บท
ตั้งค่า

บทที่ 7 ฟ้อง

หยิ่นซู่ฮั่วดูใจเย็นมาก

นางหาที่อยู่ของพระชายาไม่เจออยู่พอดี ตอนนี้มีคนนำทางให้ นับว่าช่วยแก้ปัญหาให้ตัวเองไปเปราะหนึ่ง

หลิ่วหลินหลาง ชื่อนี้จัดว่าดัดจริตใช้ได้

เป็นอย่างที่คิด หลังหลิ่วหลินหลางฟังจบแล้ว คิ้วก็แทบจะลุกเป็นไฟ

ผู้หญิงน่ารังเกียจคนนี้ อาศัยที่ตัวเองมีรูปโฉมหน่อย ถึงกับกล้าคุยโวโอ้อวดได้ถึงขนาดนี้เลย?

ดูจากท่าทางหยิ่งยโสของนางแล้ว หรือนางจะเป็นอนุที่หนิงอ๋องเพิ่งรับเข้ามาอยู่ในจวน?

“ยัยคนไร้มารยาท ในเมื่อเป็นอนุของลุงเขยข้า เมื่ออยู่ต่อหน้าข้า เจ้าก็ไม่มีสิทธิ์มาพูดจาปากเก่ง”

“คุณหนูหลิ่วคิดว่าผู้หญิงที่หน้าตาดีหน่อย ควรจะเป็นคนของลุงเขยเจ้าหมดเลยเหรอ? ทำไม เจ้าเหน็บแนมรสนิยมของหนิงอ๋อง หรือว่ากำลังพาดพิงถึงหัวอกพระชายาล่ะ?”

หยิ่นซู่ฮั่วเป็นคนคารมคมคาย มันจึงเป็นธรรมดาที่หลิ่วหลินหลางจะสู้ไม่ไหว

หญิงรับใช้ที่อยู่ข้างๆ เห็นเจ้านายตัวเองโดนคนเถียงกลับ เลยคิดจะลงมือสั่งสอนหยิ่นซู่ฮั่ว

หยิ่นซู่ฮั่วคิดว่าคุณหนูใหญ่คนนี้ไม่มีสมอง

เป็นแค่แขก แต่กลับกล้าปล่อยให้ข้ารับใช้ลงมือในจวนอ๋องมั่วซั่ว ดูท่าพระชายาผู้นี้ คงคิดว่าโม่จวินเย่ต้องตายแน่ๆ ดังนั้นถึงได้ไม่ห้ามปรามคนบ้านมารดาไม่ให้มาวางอำนาจในจวนหนิงอ๋อง

หยิ่นซู่ฮั่วไม่ได้หลบ แต่เหน็บเข็มเงินไว้ในมือ แล้วสู้กลับ

ฝ่ามือของหญิงรับใช้ถูกเข็มแทง เลยกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด

หลิ่วหลินหลางตกใจกับภาพเหตุการณ์นี้ “เจ้ากล้าทำร้ายคนอื่น?”

“คน? คุณหนูหลิ่ว เจ้าแน่ใจเหรอว่าที่เจ้าพามาเป็นคน? เจ้าอาศัยบารมีของพระชายา แล้วนางละอาศัยบารมีของใคร? สุนัขรับใช้แบบนี้ ข้าไม่ให้นางตาย ก็ถือว่าไว้หน้าพระชายาแล้ว”

หยิ่นซู่ฮั่วพูดถึงพระชายาครั้งแล้วครั้งเล่า ดังนั้นจนกระทั่งตอนนี้หลิ่วหลินหลางก็ยังคิดไม่ได้ว่าหญิงงามตรงหน้าผู้นี้ ก็คือซื่อจื่อเฟยที่เพิ่งแต่งเข้ามาในจวนหนิงอ๋องเมื่อวาน

“เจ้ากล้าไปเถียงข้าต่อหน้าท่านป้าไหม?” หลิ่วหลินหลางกำลังโมโห

หยิ่นซู่ฮั่วฉีกยิ้ม “แทบทนรอไม่ไหว ข้าเองก็ต้องทำความเคารพท่านพอดี”

หลิ่วหลินหลางยิ่งมั่นใจกว่าเดิม ว่าผู้หญิงคนนี้เป็นอนุของหนิงอ๋อง

นอกจากนี้ ยังต้องเป็นคนที่ไม่มีตำแหน่งอะไรเทือกนั้นแน่

เพราะถ้าเป็นพระชายารอง จะต้องเข้าไปอยู่ในทำเนียบวงศ์ตระกูลของราชวงศ์ แบบนั้นนางจะรู้แน่นอน

ส่วนบรรดาอนุที่อยู่ถัดจากพระชายารอง จะมีฐานะทัดเทียมกับหญิงรับใช้ ดังนั้นนางถึงได้มั่นอกมั่นใจถึงขนาดนี้

หมิงหรุ่ยมองคุณหนูของตัวเองสู้กับคนพวกนี้ จนตัวนางเองก็เริ่มปรับตัวได้แล้ว

เนื่องจากฉากนองเลือดช่วงเช้าตรู่ ยังคงอยู่ในความทรงจำของนาง

“ซื่อจื่อ ซื่อจื่อเฟยทะเลาะกับคุณหนูหลิ่วที่สวนหลังจวนพ่ะย่ะค่ะ”

องครักษ์รายงานการเคลื่อนไหวของหยิ่นซู่ฮั่วให้โม่จวินเย่รู้อย่างทันท่วงที

โม่จวินเย่ยังคงโมโหเรื่องที่หยิ่นซู่ฮั่วบอกว่าตัวเองไม่ไหวอยู่ ดังนั้นสีหน้าเลยไม่ได้ดีสักเท่าไหร่

“ทำไม เจ้าคิดว่านางจะเป็นฝ่ายเสียเปรียบหรือไง?” เขาไม่ได้อารมณ์ดีแต่อย่างใด

“ไม่พ่ะย่ะค่ะ เพียงแค่เมื่อวานคุณหนูหลิ่วไม่ได้มา เลยไม่รู้จักซื่อจื่อเฟย ดูเหมือนคุณหนูจะคิดว่าพระนางเป็นอนุของท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ”

“คนบ้านมารดาของพระชายาไม่มีสมองกันทั้งนั้น เจ้ายังไม่ชินอีกหรือไง?” โม่จวินเย่เย้ยหยัน ไม่ได้เมินเฉย

องครักษ์ไม่ได้ต่อบทสนทนาอีก แม้เรื่องนี้จะเป็นเรื่องจริงก็ตาม

“ดูท่าทางฝั่งพระชายาคงจงใจไม่ส่งคนมารับซื่อจื่อเฟย ซื่อจื่อเฟยเลยหลงทาง แล้วบังเอิญไปเจอคุณหนูหลิ่วซินะ”

โม่จวินเย่รินชาให้ตัวเอง เขาไม่ได้เก็บเรื่องนี้มาใส่ใจมากนัก

“เจ้าคิดว่าคนที่ตัดนิ้วคนอื่นได้โดยไม่กะพริบตา จะต้องไปลำบากเพราะหลิ่วหลินหลาง?”

คราวนี้องครักษ์ไม่ได้กล่าวอะไร เพราะภาพเหตุการณ์เมื่อเช้ายังคงติดตาอยู่

“ยัยหลิ่วหลินหลางนั่นกำลังจะซวยแล้ว ดูซิว่าพระชายาจะจัดการยังไง ถึงจะยังรักษาภาพลักษณ์สตรีเพียบพร้อมต่อหน้าเสด็จพ่อได้”

อีกทางด้านหนึ่ง หลิ่วหลินหลางฟึดฟัดเดินนำคนของตัวเอง และรวมถึงหญิงรับใช้ที่ถูกเข็มแทงไปยังเรือนเล็กของพระชายา ส่วนด้านหลังยังมีหยิ่นซู่ฮั่วและหมิงหรุ่ยติดตามไปด้วย

เพิ่งก้าวเท้าเข้ามาในเรือน หลิ่วหลินหลางก็ตะโกนด้วยน้ำเสียงน้อยเนื้อต่ำใจ “ท่านป้า ท่านต้องตัดสินให้หลินหลางนะเพคะ!”

ด้านในมีคนคอยต้อนรับอยู่แล้ว หลังเห็นท่าทางของพวกเขา คนในเรือนนี้ก็ค่อนข้างประหลาดใจ

ทำไมเปี่ยวเสียวเจี่ย(คำเรียกที่คนรับใช้เรียกลูกพี่ลูกน้อง (หญิง)ของเจ้านาย)ถึงมากับซื่อจื่อเฟยด้วยล่ะ?

และดูจากท่าทางของเปี่ยวเสียวเจี่ยแล้ว เหมือนจะถูกซื่อจื่อเฟยรังแกมาอย่างนั้น

ขณะที่พวกเขากำลังจะทำความเคารพ หลิ่วหลินหลางกลับไม่ให้โอกาสพวกเขา ทันใดนั้นก็เดินเข้าไปด้วยใบหน้าร้องห่มร้องไห้

พระชายากำลังนั่งจิบชาอยู่ข้างใน หลังได้ยินเสียงแล้ว นางก็งุนงงไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็หันไปถามหญิงแก่ที่อยู่ข้างๆ ด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “หลินมามา ที่อยู่ข้างนอกคือหลินหลางงั้นเหรอ?”

แม้ว่าเครื่องแต่งกายของหลินมามาจะไม่ธรรมดาสามัญ แต่สีหน้ากลับดูสุภาพกว่าหวังมามาและตู้มามามาก

“พระชายา บ่าวเองก็คิดว่าเป็นเสียงเปี่ยวเสียวเจี่ยเพคะ”

“นางไม่ได้กลับไปไหว้บรรพบุรุษที่บ้านเกิดแล้วหรือไง แม้แต่งานแต่งลูกพี่ลูกน้องนางเมื่อวานก็ยังกลับมาไม่ทัน แล้วทำไมถึงมาเวลานี้ได้?” พระชายายังคงถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

หลินมามาเองก็ไม่ได้ใจร้อน “บางทีอาจเป็นเพราะคิดถึงพระชายา ดังนั้นเลยรีบกลับมากระมัง”

“ในเมื่อคิดถึงข้า แล้วทำไมถึงร้องไห้ตะโกนร้องขอให้ข้าช่วยตัดสินอะไร?” สีหน้าพระชายาเจือไปด้วยความสงสัยเล็กน้อย

“บางทีอาจไปเจอเรื่องอะไรมา เลยทำตัวเหมือนเด็ก พระชายาเองก็รู้นิสัยของเปี่ยวเสียวเจี่ยคนนี้นิเพคะ” หลินมามาปลอบโยน

พระชายาคลี่ยิ้ม “ชอบอารมณ์ร้อนอยู่เรื่อย โชคดีที่ตอนนั้นไม่รับปากให้นางแต่งกับจวินเย่ ไม่อย่างนั้นคงได้สร้างเรื่องให้คนหัวเราะเยาะไม่น้อยแน่”

ในคำพูดประโยคนี้ของพระชายา มีความหมายแฝงอยู่เยอะมาก

หลินมามาเองก็เข้าใจ เลยเพียงยิ้มตอบเท่านั้น

ตอนหลิ่วหลินหลางมาปรากฏตัวตรงหน้าพวกนาง ปากของนางบูดบึ้งมาก

“เป็นอะไรไป หลินหลางของเรา ไปเจอเรื่องอะไรที่ทำให้ขุ่นเคืองมาเหรอ?” พระชายายิ้มให้อย่างอบอุ่น

“ท่านป้า ท่านเป็นพระชายาที่ใจดีเกินไปแล้วนะเพคะ ปล่อยให้ยัยหน้าไม่อายพวกนั้น ทำตัวไร้กฎเกณฑ์มารยาท” หลิ่วหลินหลางเพิ่งเปิดปาก ก็พ้นแต่คำหยาบคายออกมาแล้ว

พระชายาและหลินมามาเลยหันมามองหน้ากัน ดูเหมือนเรื่องที่พวกเขาเดากันไว้ก่อนหน้านั้นจะถูกจริงๆ

“ในจวน? ในจวนจะมีใครไม่รู้จักเปี่ยวเสียวเจี่ย แล้วจะมีคนกล้ามาหาเรื่องกับเจ้าได้ยังไง?” พระชายาเอ่ยถาม

“ไม่รู้เพคะ แต่ไม่ว่ายังไงนางมันก็เป็นยัยจิ้งจอกเพศหยา หรือนางไม่ใช่อนุที่ลุงเขยเพิ่งรับเข้ามาเหรอเพคะ?” หลิ่วหลินหลางเข้ามาเจอญาติ จึงเป็นธรรมดาที่นางจะรู้สึกว่าตัวเองมีคนหนุนหลัง

สีหน้าพระชายาดูแย่ยิ่งกว่าเดิม ช่วงหลายปีมานี้ หนิงอ๋องไม่ข้องเกี่ยวกับใครมาโดยตลอด เลยไม่มีผู้หญิงจำพวกอนุภรรยา

ส่วนพระชายารองในจวน ก็เป็นคนที่อยู่ปรนนิบัติมานานหลายปีแล้ว เลยวางตัวเป็น

ยิ่งไปกว่านั้นพวกนางยังรู้จักหลิ่วหลินหลาง ไม่มีทางทำให้นางโมโหได้ถึงขนาดนี้แน่นอน

“นั่งลงก่อน แล้วค่อยๆ พูด เจ้าเข้าใจผิดอะไรมาหรือเปล่า?”

“ไม่มีทางเพคะ ยัยหน้าไม่อายนั่น พอเห็นข้าแล้วไม่ใช่แค่ไม่ทำความเคารพนะเพคะ แต่ยังทำร้ายหญิงรับใช้ของข้าด้วย”

ทันใดนั้นสีหน้าของพระชายาก็เปลี่ยนไป นางหันมามองหลินมามา “ในจวนมีคนแบบนี้อยู่ด้วยเหรอ?”

“เรียนพระชายา ตามหลักแล้ว ข้ารับใช้ในจวน ไม่มีทางทำตัวไร้กฎระเบียบขนาดนี้เพคะ”

“ทำไมจะไม่มี” หลิ่วหลินหลางยังคงไม่ยอมเชื่อ “ข้าพานางมาแล้ว นางยังบอกข้าว่า พระชายาไม่มีทางกล้าทำอะไรนาง”

พระชายายังไม่ทันได้พูด ก็มีคนตะโกนเข้ามาว่า “ซื่อจื่อเฟยมาเพคะ!”

หยิ่นซู่ฮั่วพาหมิงหรุ่ยเดินเข้ามาทางประตู ด้วยสีหน้าเปื้อนยิ้ม

ใบหน้าของนางกระทบกับแสงอรุณ ทำให้งดงามเปล่งปลั่ง

“ลูกถวายบังคมพระชายาเพคะ”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel