ตอนที่ 3
เมื่อตัวจิ๋วเดินตามศิลาเข้าไปในบ้าน ก็ต้องรู้สึกตื่นตลึงกับความใหญ่โตของตัวบ้าน ที่เขาไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะอยู่คนเดียวได้
“บ้านของคุณใหญ่จังครับ” ตัวจิ๋วพึมพำแล้วมองไปรอบๆอย่างสำรวจ โดยไม่ได้มองเลยว่าตอนนี้ตัวเองกำลังชนเข้ากับแผ่นหลังของศิลาที่ยืนนิ่งอยู่
พลั่ก!
“อะ..เอ่อ..”
“ซุ่มซ่าม! หัดดูซ้ายดูขวาบ้างได้มั้ย คิดว่าเดินอยู่ในบ้านตัวเองอย่างนั้นสิ!?” ศิลาตำหนิดุดุ ตัวจิ๋วก้มหน้าลงนิดๆด้วยความรู้สึกผิด
“ผมขอโทษครับ”
ศิลานิ่งไปเมื่อได้ยินคำขอโทษและท่าทางที่สำนึกผิดของคนตรงหน้า ความจริงเขาเองก็ไม่ได้รู้สึกโกรธอะไรร่างบางเลย แค่รู้สึกไม่ค่อยชอบใจเท่าไหร่ ที่อีกฝ่ายไม่ระวังจนทำให้ตัวเองเจ็บตัวแบบนี้
“ไปรอกูที่โซฟา กูจะขึ้นไปเอาของ” ศิลาพูดเสียงนิ่ง แล้วเดินแยกที่อีกทางทันที ทิ้งให้ตัวจิ๋วได้แต่มองตามไปด้วยความรู้สึกผิดอยู่แบบนั้น
“เฮ้อออ โดนดุอีกแล้วตัวจิ๋ว” ตัวจิ๋วถอนหายใจออกมาหนักๆ แล้วรีบเดินไปตามที่ศิลาบอก
“เขาจะให้เราไปอยู่ที่อื่นหรือเปล่านะ” ตัวจิ๋วคิดด้วยความกังวล แต่ก็เดินไปตามที่ศิลาบอก
ตัวจิ๋วนั่งรอสักพักก็เห็นร่างของศิลาเดินเข้ามา พร้อมกับเอกสารในมือหนึ่งแผ่น ตัวจิ๋วมองด้วยความสงสัย
“นี่เป็นเอกสารสมัครงาน เอาไปอ่านให้เรียบร้อยแล้วเซ็นซะ” ศิลาพูดบอก แล้วโยนเอกสารไปที่โต๊ะตรงหน้าของตัวจิ๋ว ตัวจิ๋วรับมาเปิดอ่านอย่างงงๆ
“เงินเดือนสองหมื่นเหรอครับ!?” ตัวจิ๋วถามด้วยความตกใจ เพราะเขาไม่เคยได้เงินเดือนที่มันมากมายขนาดนี้มาก่อน
“อืม”
“ละ..แล้วต้องทำอะไรบ้างเหรอครับ ทำเยอะหรือเปล่า มีวันหยุดมั้ยครับ” คำถามรัวๆออกมาจากปากเล็กที่ขี้สงสัย
“อ่านให้ละเอียด” ศิลาพูดเสียงเข้ม แล้วชี้ไปที่กระดาษบนมือของร่างบาง ตัวจิ๋วยิ้มแหยๆแล้วอ่านบรรทัดต่อจากเงินเดือน
“เป็นพ่อบ้าน คอยดูแลเรื่องอาหารการกิน..แค่นี้เหรอครับ?” ตัวจิ๋วเงยหน้าแล้วถามด้วยความสงสัย ปนตกใจในหน้าที่ที่เขียนอยู่ไม่น้อย
“คนงานเกือบสี่ร้อยที่อยู่ที่นี่ อาหารมีไม่จำกัด ทุกคนสามารถกินได้ตลอดเวลา..มึงคิดว่างานที่ให้เป็นงานแค่นี้งั้นเหรอ?” ศิลาถามกลับไป นั่นทำให้ตัวจิ๋วนิ่งคิดตาม
“จริงด้วยครับ แสดงว่างานที่นี่ต้องหนักมากแน่ๆ” ตัวจิ๋วพยักหน้าตอบกลับไป เมื่อพูดในสิ่งที่คิดออกมา ซึ่งศิลาเองก็ไม่ได้คิดจะต่อประโยคที่อีกฝ่ายพูดขึ้น
“ห้องพักใหม่เป็นยังไง อยู่ได้รึเปล่า” เสียงนิ่งๆของศิลาถามขึ้น ตัวจิ๋วยิ้มบางๆแล้วเม้มปากเล็กน้อย
“ทำยังไงดี..ถ้าเราโกหก คุณศิลาเขาจะจับเราได้หรือเปล่า และ..ถ้าเราบอกความจริงออกไป เขาจะดุเรารึเปล่าเนี้ย” ตัวจิ๋วคิดในใจด้วยความกังวล
“ตกลงจะตอบคำถามกูได้รึยัง” ศิลาขมวดคิ้วมองคนตรงหน้าที่มีท่าทีที่อึกอักเหมือนไม่กล้าพูดอะไรบางอย่าง
“ถ้าคิดจะทำงานกับกู..กฎข้อนึงที่มึงต้องรู้เอาไวก็คือ กู..ไม่ชอบคนโกหก”
ตัวจิ๋วเหลือบตามองศิลานิดๆแล้วพูดตอบกลับไปเสียงแผ่ว
“คือ..ผมไม่ได้นอนที่นั่นครับ พี่มิ่ง..เขาให้ผมไปนอนด้วย”
ศิลาเมื่อได้ยินก็ขมวดคิ้วแล้วจ้องหน้าตัวจิ๋วเขม็ง
“ใครสั่งให้มึงไป!”
ตัวจิ๋วสะดุ้งเฮือกด้วยความตกใจ น้ำตาของเขาเอ่อคลอขึ้นโดยอัตโนมัติด้วยความกลัว เพราะน้ำเสียงของศิลานั้นทั้งดุและก็ทั้งนิ่ง
“ผะ..ผม..คะ..คือผม..”
“แล้วเสื้อผ้าพวกนี้ อย่าบอกนะ..” ศิลาจ้องมองตัวจิ๋วตั้งแต่หัวจรดเท้า ตัวจิ๋วก้มหน้างุดแล้วพยายามกลืนก้อนสะอึกที่อยู่ตรงคอ
ศิลาเมื่อเห็นท่าทางที่เริ่มหวาดกลัวของเด็กหนุ่ม เขาก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆเพื่อให้ตัวเองใจเย็นลง พร้อมกับลุกขึ้นเพื่อโทรหาสิงค์ ตัวจิ๋วสะดุ้งเฮือกด้วยความตกใจเมื่อจู่ๆศิลาก็ลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว
“ใครให้มันไปนอนกับไอ้มิ่ง..แต่กูไม่ได้สั่ง!..บอกมันด้วยว่าเรื่องของไอ้เด็กนี่ มันไม่ต้องยุ่ง เดี๋ยวกูจัดการเอง..มึงมาที่บ้านกูด้วย..ทำตามที่กูบอกก็พอ..บอกมันด้วยว่าถ้าทำนอกเหนือคำสั่งกูอีก กูจะส่งมันไปกลางทะเล” ศิลาพูดเสียงเข้ม ก่อนจะกดวางไป พร้อมกับหันไปมองทางตัวจิ๋วอีกครั้ง ซึ่งตัวจิ๋วนั้นก็กำลังมองมาที่เขาอยู่พอดี
“มะ..หมายความว่า..” ตัวจิ๋วที่ได้ยินบทสนทนาทั้งหมด ตั้งท่าจะถามศิลาด้วยความไม่แน่ใจกับสิ่งที่เขาได้รู้เมื่อสักครู่
“มึงต้องมาอยู่กับกูที่นี่”
ตัวจิ๋วเบิกตากว้างด้วยความตกใจเมื่อได้ยิน
“ยะ..อยู่ที่นี่เหรอครับ!!”
“ใช่ ทำไม..มึงมีปัญหาอะไร” ศิลาถามขึ้น
“ผะ..ผมไม่อยู่ได้มั้ยครับ” ตัวจิ๋วถามเสียงแผ่วด้วยความกลัว
“มึงกล้าขัดคำสั่งกู?” ศิลาเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม ตัวจิ๋วเงยหน้ามองศิลาอีกครั้ง น้ำตาของเขาที่มันเอ่อคลออยู่เริ่มจะไหลลงมาเพราะรู้สึกกลัว ทั้งสีหน้าแววตา รวมไปถึงน้ำเสียงของศิลามันช่างดูนิ่งและเย็นชาจนน่ากลัว
“ผะ..ผม..คือ..” ตัวจิ๋วกัดปากเพื่อกลั้นก้อนสะอึก ศิลาที่เห็นแบบนั้นก็ขมวดคิ้วด้วยความไม่พอใจ เขาเป็นคนที่เกลียดน้ำตามากที่สุด เพราะมันแสดงถึงความอ่อนแอ ซึ่งเขาไม่ชอบอยู่กับคนแบบนั้น
“ถ้ามึงยังร้องไห้อีก มึงก็อยู่ที่นี่ไม่ได้ เพราะ..กูเกลียดน้ำตา”
ตัวจิ๋วรีบเช็ดน้ำตาที่มันไหลอาบแก้มอยู่ทันที
“เป็นผู้ชาย แต่ร้องไห้ง่ายๆเหมือนผู้หญิงแบบนี้ กูว่ามึงคงทำงานที่นี่ยากแล้วละ” ศิลาพูดเสียงนิ่งๆ แล้วลุกขึ้นยืนโดยไม่พูดอะไรต่อ เพราะเขาอยากรู้ว่า ถ้าหากเขาแสดงท่าทีออกมาแบบนั้น แล้วอีกฝ่ายจะทำยังไงต่อไป จะหลีกหนีแบบคนขี้ขลาดหรือจะลุกขึ้นสู้กับความกลัวของตัวเอง
ตัวจิ๋วที่เห็นแบบนั้นก็เริ่มใจเสีย สิ่งที่เขากลัวมากที่สุดคือการที่ได้กลับไปยังสถานที่เดิมที่เขาจากมา ซึ่งมันน่ากลัวมากกว่าคนตรงหน้าเสียอีก ตัวจิ๋วเริ่มลุกขึ้นยืนแล้วเดินเข้าไปใกล้ศิลาอย่างกล้าๆกลัวๆ ซึ่งศิลาเองก็รับรู้ว่ามีคนยืนอยู่ทางด้านหลังตนเอง แต่เขาเลือกที่จะยืนนิ่งๆแล้วรอดูมากกว่า
“ผะ..ผมอยู่ที่นี่กับคุณศิลาก็ได้ครับ แต่..คุณศิลาอย่าไล่ผมไปไหนเลยนะ” ตัวจิ๋วพูดอย่างอ้อนวอน แต่สิ่งที่เขาได้กลับมาก็คือความเงียบของร่างสูงที่ยืนอยู่ตรงหน้า ตัวจิ๋วเม้มปากแล้วรีบเช็ดน้ำตาที่มันไหลลงมาอีกครั้ง เขามองมือหนาที่อยู่ตรงหน้าอย่างชั่งใจ แต่แล้วความกลัวที่จะได้กลับไปอยู่ที่เดิม มันดันมีมากกว่าความกลัวจากคนตรงหน้า เลยทำให้ตัวจิ๋วค่อยๆยื่นมือของตัวเองเข้าไปจับมือของศิลาเอาไว้ นั่นทำให้ศิลานิ่งอึ้งด้วยความตกใจเพราะไม่เคยมีใครกล้าทำกับนายหัวอย่างเขามาก่อน ศิลาก้มมองมือที่ถูกจับอยู่ด้วยสายตาบางอย่าง
“ผมขอโทษครับที่ร้องไห้” ตัวจิ๋วพูดด้วยความรู้สึกผิด น้ำตาของเขาก็ยังคงไหลลงมาอาบแก้มทั้งสองข้าง โดยไม่มีทีท่าว่าจะหยุดไหลเลยแม้แต่น้อย
ศิลาค่อยๆหันหน้าไปมองทางด้านหลัง และเขาก็พบว่าร่างบางกำลังเช็ดน้ำตาตัวเองอยู่ เมื่อตัวจิ๋วเห็นว่าศิลาหันหน้ามา ก็รีบเช็ดน้ำตาออกทันทีเพราะกลัวศิลาจะโมโหหรือไม่พอใจอีก
“มึงจะรีบเช็ดอะไรขนาดนั้น หน้าแดงหมดแล้วเนี้ย” ศิลาขมวดคิ้วแล้วพูดดุ พร้อมกับใช้มืออีกข้างที่ว่างอยู่จับไปที่มือของตัวจิ๋วเพื่อให้หยุดเช็ดน้ำตาตัวเอง
“ผะ..ผมขอโทษครับ” ตัวจิ๋วก้มหน้าด้วยความรู้สึกผิด ศิลาถอนหายใจออกมาหนักๆแล้วพาร่างบางเดินออกไปข้างนอก พอดีกับที่สิงค์เดินเข้ามาหาพวกเขาพอดี และภาพที่สิงค์เห็นตรงหน้าก็ทำให้เขารู้สึกตกใจขึ้นมาไม่น้อย เพราะนายหัวแห่งเกาะXXXกำลังจับมือกับเด็กหนุ่มที่พึ่งเจอกันวันแรก แถมยังพากันเดินมาหาเขาโดยไม่ได้รู้สึกแปลกกับมือที่กำลังจับกันอยู่เลยแม้แต่น้อย
“เอ่อ..นายหัวเรียกผมมามีอะไรหรือเปล่าครับ” สิงค์ถามขึ้น และพยายามไม่สนใจมือของทั้งคู่ที่กำลังจับกันอยู่
“วันนี้กูจะประชุมใหญ่ ให้ทุกคนไปรอที่หลังสวนให้เรียบร้อย ห้าโมงตรงกูจะพามันออกไป” ศิลาสั่งเสียงเรียบนิ่ง นั่นก็ทำให้สิงค์รับรู้ได้ทันทีว่าศิลาคิดจะทำอะไร
“แล้วพวกข้าวของ..”
“สั่งคนของเราจัดการให้เรียบร้อย กูต้องการไม่เกินสองชั่วโมง ทุกอย่างจะต้องส่งมาที่นี่”
ตัวจิ๋วเบิกตากว้างด้วยความตกใจเมื่อได้ยิน เขาขยับเข้าไปใกล้ศิลานิดๆแล้วกระซิบบอกด้วยความเกรงใจ
“ผมใส่ตัวเดิมได้ครับคุณศิลา”
“นายหัว” ศิลาหันไปจ้องหน้าตัวจิ๋วนิ่งๆ แล้วส่งสายตาเพื่อบอกเป็นนัยๆว่าให้เรียกตามที่เขาพูดเมื่อกี้
“เอ่อ..คุณเรียกตัวเองทำไมเหรอครับ?” ตัวจิ๋วกระพริบตาปริบๆมองศิลาด้วยความไม่เข้าใจ
สิงค์หันหน้าไปอีกทางแล้วแอบยิ้มขำเมื่อเจอความซื่อของตัวจิ๋ว ศิลาถอนหายใจออกมานิดๆ
“เรียกกูว่านายหัว”
“อ๋อ..เอ๊ะ! แล้วทำไมเรียกคุณศิลาไม่ได้เหรอครับ ผมว่ามันสุภาพกว่าเยอะเลยนะ” ตัวจิ๋วถามด้วยความไม่เข้าใจ
“ไอ้จิ๋ว” สิงค์พูดปราม เมื่อเห็นว่าตัวจิ๋วเริ่มก้าวร้าวใส่นายหัวของพวกเขา
“กูสะดวกที่จะให้เรียกแบบนี้ ใครจะทำไม” ศิลาเลิกคิ้วใส่ตัวจิ๋วนิดๆ นั่นทำให้ตัวจิ๋วนิ่งไป ศิลาจึงหันหน้าไปมองทางสิงค์อีกครั้ง
“จัดการตามที่กูบอก ถ้าเกินสองชั่วโมงแล้วกูยังไม่ได้ของ..มึงรู้ใช่มั้ยว่าต้องทำยังไง” ศิลาจ้องหน้าสิงค์นิ่ง สิงค์พยักหน้าแล้วรีบไปจัดการตามที่ศิลาบอกทันที ก่อนที่คนอื่นๆจะเดือดร้อนกันไปมากกว่านี้
“ผมเกรงใจครับคุณ..”
“นายหัว” ตัวจิ๋วรีบเปลี่ยนคำพูดทันที เมื่อเห็นสายตาดุดุของศิลาที่มองมา
“เก็บความเกรงใจของมึงเอาไว้ใช้กับตัวมึงเองเถอะ อยู่ที่นี่มึงยังต้องเจออะไรอีกเยอะ เลิกสร้างภาพว่าไม่รู้เรื่องอะไรสักทีเถอะ” ศิลาพูดจบก็เดินกลับเข้าไปข้างใน ทำให้มือของทั้งคู่ที่จับกันอยู่หลุดทันที ตัวจิ๋วมองมือที่หลุดออกจากกันด้วยความรู้สึกแปลกๆ เหมือนกับว่าความอบอุ่นเมื่อสักครู่มันได้หายไปแล้ว
ตัวจิ๋วรีบกึ่งเดินกึ่งวิ่งตามศิลาเข้าไปทันที
“คือ..นายหัวครับ” ตัวจิ๋วยืนเกลี่ยมือตัวเองไปมาอย่างลังเลถึงสิ่งที่กำลังจะถาม
“อะไร”
“งานที่จะให้ผมทำ..เริ่มวันนี้เลยหรือเปล่าครับ”
“มึงยังไม่ได้เซ็นเอกสาร” ศิลาพยักหน้าไปยังแผ่นกระดาษที่วางอยู่บนโต๊ะ ตัวจิ๋วหัวไปมองทันที และรีบหยิบมาเซ็นด้วยความเร็ว
“อ่านครบแล้วแน่ใช่มั้ย” ศิลาเอ่ยถามอีกครั้ง แล้วรับแผ่นกระดาษจากมือของตัวจิ๋ว ตัวจิ๋วพยักหน้านิดๆ ถึงเขาจะไม่ได้ตั้งใจอ่านเอกสารในแผ่นนั้นมากเท่าไหร่ แต่เขาก็พอที่จะรู้คร่าวๆแล้วว่ามันมีอะไรบ้าง
“เริ่มทำงานพรุ่งนี้ ส่วนวันนี้มึงก็เตรียมตัวไปก่อน” ศิลาพูดจบก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมา แล้วเลื่อนดูไฟล์งานต่างๆที่ลูกน้องส่งเข้ามาเกี่ยวกับธุรกิจของเขา
ตัวจิ๋วมองใบหน้าของศิลาอย่างสำรวจ ใบหน้าที่ดูเข้มเหมือนจะจริงอยู่ตลอดเวลาของศิลา ทำให้อีกฝ่ายกลายเป็นคนดุโดยไม่ได้ตั้งใจ ทั้งๆที่จริงศิลาไม่ได้ดุเหมือนน้ำเสียงของตัวเองเลยแม้แต่น้อย ออกจะใจดีมากเลยด้วยซ้ำในความรู้สึกของเขา
“จะมองกูอีกนานมั้ย” ศิลาเงยหน้าขึ้นมาถาม นั่นทำให้ตัวจิ๋วสะดุ้งแล้วหันใบหน้าไปทางอื่นด้วยความตกใจ
“งานที่นี่อาจจะหนักหน่อย ถ้าไม่ไหวก็บอกพวกมันได้ มันจะมีเวรมาเปลี่ยนให้” ศิลาพูดขึ้น สายตาคมหันกลับไปจ้องโทรศัพท์ต่อ
“ผมทำได้ครับ” ตัวจิ๋วพูดยืนยัน
“ทำได้กับทำเป็นมันไม่เหมือนกัน มึงอาจจะคิดว่ามึงทำได้ แต่พอถึงเวลาจริงๆอาจจะทำไม่เป็นก็ได้”
“แต่ยังไงมันก็ไม่เกินความพยายามของเราไม่ใช่เหรอครับ” ตัวจิ๋วพูดขึ้น ศิลาหันไปมองตัวจิ๋วทันที แล้ววางโทรศัพท์ลง ซึ่งการกระทำของศิลาทำให้ตัวจิ๋วรู้สึกตกใจและแปลกใจไม่น้อย แต่จู่ๆเขาก็คิดขึ้นมาได้ว่าเขาอาจจะก้าวร้าวใส่ศิลามากเกินไป และศิลาอาจจะกำลังโกรธ
“มึงรู้มั้ยว่ามึงคือคนแรกที่กล้าต่อปากต่อคำกับกู โดยไม่ถูกจับโยนทะเล”
ตัวจิ๋วหน้าเสียทันทีเมื่อได้ยิน
“ผม..ผมขอโทษครับนายหัว ผมไม่ได้ตั้งใจครับ” ตัวจิ๋วรีบยกมือไหว้ศิลาทันที แต่ศิลาก็เอามือของตัวเองมารองรับมือนุ่มของตัวจิ๋วเอาไว้ นั่นจึงทำให้สายตาของทั้งสองประสานเข้าหากันอีกครั้ง ทั้งคู่นิ่งเงียบ ไม่มีใครพูดอะไรออกมาสักคำ ราวกับมีไฟฟ้ามาสถิตที่มือของทั้งคู่ ความรู้สึกบางอย่างเริ่มค่อยๆก่อตัวขึ้นทีละนิดโดยไม่มีใครรู้ตัว แต่ก็เป็นศิลาที่รู้สึกตัวก่อน จึงรีบชักมือกลับเข้ามาหาตนเอง
“ไม่ต้องไหว้กู กูไม่ใช่พระ” ศิลาตอบเสียงนิ่งเหมือนเดิม แล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูงานต่อ ด้วยสีหน้าที่เรียนิ่งไม่ได้รู้สึกอะไร ผิดกับตัวจิ๋วที่ตอนนี้หัวใจเต้นแรงจนแทบจะออกมาข้างนอกอยู่แล้ว ทั้งคู่นิ่งเงียบกันอีกครั้ง เพราะไม่มีบทสนทนาที่เกิดขึ้นระหว่างทั้งคู่..
++++++++++++++
#เอาน้องตัวจิ๋วมาให้อ่านแล้ววววว เรื่องนี้จะลงช้านะคะ เค้าต้องขอโทษคนที่รอด้วยน้าาา