บทที่ 5 เอาดาบมา
ตู้โผวจื่อไม่ต้องลงมือทำเอง หยิ่นซู่ฮั่วก็เดินไปที่เตียงอย่างเปิดเผย พลางเอื้อมมือเข้าไปค้นหา แล้วหยิบผ้าขาวผืนหนึ่งออกมา
“มันซินะ?” นางโบกมันอย่างไม่อายใคร
ตู้โผวจื่อไม่กล้าเงยหน้ามอง นางได้แต่เหลือบมองแวบหนึ่ง
ทว่านางกลับเห็นว่าบนผ้าไม่มีรอยเลือดอย่างที่ตัวเองคิดไว้จริงๆ
“สุขภาพของซื่อจื่อ คนอื่นอาจไม่รู้ แต่พระชายาที่รักลูกจะไม่รู้งั้นเหรอ? ถึงเมื่อคืนซื่อจื่อจะมาเข้าหอ แต่ก็ไม่มีกำลังแรงกายพอ การที่พระชายาทำแบบนี้ มันเกินจำเป็น ทางที่ดีเจ้าควรจะไปปรึกษากับพระชายานะ ว่าจะแขวนผ้าผืนนี้ไว้หน้าจวนอ๋องเลยไหม ให้ทุกคนมากราบไหว้ ดูซิว่าคนอื่นจะคิดว่าข้าซื่อจื่อเฟยเสียกิริยา หรือเป็นเพราะสาเหตุอื่นกันแน่”
โม่จวินเย่หน้าดำ หยิ่นซู่ฮั่วผู้นี้จงใจว่าตัวเองไม่ไหว นางกำลังแก้แค้นที่เมื่อครู่ตัวเองทำให้นางต้องขายหน้า
ทว่าบัดนี้ ตัวเขาเองยังจนปัญญาที่จะเถียงกลับ
ทันใดนั้นสีหน้าของตู้โผวจื่อก็เปลี่ยนไป เพราะนางจะกล้าโต้ตอบกับคำพูดแบบนี้ได้อย่างไร
“ทำไมไม่พูดแล้วล่ะ? เมื่อกี้คนที่พูดอยู่ปาวๆ ว่าข้าหน้าไม่อาย เรียกร้องคำอธิบายจากข้า ไม่ใช่เจ้าหรือไง? หรือพระชายาสั่งเจ้าว่าตอนเจอข้า ให้ทำตัวหยิ่งผยองหน่อย จะต้องยัดความผิดให้ข้าในวันที่สองหลังแต่งเข้ามาให้ได้ ทำให้จวนหนิงอ๋องต้องอับอายตามไปด้วยงั้นซิ?”
การยิงคำถามอย่างกะทันหันของหยิ่นซู่ฮั่ว ทำให้ตู้โผวจื่อหัวใจเต้นรัว
“แน่นอนว่าไม่ใช่……”
หยิ่นซู่ฮั่วเห็นโม่จวินเย่ที่อยู่ข้างๆ มีสีหน้ามืดมน เลยถามว่า “ท่านซื่อจื่อ เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับชื่อเสียงของข้าและจวนอ๋อง ให้ข้าจัดการเองได้ไหม?”
“มันได้อยู่แล้ว……”
โม่จวินเย่กัดฟัน เขาไม่บ่นเรื่องที่นางทำชื่อเสียงตัวเองป่นปี้เมื่อครู่ หยิ่นซู่ฮั่ว บัญชีแค้นนี้ข้าจำไว้แล้ว
หลังได้รับคำตอบแล้ว หยิ่นซู่ฮั่วก็ค่อยๆ สาวเท้าเดินไปตรงหน้าตู้โผวจื่อ ก่อนที่แววตาจะเริ่มดุดันยิ่งกว่าเดิม
“ตัวเป็นข้ารับใช้ กลับไม่มีกฎระเบียบ รบกวนการพักผ่อนของซื่อจื่อ ชี้ไม้ชี้มือใส่ซื่อจื่อเฟย ใส่ร้ายข้า ทำให้จวนหนิงอ๋องต้องอับอาย”
เมื่อความผิดมาอยู่ตรงหน้า ตู้โผวจื่อที่เคยดูถูกดูแคลนเมื่อครู่ ก็เปลี่ยนเป็นตกตะลึง
นางรีบโขกศีรษะขอโทษ แล้วอธิบายอย่างคลุ้มคลั่งว่า “ซื่อจื่อเฟย บ่าวไม่ได้คิดจะทำเช่นนี้จริงๆ ก็แค่ทำตามกฎ……”
หยิ่นซู่ฮั่วกลับเค้นเสียงหัวเราะอย่างเย็นชา “กฎงั้นเหรอ? ข้าเพิ่งเข้าจวนมาวันที่สอง เจ้าก็ทำร้ายหญิงรับใช้ของข้า ดูถูกกฎจวนเฉิงเซี่ยง นี่น่ะเหรอกฎของจวนหนิงอ๋อง?”
ในที่สุดตู้โผวจื่อก็ได้บทเรียน ซื่อจื่อเฟยไม่ใช่คนที่จะมีเรื่องด้วยง่ายๆ
“ซื่อจื่อเฟย บ่าวสำนึกผิดแล้ว……”
“สำนึกผิด? งั้นก็แปลว่ายอมรับโทษ ข้าขอถามเจ้าหน่อย เจ้าอยากอยู่หรือตาย”
คำพูดเพียงประโยคเดียว ทำให้ทุกคนที่อยู่ในที่นั้นอ้าปากค้าง ซื่อจื่อเฟยห้าวหาญได้ขนาดนี้เลยเหรอ?
โม่จวินเย่ไม่มีท่าทีจะห้าม เพียงยืนมองด้วยสีหน้ามืดมน
ตู้โผวจื่อยังไม่ทันได้โต้กลับ หยิ่นซู่ฮั่วก็หยิบเข็มเล่มหนึ่งออกมาจากร้านยา ก่อนจะฝังเข้าที่ท้ายทอยของนางอย่างแม่นยำ พลางเอื้อมมือไปดึงคางนางลงมาได้อย่างง่ายดาย
ทุกอย่างนี้เกิดขึ้นในชั่วอึดใจ น้ำยังไม่ทันถูกกวนให้ขุ่นด้วยซ้ำ
ตู้โผวจื่อครวญคราง การอ้าปากค้างตลอดเวลาทำให้เจ็บปวดทรมาน แต่นางกลับส่งเสียงอะไรออกมาไม่ได้เลย
สาวใช้ที่ติดตามอยู่ข้างหลัง ตกใจจนทำถาดในมือหล่น และกรีดร้องออกมาเสียงดังลั่น
ผ่านไปไม่นานนางก็ตระหนักได้ว่าตัวเองเสียกิริยา เลยรีบขอร้องอ้อนวอน “ซื่อจื่อเฟยไว้ชีวิตด้วย บ่าวสำนึกผิดแล้ว!”
นางคุกเข่าอยู่ตรงนั้นด้วยเนื้อตัวที่สั่นเทา
ทุกคนตกใจจนพูดอะไรไม่ออก
ซื่อจื่อเฟยผู้นี้มีเอกลักษณะและวิธีของตัวเองจริงๆ
โม่จวินเย่มองด้วยแววตาเย็นชา เพราะการกระทำนี้มันคุ้นตามาก
เหมือนเมื่อคืนนางก็จะทำแบบนี้กับตัวเองเหมือนกัน
ตู้โผวจื่อเองก็รู้ความร้ายกาจของหยิ่นซู่ฮั่วแล้ว ตอนนี้ปากพูดไม่ได้ ทำได้แต่ก้มหัว และขอร้องอ้อนวอน
“หมิงหรุ่ย หยุดร้องไห้ เมื่อกี้นางตบเจ้ายังไง เจ้าก็โต้กลับไปเป็นเท่าตัว!”
หยิ่นซู่ฮั่วปัดมือ ยืนอยู่ข้างๆ ด้วยท่าทีสบายๆ เฝ้ามองความเจ็บปวดทรมานของตู้โผวจื่อ
หมิงหรุ่ยมึนงงไปในทันที โต้กลับงั้นเหรอ?
ตอนอยู่ที่จวนเฉิงเซี่ยง นางมีแต่เป็นฝ่ายโดนทำร้าย เวลาเจอป้ารับใช้พวกนั้น นางได้แต่อดทนอดกลั้นเท่านั้น
ตอนนี้ซื่อจื่อเฟยให้นางลงมือ ตบหญิงแก่ที่รับใช้จวนหนิงอ๋องมานานปี และยังเป็นคนสนิทข้างกายพระชายาอีก?
“ซื่อจื่อเฟย……” นางตอบกลับอย่างขลาดเขลา ขณะมองแววตาหยิ่นซู่ฮั่ว ท้ายที่สุดนางก็ไม่กล้าลงมือ
นางถูกรังแกจนไม่กล้าสู้กลับ หล่อเลี้ยงตัวเองจนมีนิสัยเช่นนี้นานแล้ว
หยิ่นซู่ฮั่วถอนหายใจ เจ็บใจที่ไม่สามารถหลอมเหล็กให้กลายเป็นเหล็กกล้าได้
“เวลาโต้ตอบคนชั่ว ต้องทำคืนเป็นเท่าตัว เจ้าคิดว่าการให้อภัยและการระมัดระวังตัวของตัวเอง จะทำให้พวกเขาเห็นใจหรือไง? ดูให้ดีล่ะ วันนี้ข้าจะสอนให้เจ้ารู้จักการวางตัว”
หลังพูดจบแล้ว หยิ่นซู่ฮั่วก็หันสายตามายังตู้โผวจื่ออีกครั้ง
“ทหาร”
หมิงหรุ่ยไม่กล้าขยับ ได้แต่ปล่อยให้นางจัดการ
ตู้โผวจื่อตัวสั่น ซื่อจื่อเฟยผู้นี้น่ากลัวเกินไปแล้ว
ไม่นานก็มีองครักษ์สองนายวิ่งเข้ามาทำความเคารพ
“ซื่อจื่อเฟย มีอะไรพ่ะย่ะค่ะ”
“ดาบ”
องครักษ์ไม่เข้าใจคำพูดของหยิ่นซู่ฮั่ว เลยเงยหน้าขึ้น แล้วมองด้วยสายตาหวาดระแวง
“เอาดาบมาให้ข้า”
น้ำเสียงของหยิ่นซู่ฮั่วเรียบนิ่ง ราวกับต้องการของที่ไม่สลักสําคัญ
องครักษ์สองนายหันมามองหน้ากัน ซื่อจื่อเฟยจะเอาดาบ?
โม่จวินเย่ที่ยืนมองอย่างเย็นชามาโดยตลอดกล่าวว่า “เอาให้นาง”
เขาเองก็อยากรู้เหมือนกัน ว่าซื่อจื่อเฟยคนนี้จะโหดได้ถึงขั้นไหน
เมื่อเห็นหยิ่นซู่ฮั่วถือดาบไว้ในมือ ตู้โผวจื่อก็มีเหงื่อเย็นไหลซึมออกมา
ถึงจะเป็นซื่อจื่อเฟยที่แต่งเข้ามาเพื่อขจัดสิ่งอัปมงคล แต่ก็มีฐานะสูงส่งกว่านางอยู่ดี
แต่น่าเสียดายที่เมื่อก่อนหน้านี้ นางไม่เข้าใจหลักการนี้
ขณะมองหยิ่นซู่ฮั่วถือดาบมาหาตัวเองด้วยสีหน้าเย็นชา ตู้โผวจื่อก็ส่ายหน้า ตัวสั่น แต่เพราะกรามค้าง นางเลยไม่อาจส่งเสียงขอร้องอ้อนวอน
ทันใดนั้นกลิ่นเหม็นคาวก็เริ่มแพร่กระจาย น้ำสีเหลืองปรากฏขึ้นที่ท่อนล่างของตู้โผวจื่อ
อย่างไรเสียก็เป็นคนเก่าคนแก่ของจวน แต่บัดนี้กลับตกใจจนฉี่แตก
โม่จวินเย่หลับตาด้วยความขยะแขยง
หยิ่นซู่ฮั่วเริ่มบ่นพึมพำ “ทำห้องหอข้าสกปรก โทษของเจ้าเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งกระทง ข้าจะลงโทษเจ้ายังไงดีนะ?”
ตู้โผวจื่อเห็นแววตาของนางไร้ความอบอุ่น เลยไม่สนร่างที่เปียกปัสสาวะของตน รีบถอยไปทางข้างหลังทันที
“กดนางไว้” หยิ่นซู่ฮั่วยังมีท่าทีเช่นเดิม
ตู้โผวจื่อโบกไม้โบกมือไม่หยุด น้ำตาพลางไหลอาบหน้า
หยิ่นซู่ฮั่วไม่สนใจสายตาหวาดกลัวของตู้โผวจื่อ และมือไม้ที่โบกไปมา ทันใดนั้นนางก็ยกดาบขึ้น
“อร๊าย!”
สาวใช้ที่อยู่ข้างหลังกรีดร้องออกมาอีกครั้ง ก่อนจะเป็นลมสลบล้มไป
พร้อมกันนั้นเองนิ้วของตู้โผวจื่อก็กลิ้งไปกับพื้น
นางเจ็บจนเหงื่อแตก เพราะไม่อาจร้องออกมาได้ ความเจ็บปวดเลยรุนแรงยิ่งกว่าเก่า ตัวนางหดเป็นวงกลม สั่นราวกับถูกโยนไปท่ามกลางหิมะด้วยเนื้อตัวล่อนจ้อน
หยิ่นซู่ฮั่วย่อตัวลงอย่างใจเย็น ใช้ผ้าเช็ดหน้าขาวเมื่อครู่ห่อนิ้วของนาง
เมื่อองครักษ์ที่อยู่ด้านข้างเห็นแล้ว ก็อดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลาย ซื่อจื่อเฟยคนนี้โหดเกินไปหน่อยกระมัง นี่นางเป็นลูกคุณหนูผู้ดีจริงเหรอ?
หลังดึงเข็มเงินออกแล้ว หยิ่นซู่ฮั่วยังฝังไปที่ตัวนางอีกเข็ม คางนางถึงได้กลับมามีสภาพปกติ
ตู้โผวจื่อกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด และหวาดกลัวสุดหัวใจ
หยิ่นซู่ฮั่วทำเป็นไม่ได้ยิน หลังมองผ้าเช็ดหน้าขาวที่มีรอยเลือดเปื้อนแล้ว นางก็โยนไปตรงหน้าตู้โผวจื่อ
“ไม่ต้องเอาไปรายงานพระชายาเหรอ งั้นเอาเจ้านี่ไปรายงานก็แล้วกัน”