ตอนที่ 2
เมื่อพวกยุธณากลับไปแล้ว ศิลาก็สั่งให้สิงค์จัดการดูแลเรื่องข้าวของและตัวของตัวจิ๋วให้เรียบร้อย พร้อมกับหาที่นอนให้เด็กหนุ่มด้วย
“มึงชื่ออะไรวะ” สิงค์ถามขึ้น
“ผะ..ผมชื่อตัวจิ๋วครับ” ตัวจิ๋วตอบเสียงแผ่ว
“ผู้ชายห่าอะไรชื่อนี้” สิงค์ขมวดคิ้วถามด้วยความสงสัย ตัวจิ๋วนิ่งเงียบ เพราะไม่รู้จะตอบอีกฝ่ายกลับไปว่าอะไร เพราะชื่อนี้ยายเป็นคนตั้งให้เขา เหตุผลก็เพราะตอนที่เขาเกิดมาตัวของเขานั้นเล็กมาก
“เดี๋ยวกูจะให้ไอ้พร้าวกับไอ้มิ่งมันดูแลมึงต่อ” สิงค์พูดบอก แล้วหันไปมองมิ่งกับพร้าวที่เดินเข้ามาพอดี
“พามันเข้าไปพักที่ตึกคนงานข้างหลังบ้านนายหัว ตรงนั้นมันมีห้องว่างอยู่”
พร้าวกับมิ่งหันมองหน้ากันทันที
“แต่ตรงนั้นพวกไอ้สนิมมันอยู่นะพี่ จะให้พาไอ้เด็กนี่มันไปจริงดิ” มิ่งถามเสียงเครียด สิงค์หันไปมองทางตัวจิ๋วนิดๆ
“ก็ห้องแม่งเต็ม จะให้ไปนอนกับไอ้ป้านก็ไม่ได้ ผัวแม่งดุอย่างกับเสือ ก็คงต้องให้มันนอนที่นั่นไปก่อน” สิงค์พูดถึงลูกน้องอีกคนของศิลา
“เอ่อ..ผมนอนที่ไหนก็ได้นะครับ” ตัวจิ๋วรีบพูดขึ้น เพราะเขาไม่อยากเป็นตัวปัญหาที่ทำให้ใครลำบากใจ
“เอาไงดีวะไอ้พร้าว” มิ่งหันไปถามเพื่อนสนิททันที พร้าวเองก็นิ่งคิดไป เพราะถ้าพวกเขาให้ตัวจิ๋วไปนอนที่ห้องนั้น โอกาสสูงมากที่ร่างบางจะโดนพวกของสนิมข่มขืน เพราะพวกสนิมชอบกินเหล้าเมายากันตอนกลางคืน แถมพวกมันยังไม่ค่อยถูกกับพร้าว มิ่งและสิงค์เท่าไหร่ เหตุเพราะพร้าวกับมิ่งเคยไปบอกศิลาว่ากลุ่มของสนิมมียาเสพติดเอาไว้ครอบครอง หลังจากนั้นศิลาก็สั่งให้สิงค์ลงโทษกลุ่มของสนิมทั้งห้าคน โดยการมัดทั้งหมดแล้วจับไปยืนที่ทะเลจนน้ำทะเลท่วมถึงอก อยู่แบบนั้นสามวันสามคืน โดยไม่ให้ขึ้นมาบนบกจนกว่าจะครบเวลา นั่นจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้กลุ่มของสนิมไม่ถูกกับพร้าว มิ่งและสิงค์
“ให้มันไปนอนที่ห้องมึงแล้วกันไอ้มิ่ง” พร้าวหันไปมองมิ่งนิดๆ
“ห้องกู!?” มิ่งชี้นิ้วเข้าหาตัวเองด้วยความตกใจ
“ก็เออสิวะ นอนห้องมึงดีที่สุดละ” พร้าวยักคิ้วใส่มิ่งนิดๆ
“กูเห็นด้วยนะ” สิงค์พยักหน้ายืนยัน มิ่งขมวดคิ้วแล้วหันไปมองทางตัวจิ๋วที่กำลังกระพริบตาปริบๆมองเขาอยู่ ซึ่งท่าทางของตัวจิ๋วนั้นมันน่ารักมาก จนมิ่งอดที่จะถอนหายใจออกมาหนักๆด้วยความหนักใจไม่ได้
“เฮ้อออออ แล้วกูจะไหวมั้ยเนี้ย”
พร้าวกับสิงค์เดินเข้าไปหามิ่ง พร้องกับตบไปที่บ่าเบาๆเพื่อปลอบใจ
“โชคดีเพื่อน” พร้าวยกยิ้มมุมปากนิดๆแล้วเดินออกไป รวมทั้งสิงค์เองก็เดินไปจากตรงนี้ด้วยเช่นกัน
“เอ้า ยังจะทำหน้าซื่อใส่กูอีก ตามกูมาสิวะ” มิ่งพูดบอก แล้วเดินนำตัวจิ๋วไปที่ห้องของตัวเองที่อยู่อีกด้านนึง ตัวจิ๋วงุนงงเล็กน้อยที่มิ่งพูดอะไรปุบปับแล้วเดินหันหลังเดินนำไปเลย แต่เขาก็ยอมที่จะเดินตามไป
เมื่อมาถึงหน้าห้อง ตัวจิ๋วมองไปรอบๆอย่างสนใจ เพราะนอกจากชุมชนเล็กๆที่มีแต่พวกขี้เหล้าเมายาที่เขาเห็นทุกวัน เขาก็ไม่เคยเห็นบรรยากาศที่ดูสงบแบบนี้มาก่อนเลย
“มึงจะตาลอยทำไมเนี้ย เข้ามาในห้องสิวะ” มิ่งเลิกคิ้วมองท่าทางของตัวจิ๋วด้วยความสงสัย
ตัวจิ๋วที่ได้ยินแบบนั้นก็รีบเดินเข้าไปในห้องของมิ่งทันที ภายในห้องนั้นดูสะอาดสะอ้านมาก เหมือนเจ้าของห้องทำความสะอาดทุกวัน ของทุกอย่างก็วางเรียงเป็นระเบียบ ไม่เหมือนห้องผู้ชายทั่วไปเลยสักนิด
“มึงใส่เสื้อผ้าของกูไปก่อนแล้วกัน ตัวกูไม่ได้ใหญ่มาก มึงน่าจะใส่ได้ ส่วนพวกของใช้เดี๋ยวกูไปซื้อมาเอาไว้ให้” มิ่งพูดบอก แล้วเดินไปนั่งที่เตียงกว้าง ตัวจิ๋วเอาแต่มองไปรอบๆอย่างสังเกตุ
“มึงชื่ออะไร” มิ่งถามขึ้น
“ผมชื่อตัวจิ๋วครับ” ตัวจิ๋วพูดพร้อมกับยิ้มกว้างจนตาหยีส่งไปให้มิ่ง เพราะเขารู้สึกดีที่พี่ชายตรงหน้าใจดีกับเขา มิ่งเบิกตากว้างนิดๆเมื่อเห็น
“เชี้ย! มึงจะยิ้มหาพ่อมึงเหรอวะไอ้ตัวจิ๋ว!” มิ่งขมวดคิ้วแล้วถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ตัวจิ๋วหน้าเสียไปทันทีเมื่อเจอน้ำเสียงที่ตะคอกของมิ่ง
“ผะ..ผมขอโทษครับ” ตัวจิ๋วยกมือไหว้มิ่งด้วยความรู้สึกผิด มิ่งที่เห็นแบบนั้นก็หันกลับมามองทางตัวจิ๋วทันที
“เฮ้อออ กูไม่ได้โกรธมึงโอเคมั้ย กูแค่..ช่างแม่งเถอะ เอาเป็นว่ามึงไม่ต้องยิ้มให้ใครมั่วซั่วแล้วกัน ยิ้มให้มึงเห็นเองในกระจกก็พอละ” มิ่งพูดบอก จะให้เขาบอกได้ยังไงว่าใบหน้าหวานๆที่ยิ้มออกมามันทำให้หัวใจของเขาเต้นแรงมากแค่ไหน เพราะมันทั้งดูน่ารักและใสซื่อในเวลาเดียวกัน
“มึงไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อให้เรียบร้อยไป แปรงสีฟันใหม่อยู่ในลิ้นชัก ส่วนเสื้อผ้าก็หาหยิบเอาในตู้ หยิบได้ทุกตัวกูไม่ว่า ถ้าทำอะไรเสร็จแล้วให้ออกไปข้างนอกนะ เดินตรงไปนิดๆแล้วเลี้ยวซ้าย และเดินตรงเข้าไปอีกนิดหน่อย กูจะนั่งกินข้าวอยู่ตรงนั้น เดี๋ยวจะแนะนำมึงให้ทุกคนได้รู้จัก แต่มึงไม่ต้องรีบไปละ ทำอะไรให้เรียบร้อยก่อนแล้วค่อยไป” มิ่งพูดบอก ก่อนจะลุกขึ้นยืน
“เอ่อ..ครับ” ตัวจิ๋วพยักหน้าอย่างเกร็งๆ เพราะเขาไม่เคยนอนร่วมกับใครมาก่อน การที่จะหยิบจับของคนอื่นแบบนี้ มันเลยดูแปลกๆไปหน่อย
“หน้ามึงดูเกร็งๆนะไอ้จิ๋ว..กูขอเรียกมึงชื่อนี้นะ” มิ่งเอ่ยขอในประโยคท้าย ตัวจิ๋วพยักหน้างึกงัก เพราะยายของเขาก็เรียกเขาด้วยชื่อจิ๋วเฉยๆเหมือนกัน
“ครับ”
“กูชื่อมิ่ง ส่วนคนแรกที่พามึงมาชื่อสิงค์ นั่นเขาอายุมากกว่าพวกเรา แถมยังเป็นสนิทของนายหัวด้วย จะทำอะไรก็เกรงใจแกหน่อยแล้วกัน และไอ้ที่เดินมากับกูมันชื่อพร้าว อายุเท่ากู แล้วนี่มึงอายุเท่าไหร่” มิ่งแนะนำชื่อแต่ละคนให้ตัวจิ๋วรู้จัก พร้อมทั้งถามเรื่องอายุของอีกฝ่ายด้วย
“ผมอายุยี่สิบครับ”
“เด็กกว่าพวกกูแค่ไม่กี่ปีเองนี่หว่า กูนึกว่ามึงยังไม่ถึงสิบแปดซะอีก” มิ่งพูดขึ้นยิ้มๆ
“ถ้างั้นมึงทำอะไรให้เรียบร้อยเถอะ เดี๋ยวกูจะออกไปหาข้าวกินกับไอ้พวกนั้นละ” มิ่งพูดบอก ตัวจิ๋วยิ้มแล้วพยักหน้ากลับไป
หลังจากที่มิ่งออกไปแล้ว ตัวจิ๋วก็เริ่มหน้าเครียดเล็กน้อย เขามองห้องที่เต็มไปด้วยความเงียบงัน ด้วยความรู้สึกแปลกๆ
“เราจะเริ่มต้นใหม่ที่นี่ได้จริงๆใช่มั้ยตัวจิ๋ว..จะไม่มีใครทำร้ายเราแล้วใช่มั้ย” ตัวจิ๋วพูดกับตัวเองเสียงแผ่ว พลางถอนหายใจออกมาเบาๆ
“ป่านนี้แม่ก็คงมีความสุขดีแล้วสินะ เราคงไม่ต้องห่วงอะไรเขาแล้วล่ะ” เมื่อตัวจิ๋วคิดได้แบบนั้นก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆแล้วเดินไปที่ตู้เสื้อผ้าที่อยู่ริมห้อง
“เรา..ใส่ได้จริงๆใช่มั้ยอ่ะ” ตัวจิ๋วพูดขึ้นอย่างลังเล เขาเห็นเสื้อผ้าในตู้มากมาย บางตัวก็ดูเหมือนมิ่งยังไม่ได้ใส่เลยด้วยซ้ำ
“เอาตัวนี้แล้วกัน” ตัวจิ๋วคิดอย่างเครียดๆ แต่ก็หยิบเสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อนกับกางเกงขาสั้นที่ตัวจิ๋วคิดว่าเขาน่าจะใส่ได้มาหนึ่งตัว พร้อมกับหันไปเห็นผ้าเช็ดตัวที่พับเหมือนยังไม่ได้ใช้อยู่ เขาจึงเดินไปหยิบและเข้าห้องน้ำไป
..
..
“ได้ข่าวมาว่าวันนี้มีเด็กใหม่มาเหรอวะไอ้มิ่ง” เสียงของโจวเพื่อนอีกคนของมิ่งถามขึ้น
“เออ” มิ่งพยักหน้านิดๆแล้วเดินไปตักข้าวมานั่งกินกับเพื่อนตัวเอง โดนมีกลุ่มของสนิมนั่งอยู่ไม่ไกลจากพวกเขา
“ผู้หญิงหรือผู้ชายวะ” ปาล์มถามด้วยความอยากรู้
“เพศพ่อมึงอ่ะ” มิ่งหันไปตอบปาล์มอย่างกวนๆ และไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่นัก เพราะปาล์มก็เป็นหนึ่งในเพื่อนของสมิงที่ไม่ชอบหน้าเขา และเขาเองก็ไม่ชอบหน้ามันเลยเช่นเดียวกัน
“อ่าวไอ้สัสมิ่ง กวนตีนละมึง”
“หึหึหึ ไอ้มิ่งมันก็ไม่ได้พูดอะไรผิดนะเว้ยไอ้ปาล์ม ก็ไอ้เด็กใหม่มันเพศพ่อมึงจริงๆนี่หว่า” พร้าวที่พึ่งเดินมาถึงพูดขึ้น แล้วส่งขวดน้ำเย็นให้กับมิ่งที่นั่งกินอยู่ข้างๆโจว ปาล์มขมวดคิ้วแล้วลุกพรึบด้วยความโมโห ทำให้สนิม กล้วย ตาลและดำต่างก็ลุกขึ้นด้วยเช่นกัน มิ่งกับพร้าวต่างก็มองกลับไปอย่างไม่กลัวเช่นกัน
“เฮ้ยๆๆพวกมึงอย่ามามีเรื่องกันที่นี่นะเว้ยย ถ้านายหัวรู้เอาพวกมึงตายห่าแน่” เสียงของลุงเพิ่มคนขับเรือพูดเสียงดังลั่น
“พวกผมไม่มีเรื่องหรอกน่าลุง คนอ่ะลุง..มันมีเรื่องกับหมาไม่ได้หรอก โดยเฉพาะ..หมาหมู่!” พร้าวจ้องหน้าทั้งห้าคนเขม็ง
“มึงอย่าปากดีให้มากไอ้พร้าว เดี๋ยวจะเจอส้นตีนโดยไม่รู้ตัว” กล้วยชี้หน้าพร้าวด้วยความโมโห
“แล้วมึงอยากเจอส้นตีนแบบรู้ตัวบ้างมั้ยละไอ้กล้วย กูจะได้ช่วยสงเคราะห์ให้” พร้าวเลิกคิ้วใส่กล้วยอย่างกวนๆ
“อ่าวไอ้เหี้ย พูดแบบนี้ก็สวยสิว่ะ!” กล้วยเดินเข้าไปหาพร้าวอย่างหาเรื่อง
“สวยเหี้ยอะไรวะ กูหล่อเหอะ” พร้าวตอบกลับอย่างกวนๆ
“พอๆๆพวกมึงเลิกตีกันได้ละ เดี๋ยวนายหัวมาเห็นก็เป็นเรื่องอีกหรอก” เพิ่มรีบเอ่ยห้ามเด็กหนุ่มทั้งสองกลุ่มที่กำลังจ้องหน้ากันอย่างไม่มีใครยอมใคร
“ลุงก็บอกให้พวกแม่งหลบไปก่อนดิ พวกผมจะนั่งกินกันที่นี่” สนิมชี้หน้าพร้าวกับมิ่งด้วยความโกรธ แล้วชี้ไปยังที่นั่งของกลุ่มมิ่งอย่างพาลๆ
“ชี้หน้ากูหาพ่อมึงเหรอไอ้สัส!” มิ่งปัดมือของสนิมออกอย่างแรง เพราะเขาไม่ชอบให้ใครมาชี้หน้าใส่เขา ซึ่งสิ่งที่มิ่งทำนั้นก็ทำให้สนิมดวงตาวาวโรจน์ด้วยความโกรธ
“อ่าวไอ้เหี้ยนี่! มึงหาเรื่องกูเหรอวะ!” สนิมผลักอกของมิ่งอย่างแรง จนมิ่งชนเข้ากับพร้าวที่ยืนอยู่ทางด้านหลัง
“แล้วมึงจะทำไมวะห๊ะ!” มิ่งผลักอกสนิมกลับไปเช่นกัน
“มึงอยู่ของมึงดีดี ดีกว่าไอ้เหี้ยสนิม กูยังไม่อยากให้นายหัวโมโห” โจวพูดเสียงเข้ม
“เหอะ! พวกมึงปอดแหกกันเองมากกว่าละมั้ง กลัวพวกกูจนหัวหด ถึงได้อ้างชื่อนายหัวขึ้นมาแบบนี้” สนิมยิ้มเหยียด
“มึงจะลองกับกูสักตั้งก็ได้นะไอ้สนิม จะได้รู้ไงว่าส้นตีนของกูอร่อยกว่าของมึงมั้ย” มิ่งจ้องหน้าสนิมเขม็ง
“พวกมึงหยุดกันได้แล้ว!!” เสียงเข้มของสิงค์ดังขึ้น ทำให้ทั้งหมดหันไปมองทางด้านหลังของฝั่งมิ่งทันที และเห็นว่าสิงค์เดินหน้าเข้มเข้ามา
“กัดกันเหมือนหมาขนาดนี้ แดกอาหารเม็ดแทนข้าวดีกว่ามั้ย!” สิงค์พูดเสียงเข้ม
“พวกผมยังไม่ทันด้ำทอะไรมันเลยนะพี่” ดำพูดขึ้น
“มึงแน่ใจเหรอว่ายังไม่ได้ทำ” สิงค์จ้องมองดำนิ่งๆ นั่นทำให้ดำนิ่งเงียบไป
“กัดกันเหมือนไม่ใช่คนแบบนี้ พวกมึงทำงานที่เดียวกันกินข้าวหม้อเดียวกันนะเว้ย! จะทำเหี้ยอะไรก็ใจเย็นๆกันหน่อยได้มั้ยวะ!”
“พี่อย่าเข้าข้างแต่พวกมันแล้วกันนะพี่สิงค์ จะโทษก็โทษแม่งให้หมด ไม่ใช่โทษแต่พวกผม” สนิมจ้องหน้าสิงค์เขม็ง
“กูโทษมันแน่..ถ้าพวกมันเริ่มก่อน แต่ที่กูเห็นนะไอ้สนิม..มึงคือคนที่ผลักแล้วก็ชี้หน้าไอ้มิ่งมันก่อนไม่ใช่เหรอวะ” สิงค์เลิกคิ้วใส่สนิมนิดๆ
“แต่มันกวนตีนพวกผมก่อนนะพี่ แบบนี้พี่ก็ยังจะเข้าข้างพวกมันเหรอ” ปาล์มพูดบอก
“กูก็ไม่ได้บอกนะไอ้ปาล์มว่ากูคิดจะเข้าข้างพวกไอ้มิ่ง กูแค่บอกในสิ่งที่กูเห็นเฉยๆ” สิงค์ปลายตามองไปที่ปาล์มนิดๆ นั่นทำให้ปาล์มนิ่งลงเมื่อเห็นสายตาของสิงค์ ที่ดูน่ากลัวไม่ต่างจากผู้เป็นนายเลยแม้แต่น้อย
แกร็บ!
เสียงเหมือนคนเหยียบใบไม้ทำให้ทั้งหมดหยุดชะงักและหันไปมองทางด้านหลังของห้องกินข้าว และพวกเขาก็เจอเข้ากับตัวจิ๋วที่ยืนทำหน้าตกใจอยู่
“มึงออกมานี่” สิงค์เรียกเสียงเข้ม ทำให้ตัวจิ๋วค่อยๆเดินออกมาจากที่แอบอย่างช้าๆ และพอทั้งหมดเห็นร่างของเด็กหนุ่มอย่างตัวจิ๋ว เสียงฮือฮาก็ดังขึ้นทันที
สิงค์ มิ่งและพร้าวที่มองเห็นการแต่งตัวของตัวจิ๋ว คิ้วเรียวก็พร้อมใจกันขมวดด้วยความไม่พอใจ มิ่งรีบเข้าไปหาตัวจิ๋วทันที
“ใครให้มึงแต่งตัวแบบนี้ออกมาเนี้ย! มึงรู้มั้ยว่ามันอันตรายมากแค่ไหน” มิ่งจับแขนของตัวจิ๋วแล้วพูดเสียงดุ เพราะผิวที่ขาวเนียนเกินชาย มันทำให้ตัวจิ๋วยิ่งน่ามองไม่น้อย
“ไอ้มิ่ง..มึงไม่ได้บอกมันเหรอ” พร้าวมองมิ่งแล้วพยักหน้าไปทางตัวจิ๋วที่ยืนหน้าเสียอยู่ มิ่งส่ายหน้าไปมาเล็กน้อย
“ไอ้เชี้ยมิ่ง! นี่มึงไม่ได้บอกมันเหรอว่าให้แต่งตัวยังไง” สิงค์หันไปมองมิ่งแล้วถามเสียงเขี้ยว สายตาของสิงค์เหลือบไปมองทางกลุ่มของสนิมนิดๆและพบกับสายตาหื่นกระหายที่ทั้งห้าคนกำลังจ้องมองไปที่ร่างบางอยู่
“ขอโทษพี่สิงค์ เดี๋ยวผมพามันเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าข้างในใหม่ก่อน” มิ่งพูดบอก แล้วดึงแขนของตัวจิ๋วให้กลับไปทางห้องตัวเอง แต่เจอกลุ่มของสนิมมายืนขวางเอาไว้ก่อน
“เดี๋ยวสิวะ นี่ใจคอพวกมึงกับพี่สิงค์จะไม่แนะนำให้พวกกูรู้จัก..คนสวยคนนี้บ้างเหรอ แบบนี้มันใจดำกันไปหน่อยมั้ง” สนิมใช้ลิ้นดันกระพุ้งแก้มของตัวเองนิดๆ สายตายังคงจับจ้องไปยังใบหน้าหวานกับเรียวขาขาวที่อยู่ตรงหน้าไม่วางตา
“นั่นสิพี่สิงค์ มีอาหารตา..เอ้ย! มีเด็กใหม่เข้ามาทั้งที พี่ไม่บอกพวกฉันบ้างหรือไง” ตาลพูดขึ้น พร้อมกับยิ้มมุมปากนิดๆ
ตัวจิ๋วที่เห็นสายตาแปลกๆของคนทั้งห้าก็ขยับเข้าไปหลบที่หลังของมิ่งอย่างรวดเร็ว เพราะเขารู้สึกว่ามิ่งคือคนที่เขาควรไว้ใจในตอนนี้มากที่สุด มิ่งเองก็เอาตัวเองบังเด็กหนุ่มเอาไว้ ส่วนพร้าวนั้นก็ช่วยยืนบังด้วยอีกคน
“มันแต่งตัวไม่เรียบร้อย กูจะให้ไอ้มิ่งพามันไปเปลี่ยนแล้วค่อยมาแนะนำให้พวกมึงรู้จัก” สิงค์พูดบอก ในใจของเขาตอนนี้รู้ได้ทันทีว่าอีกไม่นานจะต้องเกิดเรื่องอะไรบางอย่างขึ้นแน่นอน
“ผมว่าก็ไม่เป็นไรหรอกมั้งพี่ คนกันเองทั้งนี่หว่า จะแต่งตัวยังไงก็คงได้ละมั้ง..ใช่มั้ยคนสวย” สนิมยกยิ้มมุมปาก แล้วเอียงคอมองไปทางด้านหลังของมิ่งเพื่อที่จะดูหน้าของเด็กหนุ่มชัดๆ แต่มิ่งกับพร้าวก็เอาตัวเองกันเอาไว้ไม่ให้มิ่งหรือเพื่อนของอีกฝ่ายได้เห็น
“พวกมึงจะบังทำเหี้ยอะไรวะ! กูจะทำความรู้จักกับมัน..อย่าเสือกได้มั้ย” สนิมจ้องหน้ามิ่งและพร้าวเขม็ง
“พวกมึงยืนมุงดูอะไรกัน”
เสียงเข้มที่คุ้นเคยทำให้ทั้งหมดรีบสลายตัวทันที พร้อมกับปรากฏตัวของศิลาที่เดินเข้ามา สิงค์ขมวดคิ้วอย่างรู้สึกแปลกใจเล็กน้อยที่ศิลามาที่นี่ในเวลานี้ เพราะปกติศิลาแทบจะไม่เข้ามาเลย ถ้าไม่ได้มาสั่งงานที่สำคัญจริงๆกับพวกเขา
“นายหัวมีอะไรหรือเปล่าครับ” สิงค์เอ่ยถามด้วยความสงสัย แต่ศิลาไม่ได้ตอบอะไรกลับไป ขายาวเดินเข้ามาใกล้กลุ่มลูกน้องที่ยืนอยู่
ตัวจิ๋วออกมาจากหลังของมิ่งแล้วกระพริบตาปริบๆมองศิลาที่เดินเข้ามาด้วยความสงสัย ศิลาที่เห็นการแต่งตัวของตัวจิ๋ว ก็ขมวดคิ้วนิดๆแล้วมองร่างบางตั้งแต่หัวจรดเท้า
“ตามกูมาที่ห้อง” ศิลาพูดเพียงแค่นั้น ก็หันหลังเดินออกไป ตัวจิ๋วได้แต่มองศิลาด้วยความงุนงง
“เอ้าไอ้จิ๋ว มึงจะมายืนบื้อทำไมเนี้ย รีบตามนายหัวไปสิวะ” มิ่งพูดเร่ง นั่นทำให้ตัวจิ๋วเบิกตากว้างแล้วกึ่งเดินกึ่งวิ่งตามศิลาไปทันที
+++++++++++++++
#จะพยายามทยอยลงให้อ่านเรื่อยๆนะคะ(ถ้าเค้าว่างน้าา)
#ขอบคุณที่ชื่อชอบเจ้าตัวจิ๋วนะคะ^^ ถ้าหากมีอะไรผิดพาดยังไงต้องขอโทษด้วยน้าาา