03 เหมือนจะดี
Talk รชา
#ตกเย็นวันเดียวกัน
"...." ฉันกำลังนั่งเครียด เพราะหลังจากที่คุยดีกับจอมทัพได้ไม่เท่าไรเราสองคนก็มีปากเสียงกันอีกแล้ว ฉันเองก็ผิดด้วยที่ปากไวไปหน่อย แต่เพราะฉันเป็นคนที่ไม่ยอมให้ใครมาต่อว่าฝ่ายเดียวอยู่แล้วก็เลยตอบกลับไปแบบนั้น
เขาเองก็ผิดที่เอาอารมณ์มาใส่ฉันทั้งๆ ที่เรื่องนี้ไม่ใช่ความผิดของฉันเลย
เขามีปัญหากับคนที่ทำงาน มีปัญหากับงานของตัวเอง ซึ่งมันไม่ได้เกี่ยวกับฉันเลย แต่คนที่ต้องมารับเคราะห์แทน กลายเป็นที่รองรับกลายเป็นที่ระบายอารมณ์ของเขาคือฉัน
ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกันนะว่าชีวิตคู่ของเรามันจะไปรอดแค่ไหน มันจะอยู่ยืนยาวมากเท่าไหร่ แต่ฉันก็ยังหวังในใจลึกๆ ว่าเขาจะเปลี่ยนได้ เปลี่ยนแปลงตัวเองให้กลายเป็นคนที่ใจเย็นมากกว่านี้
ตอนนี้เราสองคนนั่งอยู่คนละมุม ต่างคนต่างไม่พูดไม่จากัน ตอนแรกฉันก็อยากมีลูกมากนะแต่พอตอนนี้ฉันกลับคิดได้ว่าดีแล้วล่ะที่เราสองคนยังไม่มีลูก เพราะถ้ามีลูกแล้วแกโตมาได้เห็นพ่อกับแม่มีสภาพเป็นแบบนี้ฉันไม่อยากจะนึกสภาพเลยว่าแกจะเป็นยังไง
พรึบ!
จู่ๆ เขาก็ลุกขึ้นแล้วหันหน้ามามองฉัน ก่อนจะเบี่ยงตัวเดินขึ้นบันไดไปด้านบน
ฉันเองก็รีบเดินตามขึ้นไปเช่นกัน เพราะอยากรู้ว่าเขาจะทำอะไรต่อ จะขนเสื้อผ้าไปอยู่ที่บ้านเพื่อนอีก หรือว่าจะแยกกันนอนคนละห้องอีก
"คุณจะทำอะไร?"
"...." เขาไม่ตอบอะไร แต่ถ้าทางเขาเหมือนกำลังขลุกอยู่กับอะไรสักอย่าง
"คุณจอม"
"ฉันจะลาออกจากงาน!"
"คะ? ลาออกตอนนี้เนี่ยนะ?"
"อืม..."
"...." ฉันมองไปที่เขาพร้อมกับขมวดคิ้วเป็นปม ฉันไม่ชอบการที่เขาเป็นแบบนี้เลย การทะเลาะกับเพื่อนร่วมงานการมีปัญหากับงานแล้วลาออกมันไม่ใช่การรับผิดชอบไม่ใช่การตัดสินใจที่ดีเลย
"และก็ไม่ต้องมาห้ามฉันด้วย ฉันตัดสินใจแล้ว"
"แล้วฉันห้ามอะไรคุณได้ไหมล่ะ ไม่ว่าจะครั้งไหนๆ เวลาคุณมีปัญหากับเพื่อนร่วมงาน หรือมีปัญหากับงาน คุณก็ทำแบบนี้ตลอดเลย นี่มันไม่ใช่การตัดสินปัญหาที่ดีนะ มันเป็นการหนีปัญหามากกว่า"
"แล้วเธอจะให้ฉันทำยังไง?"
"...."
"เธอมันก็ดีแต่พูดแบบนี้ไง ก็ใช่นี่ที่ทำงานของเธอมันไม่ได้มีปัญหาเหมือนกับที่ทำงานของฉันนี่นา เธอลองมายืนอยู่จุดเดียวกับฉันมีปัญหาเหมือนกับฉันสิ เธอจะได้รู้ว่าฉันรู้สึกยังไง!"
"ทำไมฉันจะไม่เคยเจอแบบคุณ ไม่ว่าจะทำงานที่ไหนมันก็มีปัญหาด้วยกันทั้งนั้นแหละค่ะ มันขึ้นอยู่กับว่าเราจะแก้ปัญหาตรงนี้ยังไง การที่คุณมีปัญหาแล้วตัดสินใจลาออกอย่างเดียวมันไม่ใช่การแก้ปัญหาที่ดี เพราะถ้าคุณไปอยู่ในที่ทำงานใหม่แล้วคุณมีปัญหาแบบนี้อีกคุณก็จะลาออกอีก ฉันว่าคุณเผชิญหน้ากับปัญหาบ้าง ลองตั้งสติแล้วตัดสินดีๆ คุณอยากเปลี่ยนงานบ่อยๆ เหรอ?"
"...." เขาเงียบ
"...." ฉันเองก็เงียบเช่นกัน ฉันไม่ได้อยากจะซ้ำเติมหรือพูดให้เขารู้สึกไม่ดีหรอกนะ แต่ฉันอยากให้เขาคิดมากกว่านี้ การตัดสินใจลาออกไม่ใช่การแก้ปัญหาที่ดีเลย มันเหมือนเป็นการหนีปัญหามากกว่า แล้วการหนีปัญหาไปเรื่อยๆ มันก็ไม่ใช่เรื่องดีเช่นกัน
ไม่มีที่ทำงานที่ไหนไม่มีปัญหาหรอก ไม่ว่าเราจะทำงานอะไรตำแหน่งดีเงินเดือนดีมากแค่ไหนยังไงก็ต้องมีปัญหาอยู่แล้ว ขึ้นอยู่กับว่าเราจะแก้ไขและเผชิญหน้ากับปัญหานั้นยังไง
#เวลาผ่านไป
ฉันปล่อยให้เขาออกไปทำตามในสิ่งที่เขาอยากจะทำ เพราะต่อให้ฉันคัดค้านเขาไปก็ไม่ได้ช่วยอะไรเลย เขาไม่เคยเชื่อฟังคำพูดของฉันเลยมีแต่จะตัดสินใจตามสิ่งที่ตัวเองต้องการ เอาแต่ใจเป็นที่หนึ่งต้องยกให้เขาเลย
นี่เขาก็หายออกไปได้พักใหญ่ๆ แล้วล่ะ ป่านนี้ไม่รู้ว่าจะเป็นยังไงบ้าง การเอาอารมณ์ตัวเองให้อยู่เหนือเหตุผลนี่มันไม่ใช่ความคิดที่ดีเลยนะ
บรืน!!~
ขณะที่ฉันกำลังนั่งคิดเรื่องของเขาอยู่ คุณจอมก็ขับรถเข้ามาจอดในบ้านจนมีเสียงเบรคดังเอี๊ยด น่าจะขับมาเร็วและเบรคกระทันหันเลยเกิดเสียงแบบนั้น
ตึก!!
“ตายจริง! คุณจอม!” ฉันอุทานออกมาอย่างลืมตัว ลืมไปเลยว่ากำลังทะเลาะกับเขาอยู่ เพราะแผลบนหน้าเขานี่สิมันทำให้ฉันโกรธไม่ลง
“….”
“เป็นอะไรมากหรือเปล่าคะคุณ ทำไมถึง…”
“อย่าเพิ่งถาม มาทำแผลให้ก่อน”
“ค่ะๆ” ฉันตอบรับและรีบเดินไปหยิบเอากระปุกยาที่อยู่ในตู้ออกมาทันที ก่อนจะนั่งทำแผลไปให้เขาเงียบๆ จนเสร็จ
“….”
“ทำไมคุณต้องใช้กำลังตัดสินปัญหาด้วยคะ?”
“….” เขามองหน้าฉันแล้วถอนหายใจ ไม่ได้ตอบอะไร ก่อนจะเบี่ยงหน้าหนีฉันไป
“สรุปแล้วก็ไม่มีอะไรดีขึ้น เจ็บตัวทั้งสองฝ่าย”
“เธอจะพูดเพื่อให้มันได้อะไรขึ้นมาห๊ะ!?” เขาหันมาตะคอกใส่ฉัน รู้แหละว่าไม่พอใจที่ถูกต่อว่าแบบนี้ แต่ที่ฉันพูดฉันก็แค่อยากให้เขาคิดไม่อยากให้เขาต้องใช้กำลังตัดสินปัญหาเพราะมันก็จะเป็นแบบนั้นไปเรื่อยๆ
ผลลัพธ์ที่ได้ก็มีแต่จะเจ็บตัวเปล่าๆ ไม่มีอะไรดีขึ้นเลยด้วย
“….”
“ฉันขอโทษ…”
“….” ก็ยังดีที่เขายังรู้จักขอโทษบ้าง แต่จะดีกว่านี้ถ้าเขารู้จักยับยั้งชั่งใจเสียก่อนจะทำอะไร
“คือฉัน…”
“พรุ่งนี้ตอนเย็นฉันมีงานเลี้ยงรุ่น คุณก็ไปด้วยกันสิคะ เพื่อนๆ ของคุณก็น่าจะไปด้วย อยู่แต่บ้านคงเบื่อแย่” ฉันเปลี่ยนเรื่องคุยเพราะไม่อยากให้เขาต้องจมปลักอยู่กับเรื่องพวกนี้
พรุ่งนี้เป็นวันหยุดอีกวันแต่เพื่อนสนิทสมัยเรียนโทรมาบอกให้ฉันไปงานเลี้ยงรุ่น เพราะเพื่อนๆ ที่เคยเรียนด้วยกันจะกลับมาจากต่างประเทศ ก็เลยอยากจัดงานเลี้ยงประหนึ่งว่าได้ย้อนเวลากลับไปเป็นเด็กอีกครั้ง
“งานเลี้ยง?”
“เพื่อนฉันกลับมาจากต่างประเทศน่ะ”
“จะให้ฉันไปสภาพนี้เนี่ยนะ เหอะ! ไปให้อายคนน่ะสิไม่ว่า” เขาเค้นเสียงพูด
“แผลแค่นี้เองค่ะ พรุ่งนี้ก็หายแล้ว อีกอย่างงานเลี้ยงก็เป็นตอนกลางคืนด้วยไม่มีใครสังเกตหรอกค่ะ” ฉันบอก
“อืม…”
“คุณน่ะ
เจอแต่เพื่อนที่ทำงานอยู่ด้วยกันแต่ไม่เคยเจอเพื่อนที่เคยเรียนอยู่ด้วยกันสักที ได้เจอกันบ้างก็ดีนะคะ คิดถึงกันแย่”
“อืม..”
“คุณอย่าลืมกินยาแก้อักเสบนะคะ จะได้หาย”
“อืม…”