บท
ตั้งค่า

บทที่ 8 นางแอ๊บตัวแม่

หลังได้ยินคำเรียกของหยิ่นซู่ฮั่ว หางตาพระชายาก็ไม่อาจเก็บซ่อนความอับอายได้อีกต่อไป

ส่วนหลิ่วหลินหลางที่ร้องไห้โวยวายเมื่อครู่ ยิ่งอึ้งหนักเข้าไปใหญ่

ผู้หญิงคนนี้ ก็คือซื่อจื่อเฟยที่แต่งมาเพื่อขจัดสิ่งอัปมงคลกับญาติผู้พี่จวินเย่งั้นเหรอ?

พระชายารีบกล่าว “ลูกข้า ทำไมมาเช้าขนาดนี้ล่ะ แต่งงานสามวันแรกไม่มีเรื่องอันใดหรอก ไม่ต้องมากพิธีถึงขนาดนี้”

หยิ่นซู่ฮั่วค่อยๆ ลุกขึ้น พร้อมกับใบหน้าที่ยังเปื้อนยิ้ม “ลูกมิกล้า ไม่งั้นอาจถูกคนติฉินนินทา ว่าข้าไม่ได้รับการสั่งสอนได้”

พระชายาฟังออก นางกำลังพาดพิงถึงคำพูดที่ตู้มามากล่าวในวันนี้

นางใช้แขนเสื้อปิดปากตัวเองครู่หนึ่ง จากนั้นก็ทำให้ใบหน้าของตัวเองเปื้อนไปด้วยรอยยิ้มที่เป็นมิตรและพึงพอใจอีกครั้ง

“จะเป็นไปได้ยังไง อีกอย่างเจ้าเองก็ไม่ต้องทำตัวห่างเหินขนาดนี้ เรียกข้าว่าท่านแม่ก็ได้แล้ว”

“ตามหลัก ย่อมต้องเป็นแบบนั้น แต่ซู่ฮั่วมิกล้า”

หยิ่นซู่ฮั่วไม่ถ่อมตัวหรือหยิ่งผยอง น้ำเสียงเองก็เรียบนิ่งมาก

พระชายาตระหนักได้ในทันที ลูกสะใภ้คนนี้ไม่เพียงมีรูปโฉมโดดเด่น แต่ด้านความกล้าก็ยังเหนือกว่าผู้อื่นด้วย

ดูจากสถานการณ์ นางคงคิดจะทวงความยุติธรรมให้ตัวเอง

“เหตุใดจึงพูดเช่นนั้น?” นางยังคงรักษาท่าที

“เมื่อคืนตอนเข้าห้องหอ มีหวังมามาคนหนึ่งบอกว่าตัวเองเป็นคนของพระชายา นางเย้ยหยันดูถูกข้า แถมยังสาดน้ำแกงใส่ข้า ข้าเห็นแก่พระชายา เลยลงโทษไปแค่เล็กน้อย แต่ใครจะไปคิด เช้านี้ยังมีตู้มามาอีกคน นางบอกว่าทำตามคำสั่งของพระชายา ลงมือตบหญิงรับใช้ของข้า บุกเข้ามาในห้องหอ แล้วชี้ท่านซื่อจื่อที่กำลังนอนอยู่บนเตียงว่าเป็นชู้รัก เรียกร้องขอคำอธิบายจากข้า……”

พระชายาแทบรักษากิริยาสูงศักดิ์บนใบหน้าไว้ไม่อยู่

ตอนนี้ นางยังไม่รู้จะจัดการยายเฒ่าไม่ได้เรื่องได้ราวสองคนนี้อย่างไรดี

หยิ่นซู่ฮั่วพูดต่อ “ในเมื่อแต่งเข้ามาแล้ว ก็ต้องเป็นคนของจวนหนิงอ๋อง และนี่ยังเป็นงานแต่งพระราชทาน ข้าเป็นถึงซื่อจื่อเฟย แต่ข้ารับใช้ข้างกายพระชายา กลับกล้าดูหมิ่นข้า ข้าเลยคิดว่าพระชายาคงไม่อยากยอมรับลูกสะใภ้อย่างข้า ข้าเลยไม่กล้าเรียกท่านว่า ท่านแม่เพคะ”

แม้ว่าน้ำเสียงของนางจะเป็นการตัดท้อ แต่ก็ทำให้คนฟังรู้สึกได้ถึงความน้อยเนื้อต่ำใจ

ท้ายที่สุดพระชายาก็เริ่มทำตัวเคร่งขรึม “เฮ้อ ต้องโทษเพราะในช่วงหลายปีมานี้ ข้าใจดีกับพวกคนใช้เกินไป ถึงปล่อยให้พวกเขาทำตัวไร้กฎระเบียบได้ขนาดนี้ ดูท่าจะเป็นความผิดของข้าจริงๆ ตัวแม่ต้องขอโทษเจ้าแทนพวกนางด้วย”

หยิ่นซู่ฮั่วคิดในใจ เป็นนางแอ๊บตัวแม่อย่างที่คิดจริงๆ

ทว่านางกลับไม่อยากให้โอกาสพระชายา

ทันใดนั้นนางก็ลงไปคุกเข่า “คิดไม่ถึง ว่าพระชายาจะไม่ชอบข้าจริงๆ ในเมื่อไม่พอใจกับงานแต่งนี้ งั้นก็ให้ท่านซื่อจื่อเขียนหนังสือหย่าให้ข้าเถอะ ข้าไม่มีทางขอรั้งอยู่ที่นี่แน่นอนเพคะ”

พระชายามึนงง คำพูดเมื่อครู่ของตัวเอง มันผิดหรือไง?

“ซู่ฮั่ว นี่เจ้า……”

“เดิมทีซู่ฮั่วคิดว่า ป้าสองคนนั้นแค่ใช้อำนาจบาตรใหญ่ พระชายาไม่ได้รู้เรื่อง แต่เพิ่งแต่งงานเข้ามาวันแรก ทางฝั่งพระชายาไม่เพียงส่งคนไปรับข้ามาถวายบังคม แต่ยังขอโทษข้าด้วย นี่ไม่ได้ประกาศให้คนในใต้หล้ารู้ว่า ข้าซื่อจื่อเฟยผู้นี้ เป็นคนไม่เคารพแม่สามี ไม่เคารพผู้อาวุโสหรือเพคะ? เห็นอยู่ชัดๆ ว่าข้าเป็นคนที่ถูกว่าร้าย แต่กลับต้องมารับผลเช่นนี้ แล้วข้าจะไม่หวาดกลัวได้ยังไงละเพคะ?”

สีหน้าพระชายาเดี๋ยวแดงเดี๋ยวขาว เพราะตัวนางเองก็ถูกฉีกหน้าเช่นเดียวกัน

หลิ่วหลินหลางที่อยู่ข้างๆ ทนฟังต่อไปไม่ไหวแล้ว “กะอีแค่ซื่อจื่อเฟยที่แต่งเข้ามาขจัดสิ่งอัปมงคล คิดจริงๆ เหรอว่าตัวเองมีฐานะสูงส่งมากน่ะ? ท่านป้าข้าไว้หน้าเจ้าแล้ว เจ้าอย่ามากำเริบนะ”

“หลินหลาง!” พระชายากล่าวห้าม แต่เสียงกลับไม่ได้ดังมาก

เนื่องจากนางยังต้องรักษาภาพลักษณ์อันสง่างามเอาไว้

“ท่านนี้คงเป็นคุณหนูหลิ่วแห่งจวนฝู่หยวนโป๋ใช่ไหม เมื่อกี้ตอนเจอกันที่สวน อย่างไรข้าก็เป็นพี่สะใภ้ของนาง นางเห็นว่าข้างกายข้ามีสาวใช้อยู่แค่คนเดียว ดึงดันจะให้ข้าทำความเคารพนางให้ได้ แถมสาวใช้ของนางยังคิดจะลงมือกับข้าด้วย ถึงว่าทำไมก่อนจะเข้ามาในจวน ท่านซื่อจื่อถึงให้ข้าสัญญา ว่าจะตัดขาดความสัมพันธ์กับจวนเฉิงเซี่ยง ดูท่าหลังพระชายาแต่งเข้ามาแล้ว คนที่มาจากบ้านมารดาพวกนี้ คงใช้อำนาจรังแกคนอื่นซินะ”

คำพูดแต่ละอย่างของหยิ่นซู่ฮั่วแทงทะลุหัวใจทุกคำ

ไม่ว่าพระชายาคนต่อมาจะดีขนาดไหน แต่หลังได้ยินคำพูดพวกนี้แล้ว ก็ยังรักษาสีหน้าไม่อยู่เหมือนกัน

ตอนนี้หลิ่วหลินหลางโมโหจนควบคุมตัวเองไม่ได้ นางตะโกนออกมาว่า “คิดจริงๆ เหรอว่าข้าไม่รู้หัวนอนปลายเท้าเจ้าน่ะ? เป็นแค่บุตรีเอกที่ไม่ได้รับความรักในจวนเฉิงเซี่ยง ได้ยินว่าตอนเด็กๆ เจ้าเป็นคนฆ่าแม่ตัวเอง แล้วก็น้องชายที่ยังไม่เกิดด้วยนิ แต่งเข้ามาคราวนี้ ถ้าญาติผู้พี่จวินเย่เป็นอะไรไป……”

นางยังไม่ทันได้พูดจนจบ หยิ่นซู่ฮั่วก็สาวเท้าเข้าไป แล้วง้างมือตบหน้านางอย่างแรงแล้ว

“เจ้ากล้าตบข้า! ท่านป้า ท่านเห็นแล้วใช่ไหม?”

พระชายาเองก็หมดคำจะพูด หลานสาวคนนี้นี่จริงๆเลย ถ้าหนิงอ๋องมาได้ยินคำพูดเมื่อครู่ละก็ แม้แต่ตัวนางเองก็คงปกป้องจวนฝู่หยวนโป๋ไม่ได้

โม่จวินเย่เป็นแก้วตาดวงใจของหนิงอ๋อง ถึงคนในใต้หล้าจะรู้ว่าเขาใกล้ตาย แต่ก็ไม่มีใครกล้าพูดเรื่องนี้ต่อหน้าหนิงอ๋อง

“เจ้าควรจะขอบคุณข้านะ ไม่งั้นเจ้าจะได้รู้ว่า อะไรคือปลาหมอตายเพราะปาก ถ้าไม่เชื่อ เจ้าก็ถามท่านป้าของเจ้าดูซิ”

หยิ่นซู่ฮั่วมีแววตาดุดัน นางไม่ลังเลแม้แต่น้อย

หลิ่วหลินหลางตกใจเมื่อเห็นแววตานี้ นางเลยไม่กล้าพูดต่อ

สุดท้ายพระชายาก็เป็นคนพูด “หลินหลาง ต่อไปจะพูดจาไม่รู้จักกาลเทศะกับคนในครอบครัวไม่ได้แล้วนะ ยังไม่รีบขอบคุณพี่สะใภ้ที่ช่วยตักเตือนเจ้าอีก ไม่งั้นเจ้าได้เดือดร้อนจริงๆ แน่”

หลังเห็นสายตาของพระชายา หลิ่วหลินหลางถึงเริ่มสงบสติอารมณ์ได้

นางเริ่มตระหนักได้ว่าเมื่อครู่ตัวเองเลือกใช้คำพูดไม่ถูก ถึงจะไม่พอใจ แต่ก็จำต้องก้มหัว

“ไม่ต้องขอบคุณ ข้ากับคุณหนูหลิ่วก็ไม่ใช่ครอบครัวเดียวกัน เพราะชะตาข้ามันไม่ดี ถ้าคุณหนูหลิ่วผูกความสัมพันธ์กับข้า แล้วเกิดเป็นอะไรขึ้นมาจะทำยังไง?” ท่าทางของหยิ่นซู่ฮั่วดูหัวแข็งมาก

พระชายารู้ว่า หยิ่นซู่ฮั่วอยากให้ตัวเองแสดงท่าที

หลังครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้ว ใบหน้าก็กลับมาเปื้อนยิ้มอีกครั้ง

ทว่าคราวนี้กลับเหมือนฝ้ายที่มีเข็มซ่อนอยู่ ถึงมันจะอบอุ่น แต่กลับไม่ได้ดูสง่างามแล้ว

“ซู่ฮั่ว ไม่ต้องเก็บคำพูดเมื่อกี้ไปใส่ใจนะ ไม่อย่างนั้นเจ้าก็โทษคนเป็นแม่อย่างข้าเถอะ หญิงแก่สองคนนั้น แล้วก็หลานสาวข้า ข้าคงปฏิเสธการกระทำของพวกนางไม่ได้ เจ้าวางใจได้ ข้าจะต้องให้คำอธิบายที่พึงพอใจกับเจ้าแน่นอน”

หยิ่นซู่ฮั่วรู้อยู่แล้ว ว่าในเวลาเช่นนี้ พระชายาจะต้องกันพิษร้ายออกจากตัว

นางเองก็ไม่ได้ห้าม เพราะอยากรู้ว่าพระชายาจะช่วยตัวเองอย่างไร

“ทหาร หญิงรับใช้ข้างกายเปี่ยวเสียวเจี่ยคนนั้นไม่เคารพซื่อจื่อเฟย จนเกือบสร้างปัญหาใหญ่ให้เปี่ยวเสียวเจี่ย ตบปากนาง 50 ครั้ง แล้วส่งไปให้จวนโป๋ขาย”

ผ่านไปไม่นาน ก็มีหญิงแก่เข้ามาลากตัวสาวใช้ที่ถูกหยิ่นซู่ฮั่วสั่งสอนเมื่อครู่ออกไป

“เอาตัวหวังมามากับตู้มามามา” พระชายายังไม่หยุดเพียงเท่านี้

ในเมื่อจะจัดการ จะจัดการแต่คนนอกก็ไม่ได้

แม้ว่าป้ารับใช้สองคนนั้นจะเคยถูกหยิ่นซู่ฮั่วลงโทษแล้ว แต่พระชายาอย่างนางก็ต้องแสดงท่าทีบ้าง

ผ่านไปไม่นาน หวังมามาที่ยังพูดไม่ได้ และตู้มามาที่ถูกตัดนิ้วก็ถูกพาตัวเข้ามา

เมื่อเห็นหยิ่นซู่ฮั่ว พวกนางก็ดูหวาดกลัวน่าดู รีบพากันคุกเข่าทันที

“ถวายบังคมพระชายา ถวายบังคมซื่อจื่อเฟยเพคะ” ตู้มามาอดกลั้นความเจ็บปวด ทำความเคารพต่อพวกนาง

ส่วนหวังมามาได้แต่โขกศีรษะ เพราะพูดไม่ได้

“ซู่ฮั่ว ข้ารับใช้สองคนนี้ ไปทำให้เจ้ากับจวินเย่ไม่พอใจในวันแต่งงาน ยกให้เจ้าเป็นคนจัดการก็แล้วกัน”

หยิ่นซู่ฮั่วเห็นพระชายาเตะลูกบอลมาทางตัวเอง เลยเอ่ยถามตรงๆ ว่า “แล้วถ้าข้าอยากฆ่าพวกนางละเพคะ?”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel