บทที่ 9
อวี่หรันนางส่งแบบให้ลุงถังไปดูร้านค้าที่เสี่ยวตงเปิดแทนนาง เพราะนางอยากให้เขาจัดร้านตามแบบที่นางวาดขึ้น เพื่อดึงดูดให้ลูกค้ามาดูของที่ร้าน
นางยังให้เขาทำหุ่นไม้ที่มีขนาดเท่าเด็กเล็ก จนไปถึงเด็กอายุสามหนาว เพื่อจำลองวิธีใช้ให้ลูกค้าที่เข้ามาดูของเข้าใจได้ง่ายขึ้น
เสี่ยวตงกับทุกคนที่เห็นวิธีการเสนอขายของนางก็ล้วนแต่ตกตะลึง เพราะการขายเช่นนี้พวกเขาก็เพิ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรก
“นายหญิง การค้าของท่านต้องขายดีแน่ขอรับ” ลุงถังเอ่ยอย่างมั่นใจ
“หากข้ายดีอย่างที่ท่านว่า ข้าจะให้รางวัลกับพวกท่านทุกคนอย่างแน่นอน” เรื่องนี้นางใจกว้างอยู่แล้ว ไม่ว่าจะภพไหน เงินโบนัสจะช่วยให้คนงานมีแรงใจในการทำงานได้เป็นอย่างดี
“ขอบคุณนายหญิงขอรับ”
“พอๆ เจ้าค่ะ วันนี้ท่านซื้อรถม้ากลับมาด้วยเลยเจ้ค่ะ” อวี่หรันโบกมือเมื่อเห็นว่าลุงถังจะคุกเข่าคำนับนางอีกแล้ว
ร้านของเสี่ยวตงก็เตรียมที่จะเปิดขายแล้ว ลุงถังก็ทำตามแบบที่อวี่หรันนางให้มาตรงตามทุกอย่างไม่ได้ขัดคำสั่ง
ชาวบ้านที่ผ่านไป ผ่านมาก็ให้ความสนใจตั้งแต่ที่ร้านยังไม่เปิด เรือนใดบ้างที่ไม่มีเด็ก หากมีสิ่งของช่วยทุ่นแรงพวกเขาย่อมยินดีอยู่แล้ว
วันเปิดร้าน อวี่หรันนางก็ไม่ได้ไป เพียงส่งให้ลุงถังไปจัดการทุกอย่างแทนนาง เพียงวันแรกที่เปิดขาย ยอดสั่งจองก็แทบจะทำให้เสี่ยวตงตกใจจนเป็นลมแล้ว
เปลนอนเด็กขายได้ถึงหนึ่งร้อยตัว แม้ราคาจะตัวละสิบตำลึงเงินก็ยังขายดี รถเข็นเด็กที่แปลกตาตัวละสามสิบตำลึงเงิน ขายวันแรกไปห้าสิบคัน
เปลเด็กป้าฉีก็จ้างคนในหมู่บ้านที่มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันมาช่วยเย็บผ้าที่รองนอน
อวี่หรันบอกเสี่ยวตงไว้แล้วว่า สิ่งของที่เขาว่างขายต่อไปจะมีคนทำออกมาเลียนแบบ ให้เขารีบขายตั้งแต่แรก พร้อมทั้งรับยอดขายจากพ่อค้าต่างเมืองที่เขามาทำการค้าไว้ด้วยเลย
หลังจากนี้ยอดขายอาจจะลดลง แต่อย่าให้เขากังวล นางจะให้แบบของใช้อย่างอื่นแก่เขาอีก
เสี่ยวตงเคยจับเงินมากขนาดนี้เสียที่ไหน เมื่อได้ออเดอร์มาเขาก็รีบหาคนงานมาเร่งทำทันที เขาแทบจะรอเห็นสินค้าแบบใหม่ไม่ไหวแล้ว
ผ่านมาหนึ่งเดือน เรือนที่สร้างเพิ่มเพื่อให้คนงานที่ซื้อมาใหม่อยู่สองเรือนก็เสร็จลง
เครื่องเรือนอวี่หรันนางก็ให้พวกเขาใช้ของที่เหมือนกับที่นางใช้ เรื่องนี้อยู่เหนือความคาดหมายของทุกคน เพราะไม่คิดว่าอวี่หรันนางจะให้ทุกคนได้นอนเตียง
เพราะเมื่อก่อนทุกคนล้วนแต่นอนพื้น มีเพียงผ้าห่มพื้นบางปูรองนอนเท่านั้น แต่เรือนหลังใหม่ พวกเขาต่างมีห้องส่วนตัว ไม่ต้องนอนเบียดกันอีกแล้ว อาหารที่กิน นายหญิงกินเช่นไร พวกเขาก็ได้กินเช่นนั้น แล้วยังได้กินพร้อมกับนาง ไม่ต้องคอยกินอาหารที่เหลือจากเจ้านาย
อวี่หรันเมื่อเห็นร้านเครื่องไม้ของเสี่ยวตงอยู่ตัวแล้ว นางจึงคิดจะทำการค้าสบู่ แต่เพราะไม่รู้ว่าจะทำให้สบู่ที่นางใช้เองตอนนี้หอมขึ้นมาได้อย่างไรจึงยังไม่ได้ทำออกมาขายเสียที
แต่ก่อนที่นางจะเริ่มทำการค้าสบู่ คนของเฉิงอี้ก็แจ้งเรื่องการมาถึงของบิดามารดานาง
อวี่หรันเมื่อรู้เรื่องจากลุงถัง เพราะเขาเข้าเมืองไปดูร้านค้าให้นาง แล้วรีบนำเรื่องกลับมาบอก ก็อดจะถอนหายใจออกมาไม่ได้
นางไม่มีความทรงจำเดิมของเจ้าของร่างอยู่เลย เลยไม่รู้ว่าพวกเขาเป็นบิดามารดาจริงหรือไม่ อีกอย่างนางในภพก่อน การแสดงความรักกับคนในครอบครัวคือเรื่องที่นางไม่เคยทำมาก่อน
นอกจากจะทำเรื่องที่พวกเขาคาดหวังกับนาง นอกจากนั้นความสัมพันธ์ของคนในครอบครัวก็เหมือนเป็นเพียงคนร่วมบ้านเท่านั้น
“นายหญิงจะให้พวกเขามาที่เรือน หรือท่านจะไปพบพวกเขารอรับ”
“ไปพบพวกเขาที่เมืองเถิด”
อวี่หรันเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้า พร้อมทั้งให้ป้าเหมยจัดการกับหยุนซี ทั้งสามขึ้นรถม้าไปในเมืองโดยมีลุงถังเป็นผู้บังคับรถม้า
“นายหญิง เหตุใดท่านจึงดูกังวลเช่นนี้เจ้าคะ” ป้าเหมยหลังจากที่อยู่กับอวี่หรันมาเดือนกว่า จึงได้รู้ว่านางเป็นคนสบายๆ หากไม่มีเรื่องใดที่ขัดใจนาง
“ป้าเหมย ข้าไม่เหลือความทรงจำเดิม จึงไม่รู้ว่าคนที่มาเป็นบิดา มารดาของข้าจริงหรือไม่” อวี่หรันเอ่ยเรื่องที่กังวลของนางออกมา
“เมื่อท่านเจอบิดามารดา ท่านจะรู้ได้เองจากสายสัมพันธ์เจ้าค่ะ” ป้าเหมยเอ่ยปลอบใจนาง
มันจะมีจริงหรือความสัมพันธ์ระหว่างสายเลือด ขนาดนางในภพก่อนยังไม่เคยมีความรู้สึกเช่นนั้น