บทที่ 4 นักฆ่าหรือว่าชายชู้
“ดึกดื่นไม่หลับไม่นอน ออกมาฆ่าชาวบ้าน ใครส่งเจ้ามาฮะ?”
โม่จวินเย่คิดไม่ถึงว่าการมาตรวจสอบของตัวเองจะกลายเป็นนักฆ่า และยิ่งคิดไม่ถึงว่าตัวเองจะถูกผู้หญิงคนนี้หลอกเพราะความประมาทเพียงชั่วครู่
บัดซบ ใบหน้าของผู้หญิงคนนี้หลอกคนเก่งเกินไปแล้ว
“ลือกันว่าซื่อจื่อเฟยเป็นสวะ ดูท่าทุกคนคงโดนเจ้าหลอกหมดซินะ นี่มันยาอะไร?”
หยิ่นซู่ฮั่วที่นั่งอยู่บนเตียงเห็นเขาอิงตัวข้างเตียงอย่างไร้เรี่ยวแรง และไม่มีท่าทีจะต่อต้าน เลยยกมือขึ้นอย่างภาคภูมิใจ “ก็แค่ยาระงับประสาท เจ้าจะได้ทำตัวดีๆ หน่อย ถ้าเป็นยาพิษ เจ้าตายตาไม่หลับไปแล้ว ทำไงได้ ข้ามันเป็นคนดีเกินไป ฆ่าคนในวันแต่งงานมันไม่มงคลน่ะ”
หลังได้ยินคำพูดของหยิ่นซู่ฮั่ว โม่จวินเย่ก็ฉีกยิ้มด้วยความโมโห เพราะเพียงแค่เขาส่งเสียงให้สัญญาณ ซื่อจื่อเฟยคนนี้ ก็จะกลายเป็นชิ้นเนื้อในทันที และจะถูกแบกกลับไปจวนเฉิงเซี่ยงในวันพรุ่งนี้
นางคิดจริงๆ เหรอว่าแค่ยาที่ตนไม่รู้จักตัวเดียวจะจัดการเขาได้? ถึงจะเป็นยาพิษ เขาก็มั่นใจว่าสามารถเอาชีวิตอีกฝ่ายได้ก่อนที่ตัวเองจะตาย!
ยกตัวอย่างเช่น……
โม่จวินเย่จับขาหยิ่นซู่ฮั่ว แล้วดึงให้มาอยู่ข้างตัว จากนั้นก็กระชากนางมาตรงหน้าอก
“ทหาร มาจับนักฆ่า!” หยิ่นซู่ฮั่วกรีดร้อง เพราะนางคิดไม่ถึงว่าผู้ชายคนนี้จะมีเรี่ยวแรงสู้อยู่ ต้องโทษตัวเองที่ขายาวเกินไป
เสียงแหลมจนหนวกหู โม่จวินเย่จึงอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว ก่อนจะใช้ดาบในมือทำให้หยิ่นซู่ฮั่วสลบ
หลังเคลื่อนไหวมาสักพัก โม่จวินเย่ก็รู้สึกว่าเปลือกตาของตัวเองหนักขึ้นเรื่อยๆ สติเองก็เริ่มรางเลือน ก่อนร่างจะทิ่งดิ่งลงเตียงทั้งๆ ที่ยังอุ้มหยิ่นซู่ฮั่วอยู่
ทว่าหลังมาอยู่ใกล้ๆ แล้ว เขาถึงได้พบว่า บนตัวผู้หญิงคนนี้มีกลิ่นหอมอ่อนๆ
……
ยามเช้าตรู่ หยิ่นซู่ฮั่วต้องตื่นเพราะเสียงโวยวายที่ดังมาจากทางด้านนอก
ทันใดนั้นเองก็มีเสียงกรีดร้องราวกับฟ้าผ่าบนผืนดินดังขึ้น “เจ้ามีสิทธิ์อะไรถึงมาทำร้ายคนอื่น!”
หยิ่นซู่ฮั่วฟังออกในทันที นั่นคือเสียงของหมิงหรุ่ย
“พวกที่ออกมาจากจวนเฉิงเซี่ยง ช่างไม่รู้จักกฎระเบียบซะจริง นี่มันยามไหนแล้ว ยังไม่รีบปลุกซื่อจื่อเฟยอีกงั้นเหรอ?”
จวนอ๋องลึกล้ำดั่งมหาสมุทรจริงๆ บางทีนี่อาจเป็นแค่จึงเริ่มต้นกระมัง
ทว่า ทำไมบนตัวนางถึงรู้สึกหนักๆ ล่ะ
เมื่อลืมตาขึ้น หยิ่นซู่ฮั่วก็ต้องตกตะลึง เพราะดูเหมือนนักฆ่าเมื่อคืนจะนอนทับบนตัวนางแบบนี้ทั้งคืน?
นางพยายามออกแรง ผลักตัวผู้ชายลงไป เพราะยาระงับประสาทเข็มนั้น เขาเลยหลับปุ๋ย น่าสงสารก็แต่แขนที่ด้านชาของนาง
ทันใดนั้นเอง เสียงข้างนอกก็เริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ
“เจ้าตื่นเร็ว……”
ตามหลักแล้ว ฤทธิ์ของยาระงับประสาทน่าจะหมดแล้ว
ข้างนอกดังถึงขนาดนั้น คนที่สลบอย่างตัวเองยังตื่น แต่เขากลับยังไม่รู้สึกอะไรงั้นเหรอ?
ถ้าให้คนอื่นเห็นว่ามีคนแปลกหน้ามานอนอยู่ในห้องหอของตัวเองและซื่อจื่อ ถึงนางจะมีร้อยปาก ก็คงอธิบายไม่ไหวแน่
ขณะที่นางกำลังอับจนปัญญา ประตูก็ถูกกระแทกให้เปิดออก
หมิงหรุ่ยถูกสตรีมีอายุคนหนึ่งผลักเข้ามา ทำให้ตัวเซลงมานั่งอยู่กับพื้น
เมื่อเห็นว่ามีผู้ชายอยู่บนเตียงกับหยิ่นซู่ฮั่ว และหยิ่นซู่ฮั่วเองก็กำลังทำอะไรอยู่ตรงนั้น หมิงหรุ่ยก็ตะโกนด้วยความตื่นตกใจ “ซื่อจื่อเฟย!”
หลังได้ยินเสียงนี้ สตรีมีอายุที่อยู่ข้างนอกก็รีบพุ่งเข้ามา
สาวใช้ที่อยู่ข้างหลังเองก็รีบถือถาดเปล่าเดินเข้ามาติดๆ
ยัยป้าคนนี้ดูมีอายุพอๆ กับหวังมามาคนเมื่อวาน ร่างใหญ่ตัวหนา ท่าทีมีบารมี และดวงหน้ายังดูสงบนิ่งมาก
หยิ่นซู่ฮั่วหลับตา ถึงจะกระโดดลงหวงเหอก็คงล้างมลทินไม่ได้แล้ว คงได้แต่ด้นสดแล้วละ
ยัยป้าคนนั้นยังไม่ทันได้พูดอะไร นางก็ชิงลงมือก่อน
“ใครเอะอะโวยวาย?”
หลังสตรีมีอายุเห็นเหตุการณ์ตรงหน้าแล้ว ก็ตกตะลึงพรึงเพริดเช่นเดียวกัน
เดิมทีนางแค่รับคำสั่งให้มาหาเรื่องซื่อจื่อเฟย เมื่อคืนซื่อจื่อไม่ได้มา ดังนั้นผ้าขาวใต้เตียงซื่อจื่อเฟยก็คงไม่เปื้อนเลือด
หากหยิบผ้าผืนนั้นไป ทางฝั่งพระชายาย่อมต้องมีเรื่องให้แต่งแต้มอยู่แน่นอน
แต่กลับคิดไม่ถึง ว่าจะมีเหตุไม่คาดคิดอื่นอีก ตอนนี้บนเตียงซื่อจื่อเฟยมีผู้ชายอยู่!
“ถวายบังคมซื่อจื่อเฟย บ่าวแซ่ตู้เพคะ”
คาดว่าตัวนางเองก็ได้ยินเรื่องที่หวังมามาโดนทำร้ายเมื่อคืนแล้ว ดังนั้นในด้านกิริยามารยาท เลยไม่ปล่อยให้คนอื่นจับผิดได้
โม่จวินเย่ที่อยู่บนเตียง ขยับเปลือกตาเล็กน้อย แต่เขาไม่ได้ลืมตา
เพราะเขาอยากเห็นหยิ่นซู่ฮั่วตกอยู่ในสถานการณ์กลืนไม่เข้าคายไม่ออก
“ไม่ทราบว่าตู้มามามาที่นี่ตั้งแต่เช้าตรู่ ด้วยเหตุใด?” ภายใต้ความปั่นป่วน หยิ่นซู่ฮั่วพยายามสงบสติอารมณ์
ตู้โผวจื่อเองก็ไม่ได้ประหม่า นางกล่าวอย่างชัดถ้อยชัดคำ “เรียนซื่อจื่อเฟย บ่าวทำตามกฎ มาเก็บของบางอย่างจากซื่อจื่อเฟย แต่ตอนนี้ดูเหมือน ซื่อจื่อเฟยจะต้องอธิบายกับบ่าวนะเพคะ”
จะเห็นว่าท่าทีใจเย็นของตู้โผวจื่อ มีเจตนาชั่วร้ายแอบแฝงอยู่เล็กน้อย
“เจ้าอยากให้ข้าอธิบายเรื่องอะไร?” แม้ว่าหยิ่นซู่ฮั่วจะมีคารมคมคายขนาดไหน แต่สถานการณ์ตรงหน้านี้ ตัวนางเองก็ยังหาทางรับมือไม่ได้เหมือนกัน
ตู้โผวจื่อยกคางขึ้น ส่งสัญญาณมาที่เตียง
“ชู้รัก!”
นางกล่าวคำนี้ได้ดูสะใจมาก
แต่หยิ่นซู่ฮั่วกลับไม่กระวนกระวาย ถึงจะสืบสวนนางก็เป็นผู้บริสุทธิ์ อย่างมากสุดก็แค่หย่ากับซื่อจื่ออะไรนั่น แถมตัวเองยังจะมีความสุขด้วย ผ่านไปไม่นาน ก็มีองครักษ์มาปรากฏตัวที่หน้าประตู
ทว่าหลังพวกเขาเห็นชายที่อยู่บนเตียงแล้ว ก็ตกตะลึงไปในทันที แล้วต่อจากนั้นก็ไปอยู่ข้างประตู และไม่มีทีท่าจะขยับตัวแต่อย่างใด
ตู้โผวจื่อมึนงง เลยหันไปเค้นเสียงดุพวกเขา “พวกเจ้าเป็นองครักษ์จวนหนิงอ๋อง ไม่เห็นรึยังไงว่าบนเตียงซื่อจื่อเฟยหน้าไม่อายนั่นมีชายชู้อยู่น่ะ? ยังไม่รีบเข้าไปจับมันออกมาอีก แล้วรีบเอาไปลงโทษต่อหน้าท่านอ๋องกับพระชายาซะ!”
เพิ่งสิ้นเสียง โม่จวินเย่ที่อยู่บนเตียงก็ค่อยๆ ลุกขึ้น
ดวงตาของเขามองตู้โผวจื่อราวกับอสรพิษที่เห็นเหยื่อ ไม่มีความอบอุ่นอยู่แม้แต่น้อย
เมื่อตู้โผวจื่อเห็นหน้าเขา ความสะใจที่ปกปิดไม่อยู่เมื่อครู่ ก็เปลี่ยนเป็นตกตะลึง วิญญาณนางแทบแตกสลาย
“เมื่อกี้เจ้าบอกว่า ข้าเป็นชายชู้ และยังอยากให้ข้าตาย?”
“บ่าวถวายบังคมซื่อจื่อ……” ตู้โผวจื่อขาอ่อน นางลงไปคุกเข่าแล้ว
ไม่ได้บอกว่าเมื่อคืนซื่อจื่อไม่ได้มาหรือไง แล้วทำไมจู่ๆ ก็มาอยู่ที่ห้องหอได้ล่ะ?
สาวใช้ที่ติดตามมาด้วยก็ลงไปคุกเข่าเช่นเดียวกัน พวกนางแต่ละคนล้วนแล้วตัวสั่นเทา
หยิ่นซู่ฮั่วเริ่มมึนงง มักฆ่าเมื่อวานคือซื่อจื่อ สามีตัวเองโม่จวินเย่งั้นเหรอ?
โม่จวินเย่ลุกขึ้นยืน แล้วค่อยๆ เดินมาตรงหน้าตู้โผวจื่อที่กำลังตัวสั่น
“เห็นข้าแล้ว เจ้าประหลาดใจมากหรือไง?”
น้ำเสียงของเขาเย็นชาจนเข้ากระดูกดำ
ตู้โผวจื่อกลัวจนพูดจาอึกๆ อักๆ “แค่คิดไม่ถึง ว่าซื่อจื่อจะอยู่ที่นี่……”
“เมื่อคืนเป็นคืนเข้าหอ ถ้าข้าไม่อยู่ที่นี่ แล้วควรอยู่ที่ไหน?”
ตู้โผวจื่อเพิ่งพูดจบ ก็ตระหนกได้ทันทีว่าตัวเองพูดผิดไป
“บ่าวเพียงร้อนใจ เลยพูดผิดไปเพคะ ที่มาวันนี้ ก็แค่ทำตามคำสั่งพระชายา ทำตามกฎระเบียบเท่านั้น”
ในเวลาแบบนี้ ได้แต่ยกพระชายามารักษาชีวิตตัวเองเท่านั้น
หยิ่นซู่ฮั่วเองก็เดินมาทางนี้ หลังเดินมาถึงตรงหน้านางแล้ว นางก็เริ่มเปิดประเด็นก่อน
“พระชายาให้เจ้ามาทำอะไร?”
ตู้โผวจื่อไม่มีเวลามาสนใจว่าทำไมเมื่อครู่หยิ่นซู่ฮั่วถึงบอกว่าโม่จวินเย่เป็นนักฆ่า ไม่ว่ามันจะเกิดขึ้นด้วยสาเหตุอะไร สำหรับนางแล้ว ตอนนี้การรักษาชีวิตเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด
“ตามกฎ มารับสิ่งหนึ่งไปจากซื่อจื่อเฟย……”
หลังจากพูดจบ ดวงตานางก็มองไปยังตำแหน่งของเตียงอย่างระมัดระวัง
หยิ่นซู่ฮั่วเข้าใจจุดประสงค์ของนางในทันที