ตอนที่ 12 สองต่อสอง (02)
@เช้าวันต่อมา...
เตวิชญ์มีประชุมกับหุ้นส่วนที่ไนท์คลับ ชายหนุ่มรีบอาบน้ำแต่งตัวก่อนจะเดินลงมายังชั้นล่างของบ้านซึ่งมีโต๊ะอาหารตั้งอยู่มุมสุดของตัวบ้าน จมูกโด่งได้กลิ่นหอมของอาหารลอยมา พอหันไปมองก็เห็นอาหารเช้าวางอยู่บนโต๊ะ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเป็นฝีมือของใคร
“หัดประจบประแจงเป็นด้วยหรอ”
“แม่ฉันบอกมาค่ะ” หญิงสาวที่เพิ่งจัดโต๊ะกับข้าวเสร็จเอ่ยขึ้น ที่เธอทำแบบนี้เพราะอยากให้เขามองในด้านดีๆ บ้าง
“หรอ…” ชายหนุ่มเบ้ปากปรายตามองสำรับอาหารอย่างไม่ค่อยเชื่อสายตาเท่าไหร่ว่าคนอย่างทิชากรจะทำอาหารเป็น คงสั่งเดลิเวอรี่มาล่ะสิท่า “เธอทำเองหรอ”
“ค่ะ ฉันทำเอง แต่อาจจะไม่อร่อยเท่าไหร่”
“แม่ของเธอคงสอนวิธีเอาอกเอาใจสามีสินะ แต่เสียใจด้วยนะครับคุณหนูทิชากร...ฉันไม่ใช่ผัวเธอ...เราแต่งงานกันเพราะอะไรก็น่าจะรู้”
“ฉันรู้ค่ะ” ทิชากรเม้มปากเข้าหากัน “เราแต่งงานกันเพราะธุรกิจ แต่ก็ไม่ได้แปลว่าฉันจะทำแบบนี้ไม่ได้นิ”
“ถ้าเป็นคนอื่นทำฉันก็อยากจะดีใจหรอกนะ แต่นี่เป็นเธอไง บอกตรงๆ ...ฉันแดกไม่ลง!”
“ถ้าคุณไม่ทานก็ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวฉันทานเอง”
“เลิกทำอะไรที่มันขัดกับนิสัยที่แท้จริงของเธอได้ไหม ฉันเห็นอดสะอิดสะเอียนไม่ได้ เลิกแอ๊บ เลิกตอแหลว่าเป็นคนดีสักที เพราะจิตใจของเธอมันยิ่งกว่าสัตว์เดรัจฉานอีก!”
“นั่นมันก็แค่อดีต ฉันเองก็รู้สึกผิดเหมือนกัน”
“คนอย่างเธอรู้สึกผิดเป็นด้วยหรอ ฉันนึกว่าเธอจะดีใจที่เห็นคนอื่นเจ็บปวด เธอชอบไม่ใช่หรอที่เห็นคนอื่นเจ็บปวด!” เตวิชญ์ก้าวเข้ามาใกล้ๆ กระชากต้นแขนเล็กเข้าหาตัว สายตามุ่งร้ายดุดันจ้องมองด้วยความโกรธแค้น ต่อให้ทิชากรจะทำดีแค่ไหนเขาก็ไม่มีวันมองเห็นด้านดีๆ ของเธอ เพราะเนื้อแท้ของผู้หญิงคนนี้ร้ายกาจยิ่งกว่าอะไร! “อย่าพยายามเลยทิชากร เพราะฉันไม่มีวันมองเห็นความดีของเธอ!”
“ก็ถ้าคุณยังเป็นแบบนี้ เราจะปรับความเข้าใจกันได้ยังไง”
“เธออยากทำอะไร” มือใหญ่ปล่อยต้นแขนเล็กให้เป็นอิสระ เขาเองก็ไม่ได้อยากแตะเนื้อต้องตัวของผู้หญิงคนนี้เท่าไหร่
“ฉันก็แค่อยากเป็นมิตรกับคุณ”
“ฮ่าฮ่าฮ่า” ร่างสูงเค้นหัวเราะเหมือนกำลังตลกขบขัน ทำให้หญิงสาวรู้สึกประหม่าเข้าไปทุกที “ถ้าฉันบอกว่าไม่ล่ะ”
“แต่เราก็ต้องอยู่ด้วยกันจนกว่า...เอ่อ...เราจะ...”
“คิดว่าคนฉันอย่างจะแตะเนื้อต้องตัวเธองั้นหรอ เข้าข้างตัวเองเกินไปไหมทิชากร ฉันกระเดือกเธอไม่ลงหรอก”
ยิ่งพูดก็ยิ่งเหมือนตัวเองไร้ค่าเข้าไปทุกที แต่ข้อตกลงระบุไว้ว่าเธอสามารถหย่ากับเขาได้ก็ต่อเมื่อมีลูกด้วยกันหรือถ้าในระยะเวลาหนึ่งปียังไม่มีลูกก็ถือว่าเป็นการสิ้นสุดสัญญา แต่เธอจะทนอยู่จนครบหนึ่งปีได้อย่างไรถ้าเขายังเป็นแบบนี้
อย่างน้อยๆ ตกลงกันได้ก็ดี แต่เตวิชญ์นี่สิไม่เปิดใจเลย
“แต่คุณแม่ของคุณบอกว่าถ้าครบหนึ่งปี...เอ่อ...ถ้ายังไม่มีลูก เราสามารถหย่ากันได้”
“แล้ว?”
“ถะ...ถ้าเราต้องอยู่ด้วยกันถึงหนึ่งปี...เรา...เอ่อ..มาทำข้อตกลงกันไหมคะ”
“...” เจ้าของใบหน้าหล่อเหลากระตุกยิ้มมุมปาก พร้อมจิ๊ปากเบาๆ “เราไม่มีอะไรต้องตกลงกัน ทนได้ก็ทน ทนไม่ได้ก็แค่กลายเป็นบุคคลล้มละลาย โรงพยาบาลของเธอเป็นหนี้ซะขนาดนั้น ถ้ามันจะเจ๊งก็ปล่อยให้มันเจ๊งไปเถอะ ปล่อยให้คนมีศักยภาพเข้ามาบริหารแทนไม่ดีกว่าหรอ”
“แต่โรงพยาบาลนั่นคุณปู่ของฉันเป็นคนสร้างนะคะ ถ้าปล่อยให้เจ๊งครอบครัวของฉันก็มีหนี้สินหลายพันล้านสิ!”
“แล้วลูกอย่างเธอ...ทำไมไม่ไปบริหารแทนพ่อกับแม่ล่ะ”
“คะ...คือว่าฉัน...ไม่ได้เรียนหมอ”
“เป็นลูกไม่ได้เรื่องว่างั้นเถอะ”
ทิชากรกัดริมฝีปากล่างกับคำพูดดูถูกดูแคลนของชายหนุ่ม เตวิชญ์ปากคอเราะร้ายเหลือเกิน เขาก็ยังเป็นเหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยน เกลียดยังไงก็เกลียดอย่างนั้น
สายตาคมไล่มองทั่วร่างบางเชิงประเมิน ทิชากรรีบยกมือกอดอกเพราะเห็นสายตาไม่น่าไว้ใจ
“คิดว่าฉันพิศวาสเธอหรอทิชากร” ชายหนุ่มฮึมฮัมในลำคอพรางใช้ลิ้นดันกระพุ้งแก้ม ไล่มองร่างอรชรตั้งแต่หัวจรดเท้าอีกรอบ “สนใจมาเป็นผู้หญิงที่ไนท์คลับของฉันไหมล่ะ รูปร่างแบบนี้...น่าจะได้ราวๆ คืนละสามพัน”
“ดูถูกกันเกินไปแล้วนะ ฉันไม่เคยขายตัว!”
“ฉันก็ไม่ได้บอกว่าขายตัวสักหน่อย แค่เอนเตอร์เทนแขกเฉยๆ หรือถ้าจะออกไปข้างนอกกับลูกค้าฉันก็ไม่ได้ว่าอะไรนะ ให้เธอเป็นกรณีพิเศษเลย”
“ฉันก็พึ่งรู้วันนี้แหละว่าคุณหากินกับผู้หญิง”
“ว่าไงนะ!”
“ที่คุณเปลี่ยนรถขับเป็นว่าเล่น ที่แท้ก็มาจากการขายผู้หญิงกินนี่เอง”
“ถอนคำพูดเดี๋ยวนี้นะทิชากร คนอย่างฉันไม่เคยขายผู้หญิงกิน!”
“อ้อ ถ้าคุณไม่ได้ขายผู้หญิงกิน งั้นก็คง...เกาะผู้หญิงกิน”
“หุบปากเดี๋ยวนี้นะ เธอมันจะไปรู้อะไร!”
“...” ทิชากรเชิดหน้าขึ้นเหมือนไม่ได้รู้สึกกลัว เขาดูถูกเธอก่อน แล้วทำไมเธอจะทำคืนบ้างไม่ได้ “ที่แท้...ก็รวยมาจากเรื่องอย่างว่านี่เอง”
“ฉันบอกให้หุบปาก!” ชายหนุ่มเค้นน้ำเสียงโทนต่ำเหมือนกำลังจะหมดความอดทนในอีกไม่ช้า
“คุณดูถูกฉันได้ ฉันเองก็ดูถูกคุณได้เหมือนกัน งานที่คุณทำมันก็ไม่ต่างอะไรจากแมงดาหรอก เงินสกปรกที่ได้มาจากการขายผู้หญิงกิน!”
“ฉันบอกให้เธอหุบปาก!!”
พรึ่บบ!!
“ว้ายย!!”