บทย่อ
หยิ่นซู่ฮั่ว อัจฉริยะคู่ขนานทั้งแพทย์แผนจีนและตะวันตก ข้ามภพไปอยู่ในร่างของบุตรีเอกที่ไม่ได้รับการโปรดปราน แม้แต่งานสมรสก็ยังถูกกลั่นแกล้งขวางอยู่หน้าประตูจวนอ๋อง “อยากก้าวเข้าประตูจวนอ๋อง ก็ต้องตัดสัมพันธ์กับจวนเฉิงเซี่ยงเสียก่อน” “อยากได้มันก็ไม่มา แต่ถ้าซื่อจื่ออยากแต่งงานกับข้า จะมีสนมไม่ได้เด็ดขาดตลอดชีวิต” เข้าจวนเพียงลำพัง แต่งงานเพียงลำพัง เข้าห้องหอเพียงลำพัง หยิ่นซู่ฮั่วแสดงความในใจออกมา มันมีเรื่องดีอย่างนี้เชียวหรือ? ในมือมีห้องปฏิบัติการทางการแพทย์อยู่ นางยิ้มอย่างร้ายกาจ จัดการกับทาสบริวารที่ร้ายเล่ห์อวดดี พร้อมแผนการที่เด็ดขาดเฉียบแหลม และเขามองดูซื่อจื่อเฟยที่เหมือนเป็นเป็นอีกคนด้วยสายตาเยือกเย็น เพียงแต่ว่าแต่งงานไม่กี่วัน ทั้งตี้ตูก็พูดกันหนาหูว่าซื่อจื่อจวนหนิงอ๋องร่างกายอ่อนแอขี้โรค ในห้องหอมีใจไร้แรง น่าสงสารเยี่ยงนัก แต่หยิ่นซู่ฮั่วผู้ใส่ไฟแต่แรกกลับถูกซื่อจื่อบางคนโอบตัวเอาไว้ แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น:ได้ยินว่าซื่อจื่อเฟยพูดว่าข้าเสียๆหายๆกับคนไปทั่วงั้นรึ?
บทที่ 1 ซื่อจื่อเฟย
ราชวงศ์ต้ายง ตี้ตู
เกี้ยวเจ้าสาวจวนหนิงอ๋องมาถึงหน้าจวนเฉิงเซี่ยงแล้ว
“ยินดีกับพี่หญิงด้วย นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ท่านก็จะกลายเป็นซื่อจื่อเฟยจวนหนิงอ๋องผู้สูงศักดิ์แล้ว ถึงซื่อจื่อ(รัฐทายาท=ตำแหน่งผู้สืบทอดจากชินอ๋อง มักจะแต่งตั้งให้กับโอรสองค์โตหรือโอรสที่เกิดจากภริยาเอก)จะอยู่ได้อีกไม่นาน แต่น้องก็ยังอิจฉาท่านอยู่ดี”
“ในเมื่อน้องหญิงอิจฉาขนาดนั้น งั้นเจ้าก็มาแต่งซิ แบบนั้นแม่หน้าไม่อายของเจ้าก็จะได้กลายเป็นแม่ยายซื่อจื่อจวนหนิงอ๋องจริงๆ” หยิ่นซู่ฮั่วอยู่ในชุดเจ้าสาวสีแดงเพลิง บนศีรษะประดับมงกุฎทอง แววตาเจือไปด้วยความเย็นชา
ตัวเองเป็นถึงอัจฉริยะแพทย์แผนจีนและแผนตะวันตก และยังเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดเชื้ออันดับต้นๆ ของโลก แต่กลับต้องทะลุมิติเวลามาที่นี่
เจ้าของร่างเดิมชื่อเดียวกับตนเอง เพราะแม่แท้ๆ เสียชีวิต แม่เลี้ยงเลยได้เข้ามาดูแลจวนเฉิงเซี่ยง ส่วนบุตรีเอกที่งุ่มง่ามอย่างนางก็ถูกคนอื่นรังแกมานานปี ต่อมาถูกเฉิงเซี่ยงพ่อแท้ๆ ผู้แสนเลือดเย็นคนนั้นใช้เป็นเบี้ย ส่งเข้าไปแต่งงานขจัดสิ่งอัปมงคลกับซื่อจื่อจวนหนิงอ๋องที่มีชีวิตอยู่ได้อีกไม่ถึงหนึ่งปี ดังนั้นนางเลยวางยาพิษฆ่าตัวตายก่อนวันออกเรือน
ส่วนยัยจอมปลอมหยิ่นเมี่ยวเสว่ตรงหน้าคนนี้ ท่าทางเอาแขนเสื้อปิดปากนั่น กับแววตาที่เต็มไปด้วยความประชดประชัน ทำให้นางรู้สึกสะอิดสะเอียน
“หยิ่นซู่ฮั่ว เจ้าอย่ามาทำตัวไม่รู้จักชั่วดี คนที่อัปมงคลฆ่าแม่และน้องชายตัวเองอย่างเจ้า มีวันนี้ได้ ก็ควรขอบคุณฟ้าดินแล้ว”
หยิ่นเทียนเต๋อ พี่ชายแม่เดียวกันกับหยิ่นเมี่ยวเสว่ยืนตะคอกอยู่ด้านข้าง
หยิ่นซู่ฮั่วเองก็ไม่ได้โทษเขา เพียงกล่าวตรงๆ ว่า “ข้าดวงชะตาเลวร้ายขนาดนี้ แล้วทำไมสวะอย่างพวกเจ้าถึงยังมีชีวิตอยู่ดีล่ะ? หรือเป็นเพราะชีวิตมันไร้ค่าเกินไป ถึงยังต้องมาทรมานอยู่แบบนี้?”
หลังได้ยินหยิ่นซู่ฮั่วด่าว่าชีวิตตัวเองไร้ค่า หยิ่นเทียนเต๋อก็ไม่คิดเลยสักนิด รีบง้างมือกะจะเข้ามาตบนาง
หยิ่นซู่ฮั่วยกยิ้มที่มุมปากอย่างเย็นชา พลางยกเท้าถีบหยิ่นเทียนเต๋อ ทำให้เขาควบคุมตัวเองไม่ได้จนต้องลงไปคุกเข่าอยู่กับพื้น
“เจ้ากล้าทำร้ายคนอื่น!” หยิ่นเมี่ยวเสว่ที่อยู่ข้างๆ ตกใจ
บรรยากาศรอบตัวหยิ่นซู่ฮั่วเปลี่ยนไป ดวงตาราวกับวิญญาณอาฆาตพยาบาท หลังง้างมือขึ้นแล้ว ก็ลงมือตบหน้าเขาสองครั้ง
“จะเตือนพวกเจ้าไว้หน่อย ตอนนี้ข้าเป็นซื่อจื่อเฟยจวนหนิงอ๋อง หากตอนทำพิธีพวกเขาเห็นว่าหน้าข้ามีแผลขึ้นมา เจ้าคิดว่าจวนหนิงอ๋องจะปล่อยจวนเฉิงเซี่ยง ปล่อยพวกเจ้าไปงั้นเหรอ?”
หยิ่นเทียนเต๋อโมโหจนหน้าสั่น ขณะมองสายตาราวกับกินคนได้ของหยิ่นซู่ฮั่ว ท้ายที่สุดเขาก็เกรงกลัวอำนาจจวนหนิงอ๋อง ไม่กล้าโต้กลับนางอีก
ทันใดนั้นเองก็มีเสียงดังขึ้นที่หน้าประตู “ถึงฤกษ์งามยามดีแล้ว เชิญซื่อจื่อเฟยมาขึ้นเกี้ยวที่หน้าจวนเพคะ!”
หยิ่นซู่ฮั่วเดินผ่านพวกเขาไปอย่างเผด็จการ เห็นพวกเขามีท่าทีไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง
“ฉวยโอกาสตอนที่ยังมีเวลา เพลิดเพลินกับชีวิตให้พอซะ อย่าปล่อยให้วันเวลาดีๆ เสียเปล่า เพราะทำเรื่องชั่วไว้ ยังไงเวรกรรมก็ต้องคืนสนอง!”
นางขึ้นมานั่งในเกี้ยว ขณะฟังเสียงดนตรีข้างนอก หยิ่นซู่ฮั่วก็ค่อนข้างมึนหัว นางรู้ว่าเมื่อวานเจ้าของร่างเพิ่งดื่มยาพิษฆ่าตัวตาย มันยังมีสารพิษตกค้างอยู่
หากยังไม่ขจัดพิษ เธอคงไปไม่ถึงจวนหนิงอ๋อง และอาจตายอยู่ในเกี้ยวนี้
ถ้าเอาห้องปฏิบัติการกับร้านยาของตัวเองมาด้วยได้ก็คงดี เพราะไม่ว่าจะเป็นปัญหาแพทย์แผนจีนหรือแพทย์แผนตะวันตก ตัวเองก็จะสามารถจัดการมันได้อย่างสมบูรณ์แบบ
หยิ่นซู่ฮั่วกำลังครุ่นคิด ทว่าทันใดนั้นเองก็มีภาพห้องปฏิบัติการและร้านยาปรากฏขึ้นตรงหน้าจริงๆ
นางมึนงงไปในทันที ตัวเองตาลายหรือไง?
นางลองเอื้อมมือออกไป แล้ววางมือที่ลิ้นชักยาถอนพิษซึ่งอยู่ภายในร้านยา
นางเปิดลิ้นชักได้จริงๆ
ผ่านไปไม่นานยาถอนพิษข้างในก็มาอยู่ในมือนาง
หยิ่นซู่ฮั่วหยุดคิด มองยาถอนพิษในมือตัวเอง เพราะนางต้องเผชิญกับความประหลาดใจครั้งแล้วครั้งเล่า
สวรรค์ยังไม่ทอดทิ้งนาง ถึงกับเอาห้องปฏิบัติการกับร้านยามาให้นางด้วย
ต่อจากนั้นนางก็ไม่เสียเวลา รีบกินยาเม็ดนั้น แล้วรอให้สภาพร่างกายของตัวเองกลับมาเป็นปกติ
ผ่านไปไม่นาน เกี้ยวก็มาถึงหน้าจวนหนิงอ๋อง ผลลัพธ์กลับมีคนกลุ่มหนึ่งยืนขวางหน้าประตู ไม่ยอมให้พวกนางเข้าไปในจวนหนิงอ๋อง
จวนหนิงอ๋องแสนยิ่งใหญ่ งานมงคลสมรสของซื่อจื่อ แล้วนี่พวกเขากำลังคิดอะไรกัน?
“เกี้ยวซื่อจื่อเฟยมาถึงแล้ว ขอให้ทุกท่านเปิดทางด้วย” แม่สื่อสะบัดพัดในมือ พยายามจะสงวนท่าที
แต่กลุ่มคนที่ขวางอยู่กลับไม่มีท่าทีจะขยับไปไหน
“ซื่อจื่อมีคำสั่ง ถ้าซื่อจื่อเฟยคิดจะเข้าจวน ต้องลงนามหนังสือสัญญาต่อหน้าทุกคนก่อน”
หนังสือสัญญา?
หยิ่นซู่ฮั่วกำลังนั่งอยู่บนเกี้ยว นางได้ยินทุกอย่างเต็มสองหู ดูท่าจวนหนิงอ๋องจะไม่ยินดีต้อนรับนางสักเท่าไหร่
แม่สื่อเริ่มลังเล แม้จะเห็นพวกองครักษ์ไม่ยอมถอย แต่นางก็ทำอะไรไม่ได้
หยิ่นซู่ฮั่วที่อยู่ในเกี้ยวกล่าว “ไม่ทราบว่าซื่อจื่ออยากให้ข้าลงนามสัญญาอะไร?”
องครักษ์ได้ยินเสียงของซื่อจื่อเฟย แต่ก็ไม่ได้เก็บมาใส่ใจสักเท่าไหร่
พวกเขารู้ดีแก่ใจ ว่าซื่อจื่อเฟยคนนี้ ไม่ได้รับความรักในจวนเฉิงเซี่ยง ที่แต่งออกมาคราวนี้ ก็เป็นแค่เบี้ยที่มาหวังพึ่งบารมีเท่านั้น
“สัญญาว่า หลังแต่งเข้ามาในจวนแล้ว จะตัดขาดความสัมพันธ์กับจวนเฉิงเซี่ยง ไม่อย่างนั้นก็กลับไปซะ”
เป็นธรรมดาที่คำพูดขององครักษ์ ก็คือเจตนาของโม่จวินเย่
หลังหยิ่นซู่ฮั่วได้ยินแบบนั้น ก็เข้าใจในทันที ซื่อจื่อคนนี้กลัวว่าตัวเองจะอาศัยตำแหน่งซื่อจื่อเฟยมาช่วยแย่งชิงชื่อเสียงและผลประโยชน์ให้พ่อตัวเอง
ซื่อจื่อคนนี้ ถึงจะยังไม่ออกมาอแสดงตัว แต่ก็คิดไปในทางเดียวกันกับตัวเอง เกรงว่าคราวนี้พ่อเฉิงเซี่ยงของตัวเอง คงได้โมโหควันออกหูแน่
แต่มาวางอำนาจกับนางโจ่งแจ้งถึงขนาดนี้ คิดว่าจะมาหาเรื่องนางได้ง่ายๆ หรือไง?
หยิ่นซู่ฮั่วยกม่านเกี้ยวขึ้นด้วยความใจเย็น พลางกล่าวกับองครักษ์ว่า “ในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นก็ขอให้ซื่อจื่อช่วยรับปากข้าเรื่องหนึ่ง”
เมื่อองครักษ์ได้ยินก็ช็อกไปในทันที
ก็แค่ซื่อจื่อเฟยที่แต่งมาขจัดสิ่งอัปมงคล ยังจะกล้ามาเรียกร้องอะไรอีก?
“ทำไม มีแค่ซื่อจื่อของพวกเจ้าที่เรียกร้องกับข้าคนเดียว แต่ข้าเรียกร้องจากซื่อจื่อไม่ได้งั้นซิ?” หยิ่นซู่ฮั่วไม่ได้ลังเลแต่อย่างใด
องครักษ์คิดว่าน่าขัน “ท่านซื่อจื่อมีฐานะอะไร แล้วเจ้ามีฐานอะไร ตัวเองน่าจะรู้ดีแก่ใจอยู่แล้วนะ”
หยิ่นซู่ฮั่วรู้ว่า ความจริงแล้วท่าทีของพวกเขา บ่งบอกว่าซื่อจื่อกำลังดูถูกตัวเอง
นางไม่ได้ถอยหนี ยิ่งเป็นแบบนี้ นางก็ยิ่งฮึกเหิม
จวนเฉิงเซี่ยง นางไม่มีทางกลับไปอีกแล้ว
ในเมื่อคิดจะตัดขาด งั้นก็ต้องทำให้ถึงที่สุด
“เอาเกี้ยวลง” เสียงของนางหนักแน่นมาก
อะไรมงคลไม่มงคล มั่วนิ่มทั้งนั้นแหละ
เมื่อเกี้ยวสัมผัสกับพื้น หยิ่นซู่ฮั่วก็ลุกออกมา ก่อนจะค่อยๆ สาวเท้าไปหาองครักษ์
องครักษ์มึนงง ซื่อจื่อเฟยคนนี้ช่างงดงามจนไม่มีใครเทียบได้ ราวกับเทพธิดาลงมาจุติจริงๆ
หลังราษฎรที่อยู่รอบข้างเห็นรูปโฉมของหยิ่นซู่ฮั่วแล้ว ก็ตกตะลึงไปตามๆ กัน
“รีบไปรายงานซื่อจื่อของพวกเจ้า ถ้าคิดจะให้ข้าลงนามในหนังสือสัญญา มันง่ายมาก แต่เขาต้องรับปากข้าก่อน หากข้ากับเขายังเป็นสามีภรรยากันอยู่ เขาก็ห้ามรับอนุเข้าจวนเด็ดขาด”
องครักษ์ตกตะลึง ซื่อจื่อเฟยคนนี้ใจกล้าจริงๆ หรือสมองจะมีปัญหา?
“ถ้าท่านซื่อจื่อของพวกเจ้าไม่กล้ารับปาก งั้นก็เขียนหนังสือหย่ามา แล้วเราก็ต่างคนต่างไป ชาตินี้ไม่ยุ่งเกี่ยวกันอีก”
พวกองครักษ์หันมามองหน้ากัน ถึงพวกเขาอยากจะหาเรื่องซื่อจื่อเฟย แต่งานแต่งนี้เป็นราชโองการจากฮ่องเต้ พวกเข้าไม่กล้าพังงานจริงๆ ดังนั้นเลยส่งคนเข้าไปรายงาน
โม่จวินเย่ซื่อจื่อหนิงอ๋องกำลังพักผ่อนอยู่ในห้องตัวเอง ตัวเขาไม่ได้เปลี่ยนมาใส่ชุดเจ้าบ่าว
หลังฟังองครักษ์รายงานจบแล้ว แววตาเขาก็เย็นชา มุมปากเองก็เจือไปด้วยรอยยิ้มที่เยือกเย็น
“น่าสนใจ ดูท่านางเห็นจวนเฉิงเซี่ยงเกาะจวนหนิงอ๋องไม่ได้ แล้วจากนั้นก็เลิกคิดถึงจวนอื่น แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน ปัญหาข้าก็จะได้ลดลงหน่อย ในเมื่อนางอยากเป็นคนชั่ว งั้นข้าก็จะไม่ขวาง”