บท
ตั้งค่า

บทที่ 12 ใช้ยาบีบคน

คุณชายฉีที่อยู่ข้างๆ รู้สึกสนใจ ซื่อจื่อเฟยคนนี้มีนิสัยพิเศษใช้ได้เลย

คนเขาลือกันว่าบุตรีเอกจวนเฉิงเซี่ยงไม่มีสมอง แต่นางกลับแตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง

“ว่ามา” โม่จวินเย่กล่าวสั้นๆ กระชับ

“ให้ข้ารักษาเขาจนหายก่อนค่อยว่ากันเถอะ เพราะข้าเชื่อว่าท่านซื่อจื่อจะไม่ผิดคำพูด และมันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร”

โม่จวินเย่มองหยิ่นซู่ฮั่วด้วยแววตาจริงจัง ก่อนจะหันไปมององครักษ์ฉู่ที่กำลังนอนอยู่อีกครั้ง

“ได้”

เสียงขานรับของเขา ทำให้องครักษ์คนนั้นรู้สึกซาบซึ้งใจมาก

แม้ในเวลาปกติโม่จวินเย่จะทำตัวเย็นชา แต่สำหรับคนที่ติดตามเขาเหล่านี้ เขามักให้ท้ายเสมอ

หลังได้รับคำตอบยืนยันแล้ว หยิ่นซู่ฮั่วก็วางใจ

นางหันไปมองคุณชายฉีที่กำลังทำหน้าสงสัยอยู่ด้านข้าง แล้วกล่าวอย่างสุภาพว่า “ถ้าคุณชายฉีไม่ถือสา ข้าอยากจ่ายเทียบยาอีกชุด แต่ข้าจะให้ท่านดูก่อน ถ้าท่านคิดว่ามันไม่เหมาะ ก็คุยกับข้าได้”

“มิกล้า ดูจากการกระทำเมื่อกี้ของซื่อจื่อเฟย ก็รู้แล้วว่าท่านมีวิชาแพทย์สูงส่ง” ฉีโป๋เหิงกล่าวด้วยความละอาย

หยิ่นซู่ฮั่วเองก็ไม่ได้กล่าวอะไรมาก หลังรับกระดาษและพู่กันมาจากคนอื่นแล้ว ก็รีบเขียนสิ่งที่ตัวเองต้องการลงไป

ฉีโป๋เหิงมองอยู่ข้างๆ ตอนแรกเขาสงสัยใคร่รู้ แต่หลังมองต่อไปเรื่อยๆ แววตาของเขาก็ยิ่งเปล่งประกาย

“โกฐหัวบัว โกฐน้ำเต้า โหราเดือยไก่ แมงป่อง เกียงไช้ ตะขาบ……เทียบยาชุดนี้วิเศษมาก แม้แต่ข้าเองก็ยังนึกไม่ถึงเลย”

หลังได้ยินคำพูดของเขา โม่จวินเย่ก็เงยหน้าไปมองหยิ่นซู่ฮั่ว

น่าสนใจ ซื่อจื่อเฟยของตัวเองมีความสามารถโดดเด่นกว่าผู้อื่นอยู่บ้างจริงๆ

จวนเฉิงเซี่ยงส่งลูกสาวแสนล้ำค่ามา ไม่รู้พวกเขากำลังเสียใจอยู่หรือเปล่า

“ไปจัดยาตามเทียบนะ ต้มด้วยน้ำเดือด ดื่มวันละสองครั้ง”

องครักษ์ที่หาเรื่องหยิ่นซู่ฮั่วเมื่อครู่ กลับมามีแววตาที่เปี่ยมไปด้วยความหวังอีกครั้ง

แม้แต่คุณชายฉียังบอกเลย ว่ายาเทียบนี้ดี งั้นมันก็ต้องได้ผลแน่นอน

เขาไม่ได้ลังเล รีบลงไปคุกเข่าทันที

“ขอบพระทัยซื่อจื่อเฟยพ่ะย่ะค่ะ! ถ้าพี่ฉู่รอด ต่อไปข้าน้อยจะยอมร่างแหลกลาญเพื่อพระนาง”

“ไม่ต้องมีจุดจบอนาถขนาดนั้นหรอก ถ้าร่างแหลกลาญแล้ว ข้าช่วยเจ้ากลับมาไม่ได้หรอกนะ เอาล่ะ รีบไปจัดยามาเถอะ” หยิ่นซู่ฮั่วมีท่าทีสบายๆ

นางรู้ว่ายาของตัวเองต้องได้ผลแน่นอน

“ท่านซื่อจื่อ ข้ากลับก่อนนะ ถ้าต้องการอะไร ก็ส่งคนไปบอกก็พอ”

โม่จวินเย่ไม่ได้กล่าวอะไร เพียงเปิดทางให้นางเดินผ่าน

ขณะมองแผ่นหลังของหยิ่นซู่ฮั่ว แววตาของฉีโป๋เหิงก็เปลี่ยนไป “ความสามารถแบบนี้ ถ้าปู่ข้ารู้เข้า ต้องชื่นชมนางมากแน่นอน คลื่นลูกใหม่ในแยงซีซัดคลื่นลูกเก่าได้จริงๆ”

“เจ้ามั่นใจได้ยังไง ว่านางรักษาโรคบาดทะยักได้น่ะ?” โม่จวินเย่กลับดูสงบนิ่ง

หลังฉีโป๋เหิงเห็นสีหน้าของเขาแล้ว ก็หัวเราะออกมาอย่างขมขื่น “ที่จริงเจ้าเองก็รู้ดี ว่านางมั่นใจถึงได้ยอมช่วยรักษา ไม่งั้นด้วยนิสัยอย่างเจ้า จะให้คนอื่นใช้องครักษ์ที่เจ้าชุบเลี้ยงมาด้วยความยากลำบากมาเป็นหนูทดลองได้ยังไง”

โม่จวินเย่ไม่ได้ตอบกลับ แต่สีหน้าของเขาเหมือนกำลังบอกว่า เจ้านี่รู้เยอะจริงนะ!

“ซื่อจื่อเฟย องครักษ์แซ่ฉู่คนนั้น จะหายดีจริงๆ หรือเพคะ? โรคบาดทะยักเป็นโรคที่หมอหลายคนจนปัญญา มีทหารแถบชายแดนมากมาย ที่ต้องสูญเสียกำลังรบไปเพราะโรคนี้นะเพคะ”

หยิ่นซู่ฮั่วคิดในใจ นั่นเป็นเพราะในยุคนี้ยังไม่มีประสบการณ์ที่มากพอต่างหาก

“รอดูเดี๋ยวก็รู้เองแหละ” นางมีท่าทีสบายๆ

“ถ้างั้นซื่อจื่อเฟยคิดจะทำข้อตกลงอะไรกับซื่อจื่อเพคะ? มีคนมาล่วงเกินซื่อจื่อเฟยอีกแล้วเหรอ?” เมื่อคิดถึงความใจกล้าของหยิ่นซู่ฮั่ว หมิงหรุ่ยก็เริ่มเสียวสันหลัง

ท่าทางเย็นชาของโม่จวินเย่ในเวลานั้น แม้นางจะยืนอยู่ไกลแล้ว แต่ก็ยังรู้สึกว่าตัวเองกำลังจะกลายเป็นน้ำแข็งได้เหมือนกัน

“ถึงตอนนั้นเจ้าก็รู้เองแหละ”

หยิ่นซู่ฮั่วมั่นใจมาก ว่าการทำข้อตกลงในครั้งนี้ต้องสำเร็จลุล่วงแน่นอน

เมื่อกำลังจะถึงยามเที่ยงวัน ห้องครัวก็ส่งอาหารมาที่เรือน คาดว่าน่าจะได้ยินชื่อเสียงของหยิ่นซู่ฮั่ว ดังนั้นสาวใช้ที่นำอาหารมาส่งเลยระแวดระวังมาก แม้แต่ตอนเดินก็ยังไม่กล้าส่งเสียงดัง

หยิ่นซู่ฮั่วเองก็ไม่คิดจะอธิบาย เพราะการที่มีคนกลัวนาง มันก็ไม่เรื่องเลวร้ายไปซะทีเดียว

นางยังไม่ทันได้ขยับตะเกียบ ก็มีองครักษ์ผู้หนึ่งมาขอพบ

“ท่านซื่อจื่อให้เจ้ามาเหรอ?”

เพราะเขาก็คือองครักษ์ที่เดินชนกับตัวเองเมื่อช่วงสาย ทว่าหยิ่นซู่ฮั่วไม่ได้ฉวยโอกาสแก้แค้น

“กราบทูลซื่อจื่อเฟย ข้าน้อยไปจัดยาตามเทียบของพระนาง หลังห้องครัวต้มเสร็จ ก็พบว่าพี่ฉู่อ้าปากไม่ได้ เลยทำให้กลืนยาไม่ได้……”

“ข้าลืมเรื่องนี้ไปซะสนิท ดูท่าข้าต้องไปดูอีกสักรอบ นำทางเถอะ”

“พ่ะย่ะค่ะ”

ตอนนี้องครักษ์ว่าง่ายกว่าเมื่อก่อนมาก

เมื่อมาถึงห้องพักขององครักษ์ฉู่ โม่จวินเย่ไม่ได้อยู่ที่นี่แล้ว

คนที่อยู่กลับเป็นฉีโป๋เหิงแทน เพราะเขาเป็นหมอ จึงเป็นธรรมดาที่ต้องคิดหาวิธี ทำให้องครักษ์ฉู่ยอมดื่มยาลงไปให้ได้

“คุณชายฉี ให้ข้าทำแทนเถอะ”

หยิ่นซู่ฮั่วไม่ชักช้าลีลา นางหยิบสายสวนเส้นหนึ่งออกมาจากห้องปฏิบัติการ

หลังเห็นของสิ่งนี้ ฉีโป๋เหิงก็ตกตะลึงไปในทันที “ซื่อจื่อเฟย เจ้านี่คือ……”

“ของที่ทำให้เขาดื่มยาได้”

หลังจากพูดจบ หยิ่นซู่ฮั่วก็เคลื่อนไหวคล่องแคล่วว่องไว ยัดสายสวนเข้าไปทางจมูกขององครักษ์ฉู่

เมื่อเห็นว่าองครักษ์ฉู่รู้สึกไม่ค่อยดี อยากดิ้นหนี หยิ่นซู่ฮั่วก็ไม่ขมวดคิ้วแต่อย่างใด เพียงบอกเขาว่าอย่าขยับตัว แล้วขยับมือของตัวเองต่อไป

ภายใต้สายตาประหลาดใจของทุกคน ท้ายที่สุดสายสวนก็เข้าไปจนสุด จากนั้นหยิ่นซู่ฮั่วก็ค่อยถ่ายยาเข้าไป

หลังถ่ายยาเข้าตัวเขาจนหมดแล้ว หยิ่นซู่ฮั่วก็เก็บสายสวน แล้วลงมือฉีดยาอีกสองเข็ม เข็มแรกคือยาปฏิชีวนะ ส่วนอีกเข็มคือยาระงับประสาท

หมิงหรุ่ยเอาแต่มองแขนเสื้อของหยิ่นซู่ฮั่ว ซื่อจื่อเฟยเอาของพวกนี้ออกมาจากที่ไหนกันแน่

เมื่อเห็นท่าทางขององครักษ์ฉู่ดูผ่อนคลายขึ้น และมีอาการอยากนอน พวกองครักษ์ที่อยู่ด้านข้างก็พากันดีอกดีใจ

“ขอบพระทัยซื่อจื่อเฟย……”

“ไม่ต้องขอบคุณข้า ขอบคุณท่านซื่อจื่อของพวกเจ้าเถอะ เพราะเขายังไม่ทันรู้ว่าข้าจะทำข้อตกลงอะไร ก็ยอมรับปากแล้ว”

ตอนเดินผ่านเรือนของโม่จวินเย่ หยิ่นซู่ฮั่วไม่ได้คิดจะหยุดฝีเท้า เพราะตอนนี้มันยังไม่ถึงเวลาเรียกร้องความดีความชอบ

“ซื่อจื่อเฟย ในแขนเสื้อของท่าน มีของแปลกประหลาดพวกนั้นอยู่ตั้งแต่เมื่อไหร่?” หมิงหรุ่ยทนไม่ไหวแล้ว

หยิ่นซู่ฮั่วหัวเราะ “ถึงเวลาต้องรู้เมื่อไหร่ เจ้าจะได้รู้เอง บางครั้งการเก็บไพ่ตายไว้กับตัว ก็ช่วยปกป้องตัวเองได้นะ”

แม้หมิงหรุ่ยจะไม่เข้าใจ แต่นางก็ไม่ได้ไล่ถามต่อ

เมื่อเข้าสู่ยามบ่าย ทางฝั่งนั้นไม่ได้มีการเคลื่อนไหวใดๆ

หมิงหรุ่ยเดินไปเดินมาอยู่ในเรือน ราวกับมดเดินในหม้อร้อนๆ

“ซื่อจื่อเฟย ทางฝั่งนั้นจะเป็นยังไงบ้างนะ ทำไมถึงยังไม่มีข่าวมาสักที”

“ไม่มีข่าว ก็ถือว่าเป็นข่าวดี” หยิ่นซู่ฮั่วกล่าวด้วยน้ำเสียงมั่นใจ

ตอนโม่จวินเย่มายังเรือนหลังนี้ ก็เลยเวลาอาหารเย็นไปแล้ว

หมิงหรุ่ยรอจนหมดความอดทนนานแล้ว

หลังเห็นโม่จวินเย่เดินเข้ามา นางก็รีบทำความเคารพ

นางสังเกตสีหน้าโม่จวินเย่อย่างระมัดระวัง เพราะกลัวว่าหลังยาของหยิ่นซู่ฮั่วไม่ได้ผล เขาจะมาคิดบัญชีกับนายหญิงตัวเอง

“หมิงหรุ่ย เจ้าออกไปเถอะ ถ้าไม่มีงานอะไร ก็รีบเข้านอนล่ะ” หยิ่นซู่ฮั่วยังคงมีท่าทีมั่นอกมั่นใจ

“เพคะ……”

หลังหมิงหรุ่ยออกไปแล้ว โม่จวินเย่ก็ไม่ได้มีพิธีรีตอง หลังนั่งลงแล้วก็รินชาให้ตนเอง แล้วจ้องมองหยิ่นซู่ฮั่ว

“ว่ามา เจ้าอยากทำข้อตกลงอะไร”

หยิ่นซู่ฮั่วเข้าใจในทันที ว่าองครักษ์ฉู่คงไม่เป็นอะไรแล้ว

“พรุ่งนี้ ข้าอยากให้ท่านซื่อจื่อกลับบ้านเป็นเพื่อนข้า”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel