การแต่งงาน
“ทำไมถึงปิดบังไว้ตั้งนานแล้วมาบอกตอนนี้ วันที่ฉันกำลังจะแต่งงาน” เพราะลลิตาเคยสร้างวีรกรรมเอาไว้อย่างเจ็บแสบ ธราเทพจึงไม่อาจเชืีอได้สนิทใจ ไม่ใช่ว่าเธอมางานวันนี้เพื่อทำลายงานแต่งงานหรอกนะ
“อันที่จริงตาก็ไม่อยากมาบอกพี่เทพหรอกค่ะ แต่มันจะเป็น”
“จำเป็น…” เขาทวนคำพูดของเธอ
“ค่ะ” หญิงสาวพยักหน้ารับ คิดถึงหน้าบุตรชายที่นอนอาการสาหัสอยู่โรงพยาบาลเพื่อรอเลือดแล้วคนเป็นแม่ยิ่งรู้สึกชอกช้ำใจ หากเจ็บแทนได้เธอจะยอมเจ็บแทนลูก น้ำตาที่ซึมเบ้าถูกมือเรียวปาดเช็ด
หากเสแสร้งคงแนบเนียนเสียจนธราเทพใจหายตาม
“แต่ตอนนี้ตาไม่มีเวลามาอธิบายมากนัก เพราะน้องรักษ์ประสบอุบัติเหตุระหว่างนั่งรถไปห้างสรรพสินค้ากับเรืองรอง เรืองรองปลอดภัยดี แต่ว่าน้องรักษ์อาการสาหัส เสียเลือดมาก และต้องการเลือดโดยด่วนค่ะ แต่เลือดกรุ๊ปนั้นมันมีจำกัด แถมหายาก หากเปิดรับขอเลือดก็คงไม่ทันอยู่ดี ตากับน้องรักษ์เรากรุ๊ปเลือดไม่ตรงกัน ฉะนั้นก็เหลือแค่พี่เทพที่จะช่วยน้องรักษ์ได้ เพราะพี่เป็นพ่อของลูก ฮึก ฮื่อ”
จู่ ๆ แข้งขาของเธอก็อ่อนแรง เสียจนทรุดฮวบลงไปนั่งที่พื้นต่อหน้าต่อตาธราเทพ
ในขณะเขายังสับสน และมีความไม่เชื่อสิ่งที่เธอเล่ามาทั้งหมด
ผู้หญิงแพศยาอย่างเธอ มันไม่น่าเชื่อถือเลยสักนิด
“แล้วเธอจะให้ฉันทำยังไง ให้หนีงานแต่งเพื่อไปช่วยเด็กเหรอ นี่เธอคงไม่ได้คิดจะล่มงานแต่งฉันใช่ไหม”
“ไม่ใช่ค่ะพี่เทพ ตามาเพื่อขอความช่วยเหลือไม่เคยคิดไม่ดีต่อพี่เลย เห็นแก่น้องรักษ์ที่เป็นลูกชายของพี่เทพก็ได้ค่ะ อึก!”
ถึงบัดนั้นชายหนุ่มก็ถึงกับแค่นหัวเราะหยันเสียงขึ้นจมูก กดสายตาดูถูกดูแคลนมองผู้หญิงที่เคยเป็นเจ้าสาวในอดีตของตนนิ่ง “คิดว่าฉันจะเชื่อนักเหรอ พูดออกมาได้ไม่อายฟ้าอายดินเชียวนะว่าไม่เคยคิดร้ายต่อฉัน แล้วเรื่องที่เกิดขึ้นจนวุ่นวายที่ผ่านมา เธอคิดว่ามันมาจากฝีมือใครกันล่ะ”
“พี่เทพจะไม่ช่วยตาใช่ไหมคะ”
“ทำไมฉันต้องช่วยผู้หญิงแบบเธอ”
“ตามีอะไรให้พี่ดูค่ะ…” ชายหนุ่มขมวดคิ้วเมื่อลลิตาล้วงมือเข้าไปในถุงกางเกงยีนส์สีซีด ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ออกมา เธอเปิดเข้าไปในแกลลอรี่ เพื่อโชว์หลักฐานความจริงว่าการมาพบครั้งนี้ไม่ใช่เพื่อทำลายชีวิตของเขา หากเธอมีความจำเป็นจริง ๆ
รูปภาพในหน้าจอที่ปรากฏตรงหน้าทำเอาหัวใจแกร่งหล่นวูบ ดวงตาคมซึ่งเคยจ้องเขม็งก็อ่อนทอลง มันน่าสลดใจนักที่เขาต้องเห็นสภาพเด็กชายอธิปที่น่าหดหู่ใจ เพราะเห็นบนเตียงนอนของโรงพยาบาลแห่งหนึ่งเลือดไหลท่วมตัวน้องรักษ์
“ทำไมต้องเป็นฉันที่เธอมั่นใจว่าจะช่วยเด็กคนนี้ได้”
“เพราะน้องรักษ์เป็นลูกของพี่เทพ”
เขายังคงเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง หากทิฐิที่มีมากจึงไม่อาจไขว้เขวตาม
“เอาเถอะ เธอลงทุนจัดฉากได้แนบเนียนดีนะ มาทางไหนก็กลับไปทางนั้นซะเถอะ”
“อึก” คำตอบจากเขาทำเอาเธอหน้าเสีย ผิดหวังที่สุด “ถ้าพี่เทพคิดดีแล้ว ตาก็จะไปค่ะ”
หากหาหมู่เลือดที่คุณหมอบอกมาไม่ได้ ทุกอย่างก็จะจบ เธอไม่สามารถยื้อลูกชายเอาไว้ได้
หญิงสาวหันหลังเดินจากออกมา ใบหน้าสวยเฉี่ยวเปื้อนไปด้วยหยาดน้ำตา ไม่อายใครหน้าไหนทั้งนั้นแม้เขาจะมองมาอย่างสงสัย ทั้ง ๆ ที่วันนี้ฤกษ์งามยามดี เป็นวันที่ใครต่อใครต่างเป็นสุข หากลลิตากลับหมองเศร้า หัวใจทุกข์ระทม เพราะข่าวร้ายที่ส่งผลต่ จิตใจ
เวลาต่อมา ธราเทพเดินเข้ามาหาเจ้าสาวซึ่งแต่งหน้าอยู่ในห้องรองรับของทางโรงแรม ทันทีเมื่ออนันญาเห็นหน้าเจ้าบ่าวจึงลุกจากเก้าอี้ สอดแขนเข้าไปโอบรอบเอวหนา
“พี่เทพคะ ถูกใจงานนี้ไหมคะ นันเลือกเองทั้งหมดเลยนะ” เงยหน้าจึ้นพูดเสียงหวานฉะฉาน เพราะธราเทพอ้างว่าติดงาน งานยุ่งตัวเป็นเกลียว เลยตามใจให้หล่อนเป็นคนออกแบบงานทั้งงานตามที่เห็นว่าดี
“อืม” ธราเทพเริ่มรู้สึกไม่สบายใจ
“มีอะไรหรือเปล่าคะ”
ทั้งที่เป็นวันดีเจ้าบ่าวกลับหน้าเครียด
“พะ พี่…” อ้ำอึ้งว่าควรจะพูดออกไปดีหรือไม่ หากเขาไม่รับตัดสินใจ อาจทำชีวิตใครคนใดคนหนึ่งแตกสลายไปมากกว่านี้
“พูดมาเถอะค่ะ นันพร้อมรัยฟังพี่เทพ”
อนันญาเป็นคนมีเหตุผล ธราเทพเชื่อว่าหล่อนจะเข้าใจ ถึงเดินมาคุยก่อนจะตัดสินใจ
“พี่อยากเลื่อนทุกอย่างออกไปก่อน วันนี้พี่มีธุระด่วน”
“ธุระอะไรค่ะด่วนมากเหีอ สำคัญกว่างานวันนี้หรือคะ”
คนฟังรู้สึกแย่ไม่น้อย ลงทุนกันมาถึงกลางทางแล้วนะ ธราเทพกลับออกปากมาเช่นนี้
“สำคัญมากประมาณหนึ่ง พี่ยังไม่มีเวลาอธิบายมากในตอนนี้ พี่รู้แค่ว่าพี่ต้องรีบไปก่อนทุกอย่างจะสายเกินแก้” แม้จะโกรธเกลียดลลิตาเข้าไส้ แต่ธราเทพก็แยกแยะได้ เด็กคนนั้นต้องการความช่วยเหลือจากเขา
“ละ แล้ววันนี้…” น้ำตาคนเป็นเจ้าสาวแทบเช็ดหัวเข่า หล่อนใจร้าวรานไม่เหลือชิ้นดี
“ยกเลิกไปก่อนนะ พี่ต้องไปแล้ว”
“อึก พี่เทพคะ” เรียกรั้งเขาเอาไว้ กอดกระชับเอวสอบแน่นขึ้นอีกครั้ง แต่ธราเทพก็แกะมือเธอออก พร้อมกับผละห่างจากหล่อน ร่างสูงใหญ่หมุนตัวเดินจากออกไปอย่างไม่ใยดี แม้ว่าดสียงร้องไห้สะอื้นของหล่อนจะดังระงมทั้งห้อง
งานแต่งงานที่กำลังจะดำเนินการต่อตามฤทธิ์ที่ไปดูมาจำต้องหยุดชะงัก เพราะในงานนี้เหลือเพียงเจ้าสาว ส่วนว่าที่เจ้าบ่าวนั้นขับรถสปอร์ตออกไปจากบริเวณโรงแรมแล้ว ทางนี้ก็ปล่อยให้บิดามารดาต้องสะสาง แบกหน้าอันแสนบางไปขอโทษขอโพยผู้คนในงานเป็นพัลวัน
โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง
อานนท์เมื่อทราบเรื่องจึงรีบตามไปสมทบในเวลาต่อมา ชายหนุ่มช่วยเข็นรถเข็นที่เรืองรองนั่งไปยังหน้าห้องเคสฉุกเฉน หล่อนขาหักข้างหนึ่งจากอุบัติเหตุ และสะอทือนใจไม่น้อยที่ประมาทจนเกิดเรื่องไม่คาดฝัน
ลลิตานั่งกุมขมับด้วยความกลัดกลุ้ม แม้พ้องเพื่อนจะช่วยกันปลอบโยน หากหัวใจของเธอกลับปวดระทมไปหมด
“อึก ฉันจะทำยังไงดี”
คำถามเดิมยังคงวนเวียนอยู่ซ้ำ ๆ
ก่อนที่จะพูดอะไรขึ้นต่อจากนั้น เสียงปริศนาอันคุ้นหูก็ดังขึ้นตรงหน้า
“ยังทันเวลาอยู่ไหม!”
ลลิตาปาดน้ำตาบนแก้มทิ้ง ดวงตากลมคู่นั้นบวมก่ำเหลือบเห็นปลายรองเท้าหนังของอีกฝ่าย ค่อย ๆ เลื่อนสายตาขึ้นไปมองคนวิ่งมาด้วนอาการเหนื่อยหอบ
“พะ พี่เทพ”
ราวกับยกภูเขาออกจากอก ในที่สุดคำร้องขอของเธอก็เป็นผล
เขารีบมากจนต้องมาทั้งชุดเจ้าบ่าว
“ทันค่ะ”
“ฉันต้องทำยังไงต่อ”
“ไปตรวจเลือดก่อนค่ะ เดี๋ยวตาพาไป”
เจ้าหล่อนบอก รีบจับกุมฝ่ามือหนาอันอบอุ่นให้เดินตามหลัง เธอดีใจจนลืมสิ้นทุกสิ่ง หากธราเทพกลับมองสองมือที่กุมกันไม่วางตา ในใจชายหนุ่มคิดสิ่งใดไม่อาจยั้งรู้
“แกไปพูดอะไรทำไมเขายอมมาช่วย” เรืองรองถามเมื่อลลิตาเดินกลับมารอที่หน้าห้อง
“ฉันจำใจต้องบอกความจริงกับเขาทั้งหมด รวมถึงเรื่องลูกด้วย เพราะยังไงฉันก็หนัความจริงไม่พ้น สุดท้ายเขาก็ต้องรู้อยู่ดี ไม่ว่าจะช้าหรือเร็ว”
“ตอนนี้อย่าเพิ่งสนใจเลยว่าใครจะรู้ไม่รู้ ฉันหวังว่าน้องรักษ์จะปลอดภัย” อานนท์กล่าวขึ้น ตนเลี้ยงดูเด็กชายอธิปช่วยลลิตามาตั้งแต่เด็กลืมตาดูโลก ย่อมรักมากเหมือนลูกหลานคนหนึ่งในครอบครัว
“ฉันก็หวังว่าจะเป็นแบบนั้น” ลลิตาเห็นด้วย กุมมือแนบหน้าอกเฝ้าภาวนาขอให้ลูกชายพ้นขีดอันตราย ต้องแลกด้วยสิ่งใด เธอนั้นยอมได้หมด แต่จะไม่ยอมแน่หากต้องเสียลูกไป