บท
ตั้งค่า

บทที่ 9 ไม่มีอันใดจะเสียย่อมไม่กลัวสิ่งใด

หยิ่นซู่ฮั่วรู้ว่า หากตอนนี้ตัวเองไม่แสดงความน่าเกรงขามออกมา จะต้องถูกพระชายาจัดการแน่นอน

ต่อไปคนในจวนนี้ ก็จะรู้ว่าตัวเองเป็นแค่เสือกระดาษ ไม่เอาไหนใช้การไม่ได้

พระชายาไม่ได้ชอบแสร้งทำตัวเป็นคนดีนักหรือไง งั้นก็ให้นางรักษาโฉมหน้าจอมปลอมนี้ต่อไปเถอะ

ไม่ว่าอย่างไรนางก็ไม่ต้องการศักดิ์ศรีอยู่แล้ว และไม่ต้องกังวลว่าพฤติกรรมของตัวเองจะนำพาหายนะไปให้จวนเฉิงเซี่ยง

ในทางกลับกัน ควรเป็นพวกเขาต่างหากที่ขอร้องตัวเอง ว่าให้ทำตัวดีๆ ในจวนหนิงอ๋องหน่อย พวกเขาจะได้ไม่พลอยเดือดร้อนไปด้วย

พระชายาลุกขึ้นนั่ง หลินมามาที่อยู่ข้างๆ ก็มีสีหน้าเปลี่ยนไปเช่นเดียวกัน

เคยได้ยินมาว่า ตอนอยู่ในจวนเฉิงเซี่ยงซื่อจื่อเฟยผู้นี้มักถูกข่มเหงรังแก แล้วทำไมนิสัยของนาง ถึงได้หัวรุนแรงขนาดนี้ล่ะ?

ไม่เพียงหวังมามาและตู้มามาเท่านั้นที่ถูกลงโทษ แม้แต่เปี่ยวเสียวเจี่ยเองก็ยังเอาเปรียบนางไม่ได้สักอย่าง

“ท่านป้า จวนหนิงอ๋องจะให้ลูกสะใภ้ที่แต่งเข้ามาใหม่อย่างนางเป็นคนตัดสินจริงๆ หรือเพคะ?” เมื่อหลิ่วหลินหลางได้ยินแล้วก็ไม่พอใจ

หยิ่นซู่ฮั่วกลอกตาใส่นาง พลางกล่าวด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน “เราเป็นคน ทางที่ดีที่สุดควรวางตัวให้เป็น ในเมื่อรู้ว่าที่นี่คือจวนหนิงอ๋อง เจ้าเป็นคุณหนูจวนฝู่หยวนโป๋ และยังอาศัยที่ตนเป็นญาติของพระชายา แต่กลับกล้ามาชี้ไม้ชี้มือที่นี่ ดูท่าการสั่งสอนของบ้านเจ้าจะไม่เลวเลยนะ”

หลิ่วหลินหลางหน้าเขียวแล้ว ขณะที่กำลังจะเถียงกลับ พระชายากลับส่งสัญญาณให้นางเงียบ

พระชายาไม่ใช่คนโง่ นางมองออก หลานสาวของนางไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหยิ่นซู่ฮั่ว

ก่อนหน้านี้ ข้ารับใช้สองคนก็เคยตกอยู่ในเงื้อมมือหยิ่นซู่ฮั่ว หากนางไม่จัดการ แล้วปล่อยให้หนิงอ๋องรู้เข้า มันจะไม่ใช่เรื่องดีอะไร

“ข้ารู้ว่าพวกนางทำผิดมหันต์ แต่พวกนางเองก็รับใช้อยู่ในจวนมาหลายปี ก็ถือว่าระวังตัวกันพอควร ตอนนี้ก็อายุรุ่นราวคราวนี้แล้ว ถ้ายังไงสั่งลงโทษ แล้วไล่ออกไปจากจวนเถอะ อย่างไรเสียเจ้ากับจวินเย่ก็เพิ่งแต่งงานกัน ถ้าเอาชีวิตคนอื่น มันอาจไม่มงคลนะ”

หยิ่นซู่ฮั่วมองหน้าพระชายา นางสามารถรักษาภาพลักษณ์คนดีไว้ได้ตลอดเวลาจริงๆ

ทว่าคราวนี้ตัวเองไม่อยากให้โอกาสนาง “พระชายา ความจริงเมื่อกี้ข้าก็พูดไปอย่างนั้นแหละ ข้าเองก็ลงโทษไปแล้ว พวกนางก็แค่หมาที่อาศัยบารมีคน โทษไม่ถึงตาย ส่วนจะไล่ออกจากจวนไหม เรื่องนี้ข้าย่อมตัดสินไม่ได้อยู่แล้ว เพราะในจวนแห่งนี้ คนที่ดูแลเรือนยังเป็นพระชายา ไม่ใช่ลูกสะใภ้ที่เพิ่งเข้ามาใหม่อย่างข้า”

หลินมามาประหลาดใจ เพราะซื่อจื่อเฟยคนนี้มีความคิดที่ร้ายกาจมาก

คนพูดเพียงไม่กี่ประโยค ก็ทำให้เจตนารักษาชีวิตป้าสองคนนั้นของพระชายา กลายเป็นเจตนาไล่ข้ารับใช้ที่ทำงานมาให้หลายปีออกจากจวนได้

เป็นธรรมดาที่พระชายาจะเข้าใจเรื่องนี้ นางเลยได้แต่กล้ำกลืนบัญชีนี้ไว้

“ส่วนคุณหนูหลิ่ว พระชายาไม่ได้อยากให้นางขอโทษข้าเหรอ?”

หยิ่นซู่ฮั่วไม่ได้คิดจะปล่อยผู้หญิงคนนี้ไป

หลิ่วหลินหลางลุกพรวด แล้วย้อนถามว่า “มีสิทธิ์อะไร?”

พระชายาหลับตา ยัยเด็กไม่ได้เรื่อง จนถึงตอนนี้แล้ว ก็ยังทำตัวอวดเก่งอีก

“หลินหลาง ยังไม่รีบขอโทษพี่สะใภ้อีก”

หลังหลิ่วหลินหลางได้ยินคำพูดนี้แล้ว ก็ไม่อยากเชื่อหูตัวเองสักเท่าไหร่

นางหันมามองพระชายา หลังสังเกตเห็นแววตาเคร่งขรึมของหลินมามาแล้ว นางก็เข้าใจ

ถ้าวันนี้ตัวเองไม่ยอมขอโทษ คนที่ไปต่อไม่ได้จะเป็นท่านป้า

ทำอะไรไม่ได้ ทันใดนั้นนางก็ฝืนใจเดินไปตรงหน้าหยิ่นซู่ฮั่ว แล้วโค้งคำนับ “พี่สะใภ้ หลินหลางยังเด็ก ก่อนหน้าไม่เคยเจอพี่สะใภ้มาก่อน มีตาหามีแววไม่ พี่สะใภ้ได้โปรดอภัยให้ด้วย”

หยิ่นซู่ฮั่วฉีกยิ้มเย้ยหยัน ทำให้นางเห็นแล้วก็ขัดลูกหูลูกตา

“หวังว่าราคาที่สาวใช้คนนั้นเป็นคนจ่าย จะทำให้คุณหนูหลิ่วได้รับบทเรียนนะ ไม่งั้นคราวหน้าจะไม่ใช่แค่การตบครั้งเดียว และหญิงรับใช้แค่คนเดียวแล้ว”

ไฟโทสะในใจหลิ่วหลินหลางลุกโชน แต่ก็ไม่อาจระบายออกมาได้

ดูท่า หยิ่นซู่ฮั่วคนนี้ไม่คิดจะเหลือทางถอยให้ตัวเอง

“พระชายา ในเมื่อทำความเคารพเสร็จแล้ว งั้นข้าจะไม่รบกวนท่านกับคนบ้านมารดารำลึกความหลังกันแล้ว ซู่ฮั่วขอตัวเพคะ”

พระชายาเองก็ไม่ได้รั้งให้อยู่ต่อ ปล่อยให้นางเดินออกไป

“ท่านป้า ท่านปล่อยให้นางอาละวาดอยู่ในจวนเช่นนี้หรือเพคะ?”

หลังหยิ่นซู่ฮั่วออกไปแล้ว ในที่สุดหลิ่วหลินหลางก็ได้ระบายความไม่พอใจของตัวเองออกมา

แต่ท่าทางของพระชายา กลับดูเหมือนลืมเรื่องเมื่อครู่ไปซะสนิท

“พวกมันทำผิด ก็ควรโดนทำโทษ ส่วนเจ้า เดี๋ยวนี้ทำอะไรไม่รู้จักคิดขึ้นเรื่อยๆ ถ้าพ่อเจ้ารู้เรื่องนี้เข้า เขาจะลงโทษเจ้ายังไง”

หลิ่วหลินหลางมุ่ยปาก ท้ายที่สุดก็ไม่รู้จะพูดอะไรต่อ

ภายในเรือนเล็กของโม่จวินเย่ องครักษ์นำเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้มารายงานให้เขาฟังอีกรอบ

“ดูท่า โฉมหน้าจอมปลอมของพระชายาจะรักษาไม่อยู่แล้ว”

ขณะโม่จวินเย่โยนอาหารให้ปลาในบ่อ เขาก็กล่าวออกมาด้วยท่าทีสบายๆ

“ซื่อจื่อเฟยกำลังพาหญิงรับใช้ของนางเดินสำรวจจวนอ๋อง เหมือนต้องการทำความคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมพ่ะย่ะค่ะ” องครักษ์กล่าวขึ้นมาอีกครั้ง

“ไม่เป็นไร ปล่อยนางไปเถอะ ในเมื่อนางยอมรับปากข้าแล้ว ก็คงเตรียมใจตัดความสัมพันธ์กับจวนเฉิงเซี่ยงไว้แล้ว นางตัดสินใจจะอยู่ที่นี่แล้วล่ะ”

ดูเหมือนโม่จวินเย่จะเข้าใจความคิดของหยิ่นซู่ฮั่วดี

“ในเมื่อเป็นแบบนี้ แล้วทำไมตอนนั้นซื่อจื่อต้องรับปากเรื่องนั้นกับนางด้วยล่ะพ่ะย่ะค่ะ?”

องครักษ์ไม่เข้าใจ ในเมื่อซื่อจื่อมีสิทธิ์ตัดสินใจเด็ดขาด แล้วจะมีช่องว่างที่ไหนให้ซื่อจื่อเฟยมาเรียกร้อง

สีหน้าโม่จวินเย่เรียบนิ่ง “สำหรับข้า เงื่อนไขของนาง อาจไม่จำเป็นต้องเรียกร้องด้วยซ้ำ เพราะไม่ว่ายังไงมันก็เหมือนกัน”

ขณะที่พวกเขากำลังจะพูด ก็มีองครักษ์อีกคนเดินเข้ามา “ท่านซื่อจื่อ คุณชายฉีมาพ่ะย่ะค่ะ”

“เชิญเขาเข้ามาเถอะ”

ในที่สุดสีหน้าของโม่จวินเย่ก็ดูอบอุ่นขึ้น

ตัวหยิ่นซู่ฮั่วในเวลานี้ กำลังเดินสำรวจรอบจวนอ๋อง โดยมีหมิงหรุ่ยคอยอยู่เป็นเพื่อน

“ซื่อจื่อเฟย ที่ท่านพูดกับพระชายาวันนี้ จะทำให้พระชายาคิดแค้นเราหรือเปล่า?”

“ข้าทำร้ายคนของนาง เจ้าคิดว่าเราระวังตัวจนไม่กล้าทำอะไร แล้วนางจะคิดว่าไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้นงั้นเหรอ?” หยิ่นซู่ฮั่วอ่านเกมขาด

“ถ้าเป็นแบบนั้น สถานการณ์ของซื่อจื่อเฟยจะไม่เลวร้ายมากเลยหรือเพคะ? เพิ่งเข้ามาก็ล่วงเกินแม่สามี วันหน้าเราจะต้องระวังตัวยิ่งกว่าเดิมหรือเปล่า?” เห็นได้ชัดว่าหมิงหรุ่ยกำลังหวาดกลัว

แต่หยิ่นซู่ฮั่วกลับไม่เก็บมาใส่ใจ “วางใจได้ นางไม่ทำอะไรข้าหรอก อย่างน้อยก็ต่อหน้า นางจะไม่หาเรื่องข้า เพราะนางเป็นแม่เลี้ยงแบบอย่างของชาวประชา สตรีผู้เพียบพร้อมไปด้วยคุณธรรม”

ในช่วงหลายปีมานี้ พระชายาลำบากน่าดูกว่ารักษาภาพลักษณ์นี้ไว้ได้ แล้วจะมาถือสาซื่อจื่อเฟยที่แต่งเข้ามาเพื่อขจัดสิ่งอัปมงคลและตัดขาดความสัมพันธ์กับบ้านมารดาแล้ว ให้ทำลายชื่อเสียงที่ตัวเองอุตส่าห์สั่งสมมาได้อย่างไร

“ซื่อจื่อเฟย ข้ายังมีอีกเรื่องที่ไม่เข้าใจ” ทันใดนั้น ในสมองของหมิงหรุ่ยก็มีเรื่องที่ไม่เข้าใจอีกเรื่องผุดขึ้นมา

“อยากรู้ว่าทำไมท่านซื่อจื่อถึงมาอยู่ในห้องข้าเหรอ?” หยิ่นซู่ฮั่วเดาได้ว่านางคิดอะไร

หมิงหรุ่ยพยักหน้ารับ “เพคะ เมื่อวานข้าไม่เห็นใครเข้าไปสักคน……”

“ไม่มีคนเข้ามาทางประตู แต่ยังมีหน้าต่างไม่ใช่หรือไง……” หยิ่นซู่ฮั่วเอ่ยเตือน

หมิงหรุ่ยตกใจ มีประตูไม่เข้า กลับเข้าทางหน้าต่าง ท่านซื่อจื่อผู้นี้ก็ทำตัวประหลาดเกินไปหน่อยกระมัง

ห้องหอของตัวเองแท้ๆ ไม่ได้ลอบเข้าไปในห้องคนอื่นสักหน่อย

“ซื่อจื่อเฟย ที่จริงบ่าวยังมีอีกเรื่องที่อยากคุยกับท่านมาตลอด”

“เรื่องของข้างั้นเหรอ?”

“ถือว่าใช่ ที่จริงในจวนเฉิงเซี่ยง ยังมีอีกคน ที่ข้าอยากให้ซื่อจื่อเฟยช่วยออกมาเพคะ”

ทันใดนั้นแววตาของหยิ่นซู่ฮั่วก็เปลี่ยนไป “ใคร?”

“โจวมามา คนรับใช้ในสมัยนั้นของท่านฮูหยินเพคะ”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel