ทางที่เลือกเอง
ผ่านมาแล้วจนครบสามเดือนเต็ม ลลิตายังคงใจแข็ง ไม่กลับไปบ้าน แม้มารดาจะเป็นฝ่ายใจอ่อนติดต่อกลับมาตามขอร้องให้เธอกลับไปขอโทษบิดา แต่มาจนถึงขั้นนี้แล้ว เธอขออยู่อย่างสงบสุข ทำงานมีเงินมีความสุขแบบเรียบง่ายด้วยตัวเองดีกว่า
ยังดีที่ออกมาอยู่ข้างนอกก็ได้พบเพื่อนข้างที่คอยช่วยเหลือ นั่นก็คือคุณนายจิตตรา นางคอยแวะเวียนมาถามไถ่สารทุกข์สุขดิบ และรายได้จากการขายหมูปิ้ง
บางวันขายดีจนหมดเกลี้ยง วันไหนฝนตกก็เหลืออยู่เต็มถาด ลูกค้าหายเพราะฝนแท้ ๆ
ลลิตาทรุดตัวนั่งลงโซฟาอย่างหมดแรง รู้สึกเวียนหัวขึ้นมาเสียอย่างนั้นทั้ง ๆ ที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
“เป็นอะไรอีกเนี่ย ไม่สบายอีกแล้วเหรอ” เธอถามกับตัวเองด้วยความหงุดหงิด แกมสงสัย เพราะไม่ใช่ครั้งแรกที่รู้สึกวิงเวียนศีรษะ และไม่สบายตัวเช่นนี้ พอมีอาการก็จะทานยาพาราเอาไว้ ถ้าป่วยไข้ขึ้นมาเป็นเรื่องแย่แน่ ใครจะช่วยเธอเก็บร้าน ใครจะไปขายของแทน ใครจะไปขนหมูจากตลาดมาหมัก แล้วใครเสียบหมู ล้างของช่วย
ป่วยขึ้นมารายได้ห้าหมื่นบาทต่อวันก็หายไปด้วยสิ น่าเสียดายแย่
เพราะอาการที่เป็น ๆ หาย ไป ทำให้ลลิตาตัดสินใจไปโรงพยาบาลเพื่อตรวจหาสาเหตุในเช้าวันต่อมา วันนี้เป็นวันหยุด โรงงานที่เธอไปขายหมูปิ้งก็หยุด
“ไม่ทราบว่าประจำเดือนคุณมาครั้งล่าสุดเมื่อไหร่คะ”
“คะ อะไรนะคะ” ลลิตาทวนถามคุณหมอสาวอีกครั้ง เมื่อครู่ก็เพิ่งเอาปัสสาวะเธอไป เลยต้องรอผลตรวจออกมาอีกห้านาทีก็จะทราบ
“หมอต้องทราบค่ะ ช่วยตอบหมิตามความจริงด้วยนะคะ คุณก็จะได้ทราบสาเหตุ”
“ก็….” หญิงสาวขบคิดทบทวน มือยกขึ้นมานับวันที่ แล้วเอ่ย “ประมาณสามเดือนแล้วค่ะ”
“นอกจากเวียนหัวตอนเช้ากับตอนเย็น มีอาการแปลก ๆ เพิ่มไหมคะ”
“ฉันปวดเนื้อปวดตัวข่อยขึ้นค่ะ ตอนแรกก็คิดว่าคงเพราะทำงานหนัก แต่มันก็ปวดหนักขึ้นแล้วก็แต่ก่อนฉันเป็นคนทานข้าวน้อยค่ะ แต่ตอนนี้ฉันเห็นอะไรก็อยากทานไปหมด ไม่รู้ว่ามันจะเกี่ยวไหมนะคะ…”
สักพักคุณหมอวนิดาก็จดบันทึกลงไปบนสมุดตรวจ พร่อมกับนางพยาบาลผู้ช่วยผลักประตูห้องเข้ามา ยื่นสมุดผลการตรวจปัสสาวะให้คุณหมอวนิดา ก่อนเปิดอ่าน
คุณหมอสาวเงยหน้าจากสมุด เงยขึ้นมาสบตาคนไข้ที่รอฟังคำตอบ รอยยิ้มยินดีผุดขึ้นบนใบหน้าคุณหมอ
หัวใจคนฟังกลับหล่นวูบไปอยู่ที่ตาตุ่มเมื่อได้ยินคำตอบ
“ยินดีด้วยนะคะคุณลลิตา คุณกำลังตั้งครรภ์ได้สามเดือนแล้วค่ะ หมอแนะนำว่าให้พาคุณพ่อมาด้วยในวันฝากครรภ์นะคะ”
แววตากลมใสสั่นระริกหลุบมองหน้าท้องตัวเองซึ่งมีอีกหนึ่งชีวิตเกิดขึ้นในนั้น ฝ่ามือกำกันแน่นจนชุ่มเหงื่อ ความรู้สึกยินดีไม่มีเลยในอกของลลิตา
จะยินดีได้อย่างไร ในเมื่อเจ้าก้อนแป้งในครรภ์เกิดขึ้นจากผู้ชายที่ตราหน้าเธอว่าไร้ยางอาย เขาเกลียดเธอเข้าไส้
จนป่านนี้ผ่านมาแล้วหนึ่งสัปดาห์ ลลิตาก็ยังไม่ไปฝากครรภ์ตามที่รับปากคุณหมอวนิดาเอาไว้ เธอยังไม่บอกใครเรื่องลูก เพราะยังหาทางออกไม่เจอ อีกทั้งใครบางคนรู้เข้าคงไม่ได้รู้สึกยินดีแน่นอน วันนี้หยุดไปขายหมูปิ้งหนึ่งวัน ลลิตาเอาแต่อุดอู้อยู่ในบ้าน ใจเหม่อลอยคิดไปถึงไหนต่อไหน กระทั่งได้ยินเสียงประตูหน้ารั้วบ้านเลื่อนเปิดด้วยฝีมือใครสักคน เป็นสัญญาณว่ามีคนมา
หญิงสาวลุกจากเก้าอี้ที่นั่งเดินออกไปดูที่หน้าบ้าน ท่อนขาถึงกับหยุดชะงักครั้นพบคุณพระเอกอีกครั้ง
ชายหนุ่มนักธุรกิจในชุดสูทสีกรมท่า ผู้มาพร้อมใบหน้าคร้ามคมที่เรียบตึงสืบเท้ามาหยุดลงตรงหน้า
“พะ พี่เทพมาที่นี่ทำไมคะ”
“ถ้าคุณแม่ของเธอไม่ขอร้องให้ฉันมาดูเธอแทนท่าน ฉันไม่มากหรอกนะ เพราะเธอนั่นแหละถึงทำให้คนอื่นเขาเป็นห่วงเดือดร้อนไปหมด ทำไมชอบทำตัวไม่เอาไหนแบบนี้ด้วยวะ”
พอเจอหน้าเธอ ธราเทพก็สาดถ้อยคำด่าทอใส่ไม่หยุดด้วยความหงุดหงิด สภาพอากาศที่ร้อนระอุในช่วงกลางวันทำใหเขาอารมณ์ไม่ดี กว่าจะหาที่พักของเธอได้ต้องแวะถามบ้านของคนในซอยตั้งหลายหลัง เขาคงไม่ลำบากขนาดนี้หากลลิตารู้จักรับโทรศัพท์ และติดต่อหามารดาของเธอที่เป็นห่วงเป๋นใยบ้าง ไม่ใช่เล่นหายลับไปเลยเช่นนี้
ลลิตาได้แต่อ้าปากอึ้ง คุณพระเอกปากร้ายจ้องเธอเขม็ง
“ตายุ่งอยู่ค่ะเลยไม่มีเวลาโทร.คุยกับคุณแม่เท่าไหร่”
“ที่ว่ายุ่ง เธอยุ่งอะไรไม่ทราบ นั่งเสียบหมูไปขายอย่างนั้นเหรอ”
“ใช่ค่ะงานของตามีเยอะแยะ”
“นั่งเสียบหมูจนหลังขเหลังแข็งจะได้สักบาทกันเชียว” นักธุรกิจหนุ่มแค่นเสียงหัวเราะเยาะหยัน
แต่ลลิตาก็ไม่หวั่นแม้กำลังโดนดูถูก “แต่อย่างน้อยตาก็ทำงานหาเงินอย่างสุจริตค่ะ”
“อย่ามาโลกสวยหน่อยเลย เป็นแม่ค้าเหนื่อยจะตาย ได้ก็ไม่คุ้มเหงื่อที่เสียไป น้ำหน้าอย่างเธอไม่นานก็คงถอดใจ” เขาพนันได้เลยว่าไม่ถึงปี กิจการนี้ต้องเจ๊ง
“มาแค่นี้ใช่ไหมคะ พูดจบแล้วก็กลับไปเลยค่ะ”
“หยิ่งยโสเสียจริง ไม่ดูสภาพตัวเองตอนนี้” ธราเทพหลุบตามองเธอตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า ใบหน้าสวยสง่าไร้เครื่องสำอาง ดูอ่อนเยาว์ และไร้พิษภัยต่างจากเมื่อก่อน แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่อาจสลัดภาพจำวีรกรรมเลวร้ายของเธอไปได้
“ตาขอตัวนะคะ” ความเครียดที่มีอยู่แล้วในหัวจึงเพิ่มทวีคูณ เมื่อพบหน้าตัวต้นเหตุทั้งหมด ลลิตาหมุนตัวเตรียมเดินกลับเข้าบ้าน ทว่าจังหวะนั้นนั่นเองอาการแพ้ท้องก็เกิดขึ้น เวียนหัวจนรู้สึกว่าโลกหมุน เกือบทรุดล้มลงไปกองบนพื้น
ธราเทพดันรับร่างอรชรไว้ได้ทันตามสัญชาตญาณ
สาวเจ้าเงยหน้าขึ้นสบตาอีกฝ่าย ใจหายไม่น้อย
เสียงทุ้มเข้มจึงพูดขึ้น “สำออยอะไรอีก ยังใช้สูตรนี้อ่อยผู้ชายอีกเหรอ มันหมดมุกแล้วหรือไง มารยาทเสแสร้งไม่เลิกจริง ๆ”
“ไม่ใช่สักหน่อย” ตั้งตัวได้ก็รีบผละตัวห่าง
ธราเทพทำท่าเช็ดมือกับเสื้อผ้าราวกับจับต้องของสกปรกมา เธอในสายตาเขาคงไม่ต่างจากขยะเน่าเฟะ
“แล้วเป็นอะไร ลองบอกฉันมาซิ”
อยากรู้ว่าครั้งนี้เธอจะใช้มารยาสามไถบทไหน
“ไม่จำเป็นต้องรู้ค่ะ”
“ฮึ” ธราเทพหัวเราะเยาะอีกครั้ง ท่าทีน่าสมเพชของเธอทำให้เขารู้สึกพอใจ คนชั่วร้ายถูกเวรกรรมเล่นงานแล้วสินะ ทำกับเขาไว้ขนาดนั้นคิดเหรอว่าตนจะปล่อยให้เธอลอยนวลใช้ชีวิตอยู่เหนือความผิด
“หัวเราะอะไรนักหนาคะ ตามันน่าตลกขนาดนั้นเลยเหรอ”
อารมณ์ที่แปรปรวนของคุณแม่ตั้งครรภ์ใหม่เริ่มเดือด
“ตลกมาก โดยเฉพาะตอนที่เธอลำบากอย่างนี้”