บทที่ 3 ทำร้ายเจ้านั่นแหละ
เมื่อหญิงแก่ได้ยินแบบนั้น ก็เงยหน้าไปมองหยิ่นซู่ฮั่วที่มากส์หน้าเรียบร้อยแล้ว ก่อนจะต้องตกใจจนขวัญหาย
“จะ……เจ้าเป็นใคร?”
หยิ่นซู่ฮั่วมองนางด้วยความใจเย็น ก่อนจะค่อยๆ ลุกขึ้น แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ข้าคือซื่อจื่อเฟย แต่ข้าละอยากรู้จริงๆ เมื่อกี้ข้ายังไม่ทันได้อนุญาต แล้วเจ้าเข้ามาได้ยังไง?”
“ซื่อจื่อเฟย? ตัวเองมีที่มาที่ไปยังไง ก็น่าจะรู้ดีแก่ใจอยู่แล้วนะ เพื่อเกาะพวกเราจวนหนิงอ๋อง ใต้เท้าเฉิงเซี่ยงถึงกับหน้าไม่อาย ส่งเจ้ามาที่นี่ เห็นได้ชัดอยู่แล้วว่าเจ้าเองก็ไม่ได้สูงศักดิ์อะไร”
ขณะฟังคำพูดทิ่มแทงของหญิงแก่ หมิงหรุ่ยก็รู้สึกปวดใจแทนหยิ่นซู่ฮั่ว
หยิ่นซู่ฮั่วกลับไม่ได้ขวัญเสียแต่อย่างใด นางค่อยๆ ลุกขึ้นยืน แล้วเดินมาตรงหน้าหญิงแก่ผู้นั้น
“ใช่ เฉิงเซี่ยงหน้าไม่อายที่เจ้าพูดถึงเมื่อกี้ ข้าเองก็เห็นด้วย แต่เจ้าเป็นแค่ข้ารับใช้ ด่าขุนนางในราชสำนักอย่างเปิดเผยแบบนี้ ถ้าเรื่องนี้แผ่ออกไป เจ้าคิดว่าซื่อจื่อของพวกเจ้าจะเก็บเจ้าไว้ หรือเจ้าคิดว่าพระชายาจะเห็นแก่ที่เจ้าดูแลรับใช้นางมาหลายปี แล้วจะไม่สนใจหน้าตาของจวนหนิงอ๋องล่ะ?”
หญิงแก่คิดไม่ถึงว่านางจะปากคอเราะร้ายได้ถึงขนาดนี้ หลังลังเลอยู่ครู่หนึ่ง นางก็กลับมาสงบสติอารมณ์ได้อีกครั้ง
“เมื่อกี้บ่าวเองก็ตกใจ เลยเผลอเสียมารยาท ขอซื่อจื่อเฟยได้โปรดอภัยให้ด้วย”
ตอนซื่อจื่อเฟยผู้นี้มาถึงจวนอ๋อง มีเพียงสาวใช้ตัวน้อยหน้าตาไม่สะดุดตาแค่คนเดียว นางเลยคิดว่าคงก่อคลื่นลมทำอะไรใหญ่โตไม่ได้
หยิ่นซู่ฮั่วกลับไม่ปล่อยให้นางได้ดั่งใจ จู่ๆ ก็เอื้อมมือไปคว้าผมของนาง แล้วกระชากฟาดลงไปกับพื้น
เสียงร่างหญิงแก่กระแทกพื้นพลันดังขึ้น มือเองก็ไปโดนเศษกระเบื้องแตก เลือดจึงไหลออกมา
การกระทำของหยิ่นซู่ฮั่วรวดเร็วเพียงชั่วอึดใจ และยังไม่มีท่าทีจะเป็นฝ่ายเสียเปรียบ หมิงหรุ่ยที่อยู่ข้างๆ เลยยืนตะลึงไปในทันที
หากเป็นคุณหนูในสมัยก่อน ต้องไม่มีเรี่ยวแรงขนาดนี้ และไม่กล้าถึงขนาดนี้ด้วย
“เจ้ากล้าทำร้ายข้า? ข้าเป็นคนรับใช้ข้างกายท่านซื่อจื่อเชียวนะ!”
ขณะพูด หญิงแก่ก็คิดจะลุกขึ้นยืน แต่หยิ่นซู่ฮั่วกลับยกเท้าเหยียบนาง หญิงแก่เลยได้ครวญครางอีกครั้ง
“ซื่อจื่อเฟยฆ่าคนแล้ว!”
ป้ารับใช้เริ่มหัวร้อน เลยแหกปากตะโกน
องครักษ์ที่อยู่แถวนั้นเลยรีบเข้ามาดู
ทันใดนั้นพวกเขาก็ได้เห็นซื่อจื่อเฟยที่มีของแปลกๆ แปะอยู่บนใบหน้า และยังได้ยินป้ารับใช้กรีดร้องอยู่บนพื้น ภาพเหตุการณ์นี้ มันก็น่าเหลือเชื่อเกินไปหน่อยกระมัง
“ทำไม นี่คือกฎของจวนหนิงอ๋อง? เมื่อกี้ใครเป็นคนเฝ้าอยู่ข้างนอก ยังไม่ทันขานเรียก ก็ปล่อยให้ยัยแก่หน้าไม่อายเข้ามา เห็นข้าซื่อจื่อเฟยเป็นแค่ของตกแต่งหรือไง?”
ถึงหยิ่นซู่ฮั่วจะมาสก์หน้าอยู่ แต่มันก็ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อแววตาอันดุดันของนางเลย
พวกองครักษ์หันมามองหน้ากัน หากปล่อยให้ข่าวลือเช่นนี้แผ่ออกไป มันจะเป็นความผิดของพวกเขาจริงๆ นั่นแหละ
“เรียนซื่อจื่อเฟย หวังมามาท่านนี้เป็นคนดูแลงานในจวน ได้รับความเชื่อใจจากพระชายา ขอซื่อจื่อเฟยได้โปรดยกโทษให้ด้วยพ่ะย่ะค่ะ”
“อาศัยความเชื่อใจจากพระชายา ก็สามารถล่วงเกินเจ้านาย วิจารณ์ขุนนางได้อย่างเปิดเผยงั้นเหรอ? นี่คือเจตนาของนาง หรือว่าเจตนาของท่านซื่อจื่อ?”
แม้พวกองครักษ์จะไม่พอใจ แต่หลังเรื่องดำเนินมาถึงขั้นนี้แล้ว พวกเขาก็ไม่กล้าขานรับมั่วซั่ว
หยิ่นซู่ฮั่วหยิบยาเม็ดเสียงเชิงหว่านออกมาจากร้านยาของตัวเองหนึ่งเม็ด จากนั้นก็ยัดใส่ปากหญิงแก่ แล้วบีบให้นางกลืนลงไป
“เจ้าให้ข้ากินอะไร?” ป้ารับใช้ตื่นตกใจ นางไม่อยากตาย ระหว่างพยายามอาเจียนก็กรีดร้องไปด้วย
“ซื่อจื่อเฟย ถึงนางจะมีความผิด แต่โทษก็ไม่ถึงตาย……”
“ตาย? ข้าไม่อยากให้มือตัวเองแปดเปื้อนเถอะ กะอีแค่ทาสชั้นต่ำ ชอบทำตัวหยิ่งผยองเพราะนายโปรดปราน พูดจาหยาบคายเช่นนี้ วันหน้าจะต้องสร้างปัญหาเพราะปากนางแน่นอน ยาที่ข้าให้กินเมื่อกี้ ก็แค่ทำให้นางพูดไม่ได้สามวัน พาตัวออกไปได้แล้ว”
“พ่ะย่ะค่ะ เอาตัวออกไป” องครักษ์เห็นป้ารับใช้ได้แต่อือๆ อาๆ พูดอะไรออกมาไม่ได้สักคำ เลยหันไปพูดกับคนที่อยู่ข้างหลัง
“รอเดี๋ยว โขกหัวขอบคุณแล้วค่อยออกไป” หยิ่นซู่ฮั่วละเกลียดพวกเสือพวกจิ้งจอกที่ชอบแสร้งทำตัวอ่อนแอพวกนี้ที่สุด
นางเพิ่งเข้ามาในจวน ป้ารับใช้คนนี้ก็เอาปากมายัดกระบอกปืนเอง แบบนั้นจะโทษว่าตัวเองวางอำนาจไม่ได้หรอกนะ
เมื่อหยิ่นซู่ฮั่วพูดถึงขนาดนี้แล้ว องครักษ์เลยให้หวังมามาโขกศีรษะขอบคุณหยิ่นซู่ฮั่ว
หวังมามาไม่ยินดีปรีดาเลยสักนิด แต่นางรู้ว่าตัวเองสู้หยิ่นซู่ฮั่วไม่ได้ เลยได้แต่ลงไปคุกเข่าและโขกศีรษะให้อีกฝ่าย
หลังองครักษ์พาตัวหวังมามาออกไปแล้ว หยิ่นซู่ฮั่วก็ให้หมิงหรุ่ยช่วยเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ตัวเอง เพราะชุดนี้เปื้อนแล้ว นางไม่อาจทนใส่ต่อได้!
“หวังมามาถูกทำร้ายงั้นเหรอ?”
บัดนี้ ณ ห้องโม่จวินเย่
องครักษ์นำเรื่องที่หยิ่นซู่ฮั่วทำมาให้รายงานให้ท่านซื่อจื่อฟัง
หลังฟังจบแล้ว โม่จวินเย่ก็ยกยิ้มมุมปากอย่างเย็นชา องครักษ์แทบไม่อยากเชื่อสายตัวเอง ซื่อจื่อของพวกเขายิ้มงั้นเหรอ!
“แต่มันก็แปลกนะ ตอนอยู่จวนเฉิงเซี่ยงนางไม่ได้อ่อนแอปวกเปียก พูดน้อยสำรวม ปล่อยให้คนอื่นรังแกตามใจชอบหรือไง?”
บนหน้าผากองครักษ์เริ่มมีเม็ดเหงื่อผุดขึ้น สำหรับเรื่องของหยิ่นซู่ฮั่ว เขาสืบมาหมดแล้ว
บัดนี้ซื่อจื่อเฟยคนนี้ใจกล้ามาก เทียบกับคนที่อ่อนแอยอมให้คนอื่นรังแกตามใจชอบ มันเหมือนคนละคนชัดๆ
ซื่อจื่อเฟยคนนี้เป็นตัวละครได้ตัวหนึ่งจริงๆ
“ไม่ใช่แค่โดนทำร้ายนะพ่ะย่ะค่ะ เหมือนซื่อจื่อเฟยจะให้กินยาพิษอะไรสักอย่าง ว่ากันว่าน่าจะพูดไม่ได้สามวันพ่ะย่ะค่ะ”
แววตาโม่จวินเย่เริ่มเปลี่ยนไป เขากล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ยาพิษ?”
“ซื่อจื่อจะไม่ไปดูสถานการณ์ทางฝั่งนั้นหน่อยเหรอพ่ะย่ะค่ะ?” องครักษ์เอ่ยถามขึ้นมาอีกรอบ
“ก็แค่สุนัขรับใช้ของพระชายา ไม่มีค่าพอ แต่ซื่อจื่อเฟยที่ใช้ยาพิษเป็นนี่ น่าสนใจ”
หลังตัวเองเสนอเงื่อนไงแล้ว นางกลับเสนอเงื่อนไขให้ตัวเองเหมือนกัน เกรงว่าตอนนี้วิธีลงมือของนางยังจะมีเรื่องให้ประหลาดใจอยู่อีก!
บัดนี้ หมิงหรุ่ยยังกังวลเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ “ซื่อจื่อเฟย ป้าคนนั้นเป็นคนเก่าคนแก่ในจวนนะ เมื่อกี้พวกเราล่วงเกินอีกฝ่ายนะเพคะ มันจะไม่ดีหรือเปล่า?”
ความคิดของนางยังติดอยู่ในช่วงที่ถูกคนจวนเฉิงเซี่ยงรังแก
“ล่วงเกิน? ไม่ทำให้นางเป็นใบ้ไปตลอดชีวิต นางก็ควรจะจุดธูปขอบคุณที่บรรพบุรุษปกป้องแล้ว”
หยิ่นซู่ฮั่วล้างหน้า เผยให้เห็นใบหน้าอันงดงามอีกครั้ง ตอนนี้มันสดใสมีออร่ายิ่งกว่าเมื่อก่อนหน้านี้ซะอีก
หมิงหรุ่ยยืนตะลึงอยู่ด้านข้าง มาสก์นี่อัศจรรย์จริงๆ
“หมิงหรุ่ย เอาอ่างน้ำนี่ออกไป แล้วเจ้าเองก็ไปนอนได้แล้ว”
หยิ่นซู่ฮั่วขึ้นไปนอนบนเตียงแสนสบาย นางไม่ได้เสียใจเพราะเจ้าบ่าวไม่มาในคืนเข้าหอแม้แต่น้อย เพราะใครจะไปรู้ว่าซื่อจื่อหน้าตายังไง ยังไม่เคยเจอกันสักครั้ง แค่กระดาษทะเบียนสมรสแผ่นเดียว หากต้องเข้าห้องหอทั้งๆ ที่ไม่ได้รักกัน นางรับไม่ได้หรอกนะ
……
แต่ในขณะที่นางกำลังจะนอนหลับ กลับมีเสียงที่หน้าต่าง
ทันใดนั้นคนชุดดำก็พลิกตัวเข้ามา หยิ่นซู่ฮั่วที่นอนอยู่เลยอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ องครักษ์จวนหนิงอ๋องนี่ก็ไม่เท่าไหร่นะ ไม่ทันไรก็มีคนบุกเข้ามาในห้องซื่อจื่อเฟยของตัวเองแล้ว
ในคืนเข้าหอจะดับเทียนไม่ได้ ดังนั้นในห้องเลยยังสว่างอยู่
โม่จวินเย่มายืนตรงหน้าเตียง เขาเพิ่งเคยเห็นซื่อจื่อเฟยของตัวเองเป็นครั้งแรก นางงดงามถึงขนาดนี้เลย ราวกับแสงจันทร์สุกสว่าง ถึงจะหลับตาอยู่ แต่ก็สัมผัสได้ถึงออร่า
ทันใดนั้นเอง หยิ่นซู่ฮั่วก็ลืมตา ฉวยโอกาสตอนที่เขายังไม่ทันตั้งตัว เอาเข็มเงินที่หยิบออกมาจากห้องปฏิบัติการแทงไปที่ตัวเขาจนมิดเล่ม