ตอนที่ 11 สองต่อสอง
ทิชากรทำอะไรไม่ถูก เธอยืนนิ่งอยู่อย่างนั้น เขากล้าทำแบบนี้ได้ยังไงทั้งๆ ที่เป็นงานมงคลแต่กลับพาผู้หญิงอื่นเข้าเรือนหอ นอกจากจะไม่ให้เกียรติแล้วยังพาคนอื่นเข้ามาหยามหน้าอีก
อย่างน้อยก็น่าจะเห็นแก่ชุดแต่งงานที่เธอสวมบ้าง รู้ว่าเกลียดแต่ก็น่าจะเห็นใจกันสักนิด
เจ้าสาวหมาดๆ ไม่รู้จะเดินไปไหนเพราะบ้านหลังนี้มีห้องนอนแค่ห้องเดียว ตัวบ้านตกแต่งด้วยไฟสีส้มนวลระยิบระยับทั่วบ้าน กระเบื้องทำด้วยหินอ่อน ส่วนผนังก็มีการตกแต่งด้วยหินอ่อนเช่นกัน เป็นบ้านสไตล์หรูหราหมาเห่าเหมาะแก่การอยู่กันแบบครอบครัว ถ้าให้ประเมินราคาน่าจะไม่ต่ำกว่าห้าสิบล้านเพราะเฟอร์นิเจอร์เป็นแบรนด์เนมทั้งหมด โดยรวมถือว่าน่าอยู่เลยทีเดียว ไม่แน่ใจว่าคุณหญิงจงใจให้บ้านหลังนี้มีแค่ห้องเดียวหรือเปล่า
สามีของคุณหญิงเทียมศิริประกอบธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ซึ่งเป็นที่รู้จักในแวดวงนักธุรกิจ และยังเป็นเจ้าของโครงการชื่อดังย่านใจกลางเมืองอีกด้วย
เธอทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟา งั้นคืนนี้ก็นอนตรงนี้ก็แล้วกัน หญิงสาวรีบจัดแจงที่นอนแล้วลุกไปเปลี่ยนชุดในห้องน้ำเพราะวันนี้เหนื่อยมาทั้งวัน ท่องเอาไว้ในใจว่าเจอปัญหาอะไรก็ต้องทน จะสุขหรือทุกข์ก็เก็บเอาไว้ในใจ
ปึก!
“อ้ะ!!” จู่ๆ ก็มีหมอนปลิวมาจากไหนก็ไม่รู้ โดนหัวของเธอเต็มๆ แต่พอเงยหน้าขึ้นก็เห็นเตวิชญ์ยืนอยู่บนชั้นสองของบ้าน ก่อนที่เขาจะโยนผ้าห่มลงมาอีกผืน “ทำอะไรของคุณ!”
“ก็เอาหมอนกับผ้าห่มมาให้เธอไง”
“ให้กันดีๆ ก็ได้ ไม่เห็นต้องโยนลงมาเลย”
“มันก็เหมาะกับคนอย่างเธอแล้วนิ คืนนี้ฉันอาจจะเสียงดังหน่อยนะ เพราะงั้นห้ามขึ้นไปรบกวนเด็ดขาด...ถ้าไม่อยากมีปัญหา”
ทิชากรเลือกที่จะไม่ตอบโต้ ท่องเอาไว้ในใจว่าตอนนี้เธอตกเป็นรอง หญิงสาวเดินไปหยิบหมอนกับผ้าห่มที่เตวิชญ์เพิ่งโยนลงมา ก่อนจะวาดขาขึ้นบนโซฟาแล้วล้มตัวลงนอนเพราะตอนนี้รู้สึกอ่อนเพลียมาก...จนกระทั่งผล่อยหลับไปในที่สุด
เตวิชญ์ที่แอบมองอยู่ข้างบนเดินลงมาเมื่อเห็นหญิงสาวนิ่งไป เธอนอนหลับตาพริ้มบนโซฟาขนาดไม่ได้ใหญ่เท่าไหร่ นอนขดตัวเพราะที่นี่เปิดแอร์เย็นเฉียบ ผ้าห่มผืนบางๆ ไม่อาจต้านทานความหนาวเหน็บได้เท่าที่ควร
“หมดสภาพเลยนะ...คุณหนูทิชากร” เขาแสยะยิ้มมุมปาก สะใจจริงๆ ไม่คิดว่าวันหนึ่งผู้หญิงที่แสนเย่อหยิ่งจองหองจะสยบแทบเท้า
ตอนนี้ก็คงไม่ต่างอะไรจากอีตัว ขายลูกกินแลกกับการให้ครอบครัวของเขาช่วยให้โรงพยาบาลได้ไปต่อ
สิ่งที่ทิชากรเจอ...มันไม่ได้เสี้ยวหนึ่งกับสิ่งที่เธอเคยทำกับคนอื่นด้วยซ้ำ เมื่อก่อนเธอใช้อำนาจ ใช้เงิน ใช้บารมีของพ่อกับแม่ข่มเหงและรังแกคนอื่น ขนาดอยู่กันคนละโรงเรียนเขายังรู้ประวัติของกลุ่มทิชากรเลย เพราะเหตุนี้เขาก็เลยไม่อยากยุ่ง ถึงเธอจะสวยสดงดงามแค่ไหน...แต่นิสัยกลับสวนทางกับหน้าตา
หากทิชากรนิสัยดีกว่านี้ บางทีเขาอาจจะลองๆ คุยกับเธอตั้งแต่ตอนนั้นแล้วก็ได้ เพราะเธอเองก็ตรงสเปคอยู่เหมือนกัน แต่ยิ่งมารู้ว่าทิชากรทำอะไรกับรมิดา มันก็ยิ่งทำให้เขาเกลียดผู้หญิงคนนี้จนเข้าไส้
แล้วเป็นไง...สุดท้ายก็กลายเป็นคนตกอับ ยอมขายศักดิ์ศรีแลกกับเงิน!
“ทำไมไม่เก่งเหมือนเมื่อก่อนล่ะ”
ชายหนุ่มสำรวจใบหน้างาม ยิ่งมองก็ยิ่งชื่นชมกับความงดงามของเธอ ทิชากรเป็นผู้หญิงหน้าดุ ช่างเข้ากับนิสัยใจคอของเธอยิ่งนัก ผู้หญิงร้ายกาจแบบนี้ใครได้ไปเป็นเมียคงไม่ต่างจากตกนรกทั้งเป็น
...หญิงสาวค่อยๆ ลืมตาขึ้นเมื่อเตวิชญ์เดินออกไป
ทำไมฮีโร่ที่เคยช่วยเธอในวันนั้นต้องเป็นเขาด้วยนะ แล้วทำไมเธอถึงตกหลุมรักผู้ชายคนนี้เพียงเพราะเขาช่วยให้เธอรอดพ้นจากความตาย
ต้องทำอะไรบางอย่างเพื่อให้เขาเลือกมองในด้านดีๆ เมื่อก่อนเธออาจจะเป็นคนนิสัยเสียเพราะตอนนั้นยังเด็ก ยังไม่มีวุฒิภาวะมากพอ แต่ตอนนี้เธอโตพอที่จะรู้ว่าอะไรควรอะไรไม่ควร
ทำไมคนอย่างทิชากรจะเป็นคนดีบ้างไม่ได้
“คุณเตวิชญ์ข๋าาา~ อย่าทำแรงสิคะ จีจี้เจ็บ”
เธอต้องนอนฟังเสียงนี้ทั้งคืนเลยหรอ?
หญิงสาวกำหมัดเข้าหากันแล้วพลิกตัวนอนตะแคงใช้หมอนปิดหูไว้แน่น ไม่อยากแสดงความรู้สึกบางอย่างออกมา เพราะมันยิ่งจะทำให้เขาเกลียดเธอไปมากกว่านี้
เธอเคยชอบเขา...และตอนนี้ความรู้สึกนั้นก็ยังเหมือนเดิม