บทที่ 5
อวี่หรันนางคิดว่านางไปดูด้วยตนเองจะดีกว่า อย่างไรเรื่องธุรกิจนางก็เรียนรู้มาจากคุณพ่อของนางที่ภพก่อนอยู่หลายปี การมองทำเลร้านค้าสายตาของนางไม่พลาดอย่างแน่นอน
“ได้ๆ เรื่องแค่นี้ ซีซีก็เหมือนหลานชายของข้า”
อวี่หรันจะไม่เข้าใจในสิ่งที่ป้าฉีพูดได้อย่างไร หากเจ้าของร่างเดิมไม่มีบุตรติดท้องมา นางก็คงได้บุตรชายของนางแต่งกับเจ้าของร่างเดิมไปนานแล้ว
ยิ่งมาตอนนี้เมื่อรู้ว่าอวี่หรันนางเก่งเรื่องการค้า นางก็ยิ่งไม่นึกรังเกียจถึงจะเป็นหม้ายมีลูกติด
อวี่หรันกลับเข้าไปในห้อง เพื่อดูหีบที่ใส่ทรัพย์สินของเจ้าของร่างเดิมว่ามีสิ่งใดที่นำไปขายหรือจำนำได้บ้าง
นางค้นใต้หีบพบหยกพกสีดำเนื้อดี จึงคิดว่าคงมีราคามากที่สุดในบรรดาเครื่องประดับที่ติดตัวของเจ้าของร่างเดิมมาแล้ว อวี่หรันจึงเก็บใส่ไว้ในถุงเงิน เพื่อพรุ่งนี้นางจะลองเอาไปประเมินราคาดู แต่หากไม่ได้ราคาที่ดีจริง นางก็จะใช้ตั๋วเงินที่มีอยู่ในมือไปก่อน
ถึงอย่างไร เมื่อขายสินค้าได้ นางก็ต้องมีเงินเพิ่มขึ้นมาอยู่ดี อวี่หรันไม่เผื่อใจว่าจะขายไม่ได้ การเลี้ยงเด็กเหนื่อยมากนัก หากมีเครื่องทุ่นแรงใครบ้างไม่อยากจะซื้อ
เสี่ยวตงเมื่อรู้จากมารดาว่าอวี่หรันนางจะเข้าเมืองไปพร้อมเขาในวันพรุ่งนี้ก็มาบอกนางว่าเขาจะมารับนางในยามเฉิน (07.00-08.59น.)
“เช้าเพียงนี้เลยหรือเจ้าคะ” เป็นเวลาที่นางเพิ่งจะจัดการกับบุตรชายเสร็จ
นางจึงอดจะบ่นออกมาไม่ได้ หากออกตามเวลาที่เสี่ยวตงบอก นางก็ต้องตื่นให้ไวขึ้น เพื่อมาจัดการกับบุตรชายของนางก่อนจะพาไปฝากให้ป้าฉีเลี้ยงดู
“ไม่เช้าแล้ว เดินทางด้วยเกวียนวัวเข้าเมืองก็ต้องเสียเวลาถึงหนึ่งชั่วยาม กว่าจะพาเจ้าเดินดูร้านแล้วทำการซื้ออีก เช่นนั้นเจ้าจะถึงเรือนตอนใด”
“เจ้าค่ะ”
เมื่อฟังคำของเสี่ยวตงนางก็เข้าใจได้ทันที ระยะทางแม้จะใกล้ แต่การเดินทางในภพนี้ก็ยังมีอย่างจำกัด
อวี่หรันพาบุตรชายในยามนี้ที่สามเดือนแล้วเข้านอน หลังจากที่นางรู้ใจหยุนซีเขาก็ไม่เคยงอแงอีกเลย นับว่าเป็นเรื่องดีของนางที่พบเจอเด็กเช่นนี้ หากเขาดื้อรั้นเสียหน่อย นางคงได้ออกไปประกาศหาบิดาของเขาให้มารับเขาไปเลี้ยงดูเสียเอง
รุ่งเช้าอวี่หรันก็ตื่นตั้งแต่ฟ้ายังไม่สว่างนางจัดการบีบน้ำนมใส่ชามไว้ให้ป้าฉีป้อนหยุนซีตอนที่นางไม่อยู่ด้วย เพราะรู้ปริมาณที่บุตรชายกินในแต่ละครั้ง นางจึงได้บีบออกมาถึงสามชาม
หลังจากที่อาบน้ำ เตรียมตัวแล้ว อวี่หรันก็กลับมาป้อนนมบุตรชายที่เพิ่งจะตื่น ยังดีที่น้ำนมของนางต่อให้บีบออกไปแล้วสามชามก็ยังพอให้เขากินได้อีกหนึ่งมื้อ
เสี่ยวตงก็มารับนางที่เรือนตามเวลาที่เขาแจ้งนางไว้ อวี่หรันจึงพาหยุนซีไปส่งให้ป้าฉีที่ออกมายืนรอรับอยู่ที่หน้าเรือน
“ท่านพาข้าไปที่ร้านรับจำนำก่อนเจ้าค่ะ” อวี่หรันเอ่ยบอกเสี่ยวตงเมื่อนางขึ้นไปนั่งบนเกวียนเรียบร้อยแล้ว
ในเมื่อวันนี้ออกมาแล้วนางก็อยากจะดูความเป็นอยู่ของชาวเมือง
เมื่อเสี่ยวตงจ่ายค่าผ่านทางแล้วเขาก็นำเกวียนวัวไปจอดที่จุดรับฝาก ก่อนจะพาอวี่หรันนางไปที่ร้านรับจำนำตามที่นางบอกไว้
“ไม่ทราบว่าแม่นางต้องการแลกเงินหรือจำนำของขอรับ” เสี่ยวเอ้อหน้าร้านเดินเข้ามาหานางแล้วเอ่ยถามอย่างนอบน้อม
“ข้ามีสิ่งของมาจำนำ ช่วยดูได้หรือไม่เจ้าคะ”
เสี่ยวเอ้อพาอวี่หรันนางไปพบหลงจู๊ด้านในร้าน เพื่อประเมินราคาของของนาง
“แม่นาง เจ้าเอาสิ่งนี้มาจากที่ใด” หลงจู๊เมื่อรับหยกพกมาจากอวี่หรัน เขามองเพียงครู่เดียวก็เงยหน้าถามนางอย่างสงสัย
“ข้าคงขโมยมากระมัง ท่านจะรับจำนำหรือไม่” นางเอ่ยถามเสียงเรียบอย่างไม่ใส่ใจ
“แม่นาง เช่นนั้นเจ้ารอข้าสักครู่” หลงจู๊ด้านหายเข้าไปในห้องด้านหลังอย่างรวดเร็ว
เสี่ยวตงมองมาที่อวี่หรันอย่างสงสัย ว่านางนำสิ่งใดมาจำนำกันแน่ หลงจู๊ถึงได้มีท่าทางเช่นนั้น