บทที่ 4
แมทธิวรับภรรยาใหม่ของบิดาซึ่งเป็นหญิงสาวชาวไทย และลูกของนางทั้งสองคนได้อย่างสนิทใจ แม้ตอนแรกๆ จะไม่ได้อยู่ด้วยกันมากสักเท่าไหร่ เพราะเขาอยู่กับตอเรสผู้เป็นลุงซึ่งมีบ้านอยู่สองแห่งคืออิตาลีและอังกฤษ ตอเรสมักจะพาหลานรักคนเดียวอย่างแมทธิวติดสอยห้อยตามไปด้วยเสมอ แต่ระยะหลังๆ เมื่อเขากลับมาดูแลบริหารงานสายการบินของเขาที่อังกฤษ ยิ่งสนิทสนมกันมากขึ้น ชนิดที่ว่าเขาแทบจะไปคลุกคลีอยู่ที่บ้านสเปนเซอร์มากกว่าห้องชุดของตนเอง เขาสนิทกับครอบครัวใหม่ของตนเองได้รวดเร็วมาก เนื่องจากคุณสุภาวีค่อนข้างจะรักและเอ็นดูเขามาก ราวกับว่าแมทธิวเป็นลูกแท้ๆ ของเธออีกคนหนึ่ง ชีวิตครอบครัวที่เคยแหว่งวิ่นมีเพียงแต่ผู้เป็นลุงของแมทธิว จึงค่อยเติมเต็มไปได้บ้าง
ตอนนี้อายุของแมทธิวก็ย่างเข้าสู่วัยสามสิบห้าปีแล้ว เรียกได้ว่าเป็นหนุ่มฉกรรจ์ที่พร้อมจะสร้างครอบครัวของตนเอง หากแต่พี่ชายยังคงไม่อยากมองหาบ่วงนั้นมาผูกคอกระมัง ทั้งบิดาและมารดาเริ่มปรึกษากันแล้วว่าอยากจะลองนัดบอดให้กับบุตรชายคนโตดูบ้าง เผื่อว่าแมทธิวจะได้เจอหญิงสาวที่ถูกตาต้องใจ แต่เหมือนจะรู้เท่าทันความคิดนี้ เขาจึงหลีกลี้หนีได้ตลอดทุกคราวไป
ส่วนตัวเขาเองรอดตัวแล้วตอนนี้ จากการเคี่ยวเข็ญของมารดา เนื่องจากมีคู่หมั้นเป็นตัวเป็นตนแล้วอย่างแอชลีย์ หญิงสาวสวยเพอร์เฟคเลยก็ว่าได้ หล่อนเป็นทนายความคนเก่ง มีสำนักงานกฎหมายเป็นของตนเอง อายุยังไม่เท่าไหร่แต่ก็มีความสามารถรอบด้าน พกด้วยความสวยแบบเต็มพิกัด การที่เขาได้หมั้นหมายกับเธอนั้น มันแทบจะเหมือนกับฝันที่เป็นจริง งานแต่งงานของทั้งคู่กำหนดไว้ว่าเป็นปลายปีหน้า แม้ว่าเจ้าหญิงของบ้านอย่างสิริดาจะดูไม่ค่อยชอบหน้าคู่หมั้นของเขานัก แถมยังขยันหาข่าวไม่ค่อยดีของแอชลีย์มาอัพเดตให้พี่ชายเสมอๆ เหมือนอยากจะให้เขาเลิกกับเจ้าหล่อนก็ตามที แต่แมทธิวก็เข้าใจว่าแม่ตัวแสบหวงพี่ชาย มากกว่าเกลียดแอชลีย์จริงจังจนไม่อยากให้มาใช้นามสกุลสเปนเซอร์ และอีกอย่างหนึ่ง เขาก็เชื่อมั่นในตัวของแอชลีย์มาก ว่าอีกฝ่ายหนึ่งรักเขาจริงจนยอมทิ้งชีวิตสาวโสดสุดฮอตเพื่อมาแต่งงานกับเขา
“อะแฮ่ม! ใจลอยไปถึงแอชลีย์หรือยังไงกันแม็กซ์” เสียงทุ้มเอ่ยทักทาย ทำให้สินภพที่หลบมุมมานั่งคิดเรื่องต่างๆ เพียงลำพังถึงกับสะดุ้ง แล้วหันมายิ้มให้กับเจ้าของเสียง ที่ยืนกอดอกอยู่ด้านหลังเขา ซ่อนตัวอยู่ในเงามืดของต้นไม้ใหญ่
“มาเงียบๆ ตกใจหมดเลยพี่แมท นี่หนีใครมาหรือเปล่าครับ ถึงได้มาซุ่มเงียบแบบนี้”
เจ้าตัวเพียงแค่หัวเราะหึๆ แล้วเดินออกมาจากเงามืด แสงจันทร์สาดส่อง ต้องใบหน้าคมสันหล่อเหลานั้น ทำให้เขาดูราวกับเทพบุตรรูปงามบนสวรรค์ ที่ลงมาบนโลกมนุษย์ แต่ด้วยนัยน์ตาคมระยับซ่อนไว้ด้วยเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราวของแมทธิว เขาคงจะเปรียบคล้ายเทพลูซิเฟอร์ ที่ทั้งรูปงาม ขี้เล่น รวมถึงอันตรายอย่างเหลือร้าย
“เจ้าหญิงของพวกเรา สบายใจน่าดูที่เห็นว่าพี่แกะวิเวียนออกไปได้” คำพูดของน้องชายทำให้หนุ่มร้ายประจำบ้านหัวเราะอย่างถูกใจ พลางยักไหล่
“แกะคนหนึ่งได้ อีกคนหนึ่งก็ตาม เจ้าหญิงของเราน่าจะอยู่ต่อ พี่จะได้ยืมเป็นกันชนเสียเลย แล้วไปไหนแล้วล่ะ” เขามองซ้ายขวาเพื่อจะมองหาน้องสาวสุดที่รัก เหมือนอยากจะให้สิริดายื่นมือเข้าช่วยจริงๆ
“เห็นว่าจะไปหามาร์ตินี่ดื่มน่ะครับ คงจะไปไถลกับเพื่อนๆ กรุ๊ปของตัวเองอีกตามเคย ป่านนี้คงจะสนุกอยู่ในสวน” แมทธิวหมายถึงสวนสวยที่อยู่บริเวณด้านหลังของบ้านสเปนเซอร์ ความจริงจะเรียกว่าบ้านก็คงจะไม่ถูกต้องนัก ต้องเรียกว่าคฤหาสน์มากกว่า เพราะผู้เป็นบิดาซื้อคฤหาสน์หลังนี้ต่อมาจากดยุคท่านหนึ่งด้วยราคาแพงมหาศาล แต่ก็คุ้มค่านัก ศิลปะตามยุควิตอเรียนโดยแท้ รวมถึงภาพเขียน เฟอร์นิเจอร์ และหลายๆ สิ่งหลายอย่างในบ้านหลังนี้ มีมูลค่าในตัวของมันเอง ทั้งทางด้านประวัติศาสตร์และศิลปะ ถ้าไม่ใช่คนระดับตระกูลสเปนเซอร์ คงจะมีน้อยคนนักที่จะกล้าจ่ายเงินซื้อความสุขในราคาแพงขนาดนี้
สวนตกแต่งตามแบบสไตส์อังกฤษแท้ๆ สิริดาอยากได้เรือนกระจกกลางสวนดอกไม้เพื่อจะได้ชื่นชมเสพความงามของสวนสวยในยามค่ำคืนท่ามกลางแสงจันทร์ หรือเอาไว้พักผ่อนในยามกลางวันได้ด้วย เรือนกระจกจึงถูกเนรมิตขึ้นกลางสวนสวย หลังคาและโครงร่างประยุกต์มาจากศิลปะสมัยวิตอเรียนเพื่อให้เข้ากับตัวบ้าน ตอนนี้คงจะกลายเป็นคลับย่อยๆ ของเจ้าหญิงสิริดาและเพื่อนๆ ไปเสียแล้ว
“อย่างนั้นคงจะต้องหาตัวช่วยถัดไป” ผู้เป็นพี่ชายปรายตามองมายังแมทธิว พลางย่นคิ้วน้อยๆ ก่อนจะยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์
“ว้า...จะขอให้นายช่วยก็คงจะไม่ได้ นายโดนแอชลีย์งอนเอาพอดี ไม่น่ารีบหนีพี่ไปหมั้นเลยว่ะแม็กซ์” คำพูดของพี่ชายทำให้สินภพถึงกับกลั้นยิ้ม แล้วก็นึกอยากจะรู้ขึ้นมาทันที ว่าเป็นใครกัน ที่ทำให้เสือร้ายอย่างแมทธิวต้องหนีมาหลบซ่อนถึงขนาดนี้
“ใครกันน่ะพี่ชาย”
“เจเน็ต ซิมสัน ลูกสาวของนายกเทศมนตรีลอนดอน นายคงเข้าใจว่าทำไมพี่ถึงจะต้องหนีเธอมาโดยละม่อมแบบนี้” หนนี้สินภพถึงกับหัวเราะออกมาอย่างชอบใจกับคำพูดของผู้เป็นพี่ชาย
“อ้อ....ผมพอจะเข้าใจแล้วล่ะครับแมท แต่ว่าพี่จะเล่นซ่อนแอบทั้งคืนเลยเหรอกับเจเน็ต ผมว่าพี่น่าจะหาสาวๆ สวยๆ สักคนมาขัดตาทัพหล่อนได้อยู่นะครับ”
“จะหาใครกันล่ะแม็กซ์ ที่นี่มีแต่คนกันเอง เจเน็ตคงจะไม่มีทางเชื่อหรอกว่ามีใครเป็นคู่ควงคนใหม่ของพี่ ขนาดวิเวียน เธอยังจัดการเสียกระเด็นไปแล้วเรียบร้อย เฮ้อ...ไม่น่าไปยุ่งกับสาวฮอตอันตรายเลยจริงๆ ให้ตายเถอะ! คืนนั้นพี่ไม่น่าดื่มเตกิล่ามากไปเลย”
“หึๆ” สินภพเพียงได้แค่หัวเราะ สาวฮอตอันตรายอย่างเจเน็ต ซิมสัน ที่มีพ่อที่แสนจะตามใจลูกสุดๆ อย่างโยเซฟ สำหรับพี่ชายที่มีกิจการเดินเรือเทียบท่าเรือที่ลอนดอน แถมยังเกี่ยวกับกิจการสายการบินอีกเล่า มันจะต้องมีปัญหาแน่ๆ ถ้าเกิดว่าทำให้เจ้าหล่อนไม่พอใจขึ้นมาว่าถูกพี่ชายของเขาสลัดทิ้งอย่างไม่ไยดี ทีนี้ก็เหลือเพียงแค่มองดูว่าแมทธิวจะหนีจากปัญหานี้ไปพ้นได้อย่างไร เพราะดูเหมือนว่าเจเน็ตจะไม่ยอมปล่อยพี่ชายของเขาไปง่ายๆ เสียแล้ว ใครใช้ให้แมทธิวทั้งหล่อเหลาและร้ายกาจกันเล่า สาวๆ ที่ไหนก็ย่อมอยากจะปราบให้ยอมสยบเป็นเรื่องธรรมดา
“พี่บอกเจเน็ตแล้วว่า พี่มีคู่หมั้นที่พ่อหาไว้ให้” แมทธิวตอบหน้าตาเฉย เล่นเอาสินภพถึงกับขมวดคิ้ว ก่อนจะยิ่งหัวเราะหนักไปกว่าเดิม พี่ชายจึงเริ่มมองน้องชายสุดที่รักแบบตาขุ่นๆ ข้อหาที่หัวเราะเยาะเขาเสียงดังมากเกินไปหน่อย
ปัญหาหนักอกหนนี้แมทธิวไม่ได้ตั้งใจจะให้เกิด บังเอิญเขาต้องมาพัวพันกับเจ้าหล่อนในช่วงที่ใบอนุญาตต่อสัญญาการเดินเรือหมดอายุพอดีสิน่า ความรักสนุกของเขา บวกกับความเมา แถมด้วยเสน่ห์อันร้อนแรงของเจเน็ต มันกำลังทำให้เขาลำบากแล้วหนนี้ แม้จะเอ่ยอ้างกับเธอไปอย่างนั้น แต่เจเน็ตก็ยังไม่ยอมตัดใจลามือจากเขาโดยง่าย แม้ว่าศักดิ์ศรีมันจะค้ำคอเธออยู่ก็ตามที ในข้อที่ว่าไม่อยากแย่งผู้ชายกับใคร เธอบอกว่าอยากจะเห็นหน้าสาวผู้โชคดีรายนั้นด้วยตาของตนเอง แล้วก็ทิ้งท้ายมาด้วยว่า ถ้าเกิดว่าแมทธิวดูไม่เหมาะสมกับเจ้าหล่อนแล้วล่ะก็ เจเน็ตจะยอมเสนอตัวทำให้เขาพ้นจากบ่วงที่ไม่อยากจะรับไว้ ด้วยการยอมหมั้นกับเขาด้วยการยอมหมั้นกับเขาเสียเอง