิบเสื้อผ้าของมึงทั้งหมดแล้วเอาไปไว้ในตู้ เดี๋ยว นี้!” ศิลาชี้ไปที่ตู้เสื้อผ้าของตนเอง ตัวจิ๋วรีบกุลีกุจอหยิบเสื้อผ้าทั้งหมดขึ้นมาทันที

“ตะ..แต่ในนี้มีเสื้อผ้าของนายหัวอยู่แล้วนะครับ” ตัวจิ๋วถามขึ้น

“เอาไปใส่ไว้ในตู้” ศิลาพูดย้ำอีกครั้ง นั่นทำให้ตัวจิ๋วจำต้องทำตามที่ศิลาบอก เขาหยิบไม้แขวนที่มันวางเป็นระเบียบอยู่ข้างนอกตู้มาสวมที่เสื้อและกางเกงของตัวเองแล้วใส่ในตู้ทีละตัว

“ละ..แล้วชั้นใน..” ตัวจิ๋วหยิบชั้นในห้าหกตัวขึ้นมาแล้วชูให้ศิลาเห็น

“มึงจะหยิบให้กูดูทำไม เอาใส่ไปในช่องล่าง” ศิลาพูดดุอีกครั้ง ตัวจิ๋วหลบสายตาของศิลาแล้วทำตามที่บอกทันที

“เรียบร้อยแล้วครับ” ตัวจิ๋วหันไปยิ้มแห้งให้กับร่างสูงที่ยืนมองเขาอยู่

“เสื้อผ้ามีแบบอื่นมั้ย” ศิลาถามขึ้น ตัวจิ๋วหันไปมองในตู้ของตัวเองอีกครั้งก็พยักหน้าตอบกลับไป เมื่อเห็นเสื้อสีชมพูคอกลมแขนสั้น กับกางเกงเอวสูงสีเทาเข้ม เขาหยิบออกมาจากตู้แล้วชูให้ศิลาดู

“นี่ครับ”

“มีแต่แบบนี้?” ศิลาขมวดคิ้วแล้วเดินเข้าไปหาตัวจิ๋วทันทีเพื่อดูเสื้อผ้าที่อยู่ด้านใน และพบว่ามันมีแต่แบบนี้จริงๆ ซึ่งเสื้อผ้าที่ศิลาเห็น มันไม่เหมาะที่จะใส่ลุยอะไรเลยทั้งสิ้น นอกจากใส่ไปเที่ยวอย่างเดียวเท่านั้น ศิลาถอนหายใจออกมาอีกครั้ง เขาคงต้องไปเลือกเสื้อผ้าให้ร่างบางด้วยตัวเองแล้วล่ะ

“มึงเอาตัวที่ถืออยู่ไปใส่ให้เรียบร้อยไป วันพรุ่งนี้ค่อยใส่อีกแบบนึง” ศิลาพูดบอกแล้วปิดตู้เสื้อผ้าให้เรียบร้อย

“ครับ” ตัวจิ๋วตอบรับ แล้วจัดการถอดเสื้อผ้าของตัวเองออกทันที รวมทั้งกางเกงที่ใส่อยู่ด้วย

“มึงทำอะไรเนี้ย!” ศิลาเบิกตากว้างด้วยความตกใจ เมื่อหันไปเห็นผิวขาวเนียนที่อยู่ตรงหน้า ซึ่งมีเพียงชั้นในเท่านั้นที่ปกปิดแท่งร้อนของตัวจิ๋วเอาไว้ แต่นั่นมันก็ทำให้ศิลารับรู้ถึงขนาดของมันได้ไม่ยาก สายตาของศิลาไล่มองตั้งแต่ลำคอขาวจนกระทั่งขาเนียนที่กำลังยกใส่กางเกง

ตัวจิ๋วสะดุ้งนิดๆด้วยความตกใจเมื่อได้ยินเสียงโวยวายของศิลา ขาทั้งสองข้างของตัวจิ๋วชะงักไป

“กะ..ก็เปลี่ยนเสื้อผ้าไงครับ” ตัวจิ๋วกระพริบตาปริบๆมองศิลาด้วยความสงสัย

“แล้วทำไมมึงไม่ไปเปลี่ยนในห้องน้ำ” ศิลาถามเสียงเข้ม เขาพยายามอย่างมากที่จะมองเพียงแค่ใบหน้าหวาน แต่สายตาเจ้ากรรมก็ดันก้มมองไปที่หน้าอกขาวที่มีเม็ดสีชมพูสีสวยอยู่ตรงนั้น ร่างสูงเผลอกลืนน้ำลายลงคอนิดๆแล้วหันหน้าไปมองทางอื่น

“เอ่อ..ผมลืมอ่ะ” ตัวจิ๋วยิ้มแหยๆเมื่อนึกขึ้นได้ เขาหยิบเสื้อกับกางเกงมาถือเอาไว้แล้วทำท่าจะเดินไปที่ห้องน้ำ แต่เสียงเรียกของศิลาก็พูดห้ามเอาไว้ก่อน

“เดี๋ยว”

“ครับ?”

“มึงเปลี่ยนตรงนี้แหละ” ศิลาหันกลับไปมองร่างบางแล้วพูดขึ้น ตัวจิ๋วถึงแม้จะแปลกใจกับคำพูดทีเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาของศิลาแต่ก็ยอมทำตามที่อีกฝ่ายบอก เขาหันหลังให้กับร่างสูงเพื่อวางเสื้อผ้าบนที่นอน ก่อนจะหยิบเสื้อมาสวมใส่

“เดี๋ยวกูใส่ให้” ศิลากระซิบบอกที่ข้างหู

แต่ยังไม่ทันที่ตัวจิ๋วจะหันไปปฎิเสธด้วยความเกรงใจ เขาก็รู้สึกถึงแผ่นหลังกว้างมายืนประชิดตัวแล้ว พร้อมกับท่อนแขนของศิลาที่เอื้อมมือจับเสื้อที่อยู่ในมือของเขา ลมหายใจอุ่นๆเปารดต้นคอ จนตัวจิ๋วรู้สึกขนลุกซู่

“ผะ..ผมใส่เองได้ครับ” ตัวจิ๋วพูดเสียงสั่น

“ถ้าให้มึงใส่เอง ชาตินี้คงไม่ได้ใส่ อย่าเรื่องมากนักได้มั้ย มึงรู้เหรอว่าเสื้อที่มึงใส่ ด้านไหนเป็นด้านหน้าหรือด้านหลัง” ศิลาถามขึ้น นั่นทำให้ตัวจิ๋วมองเสื้อในมือที่ถืออยู่ และเขาก็พบว่าลายที่อยู่บนเสื้อมันมีทั้งสองด้าน

“จริงด้วยครับ ถ้างั้น..นายหัวใส่ให้ผมก็ได้ครับ..ขอบคุณครับ” ตัวจิ๋วหันไปบอกกับศิลาด้วยรอยยิ้ม โดยใบหน้าของศิลานั้นอยู่ตรงไหล่เล็ก ซึ่งตัวจิ๋วก็ไม่ได้รู้สึกแปลกแต่อย่างใด เพราะคิดว่าศิลาต้องการช่วยเหลือเขาจริงๆ

ศิลายกยิ้มมุมปากแล้วจับเสื้อใส่ให้ร่างบางตามที่ได้บอกเอาไว้ ตัวจิ๋วยกแขนขึ้นเพื่อสวมใส่ ร่างกายของตัวจิ๋วเซไปทางด้านหลังเล็กน้อย โดยมีอกแกร่งของศิลารองรับอยู่ด้านหลัง

“ขะ..ขอโทษครับ” ตัวจิ๋วหันไปเอ่ยคำขอโทษที่ล้มไปโดนร่างสูง มือของศิลาคองประคองเอวบางเอาไว้

“ไม่เป็นไร” ศิลาพูดบอกแล้วลูบเอวบางเบาๆ กลิ่นหอมที่มาจากกายของตัวจิ๋วทำให้ศิลาค่อยๆเข้าไปสูดดมที่หลังคอ

“มะ..มีอะไรเหรอครับ” ตัวจิ๋วถามด้วยความสงสัย เมื่อรู้สึกว่าศิลากำลังทำอะไรบางอย่างกับท้ายทอยของเขา

“มึงใช้ครีมอาบน้ำยี่ห้ออะไร ทำไมหอมจัง” ศิลาใช้ปลายจมูกสัมผัสที่ท้ายทอยไปมา

“ก็น่าจะใช้ยี่ห้อเดียวกับนายหัวนะครับ” ตัวจิ๋วหันหน้าไปมองศิลานิดๆ

“อืม..” ศิลายังคงสูดกลิ่นหอมอยู่แบบนั้น

“นะ..นายหัวครับ” ตัวจิ๋วเริ่มรู้สึกถึงความแปลกในสิ่งที่ศิลาทำ

“ว่า” มือของศิลาค่อยๆเลื่อนไปลูบหน้าท้องที่แบนราบของตัวจิ๋ว

“คือว่า..ผมยังไม่ได้ใส่กางเกง” ตัวจิ๋วกัดปากตัวเองนิดๆ ตอนนี้เขารู้สึกงุนงงกับร่างกายตัวเองมากกว่า ว่าทำไมถึงได้มีความรู้สึกแปลกๆกับสิ่งที่ศิลาทำ

ศิลาชะงักเมื่อได้ยิน เขาค่อยๆผละออกจากร่างกายหอมอย่างนึกเสียดายนิดๆ แต่ก็แอบรู้สึกดีที่ร่างบางเอ่ยทักขึ้นมาเสียก่อน ไม่อย่างนั้นอาจจะเลยเถิดมากกว่านี้แน่นอน

“ใส่กางเกงเสร็จก็ตามกูลงไปข้างล่าง” ศิลากลับมาพูดเสียงนิ่งตามเดิม แล้วปล่อยเอวบางพร้อมกับหันหลังเดินออกจากห้องไป

+++++++++++++++

#นายหัวจะทำอะไรน้อง! อีแม่บ่ยอมมมเด้ออ!!!

 

 

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel