บทที่ 11
เมื่อเห็นสายตาที่มุ่งมั่นของอวี่หรัน ทุกคนก็คิดเห็นเช่นเดียวกับนาง อย่างไรหยุนซีก็ใช้แซ่ถานอยู่แล้ว ไม่ได้เกี่ยวข้องกับตระกูลหวัง
“แล้วเจ้าจะกลับเมืองหลวงพร้อมพ่อเลยหรือไม่” ทุกคนหันมามองนางอย่างมีความหวัง
“ไม่เจ้าค่ะ รอให้ความทรงจำข้ากลับมาก่อนได้หรือไม่ ข้าไม่อยากทำให้พวกท่านเสียใจเช่นตอนนี้”
นางคิดอย่างที่นางพูดจริงๆ เพราะหากให้นางกลับไปโดยที่ไม่มีความทรงจำของร่างเดิม ก็จะใช้ชีวิตกันอย่างอึดอัดกันเปล่าๆ
“เช่นนั้นแม่จะอยู่กับเจ้าที่เหอหนานด้วย” ตู้หลานรีบบอกทันที
กว่านางจะหาตัวบุตรสาวพบก็เป็นปี ไม่กี่วันก็จะจากกันเสียแล้ว นางจะยอมได้อย่างไร
“เอ่อ”
“แม่อยู่ได้ เจ้าอยู่ที่ใด แม่ก็อยู่ได้” ตู้หลานรีบพูดทันที เพราะกลัวว่าบุตรสาวจะปฏิเสธ
“เรือนของข้าหลังเล็กนักเจ้าค่ะ”
“ใช่ พ่อยังไม่เห็นว่าเจ้ามีความเป็นอยู่เช่นไร ยังพอมีเวลา ไปที่เรือนของเจ้ากันเถิด”
อวี่หรันอยากจะร้องห้าม แต่ถานเสวี่ยหานอุ้มหยุนซี เดินออกไปร้องสั่งให้คนเตรียมรถม้าเรียบร้อยแล้ว
“ไปเถิด” ตู้เฉิงอี้ก็ร้องเรียกให้นางเดินตามออกไป
“เพราะท่าน เห้อ ไปเถิด” อวี่หรันถลึงตาใส่ตู้เฉิงอี้ แต่ก็ยอมเดินตามออกไปขึ้นรถม้าเพื่อกลับหมู่บ้าน
ในรถม้าของอวี่หรันมีเพียงนางกับป้าเหมยที่นั่งอยู่ด้วยกัน หยุนซีไปนั่งคันเดียวกันกับท่านตาท่านยายของเขา ส่วนเฉิงอี้ก็ขี่ม้าขนาบอยู่ด้านข้างรถม้านางแทน
“นายหญิง หากฮูหยินถานจะพักที่หมู่บ้าน นางจะอยู่ที่ใดเจ้าคะ” แม้ไม่รู้ว่าตระกูลถานทำอันใดที่เมืองหลวง แต่เสื้อผ้าและเครื่องประดับที่พวกเขาสวมใส่ก็ดูรู้ว่าไม่ใช่ชาวบ้านธรรมดา ป้าเหมยจึงกังวลเรื่องที่พัก
“ไว้ค่อยว่ากันเจ้าค่ะ” ไม่แน่นางอาจจะต้องย้ายมาอยู่กับมารดาที่จวนในเมืองเป็นแน่
แล้วจะต่างอันใดระหว่างอยู่ที่เมืองเหอหนานกับเดินทางกลับไปเมืองหลวงเล่า
เมื่อมาถึงหมู่บ้าน ชาวบ้านต่างก็แปลกใจที่มีรถม้านอกจากเรือนของอวี่หรัน ยังมีรถม้าคันงามตามคันของนางเข้ามาด้วย
“นี่เรือนของข้าเจ้าค่ะ” เพียงอวี่หรันนางชี้เรือนของนางให้บิดามารดาดู
ตู้หลานก็ร้องไห้ออกมาอีกรอบ นางจะไม่ปวดใจได้อย่างไร เรือนของบ่าวในตระกูลถานยังดูดีกว่าเรือนหลังที่อวี่หรันนางอาศัยอยู่ในตอนนี้เสียอีก
“เกิดอันใดขึ้น ผู้ใดมากันมากเพียงนี้” ป้าฉีได้ยินเสียงอยู่หน้าเรือนนางจึงได้เดินออกมาดู
“นี่ป้าฉี คนที่ช่วยชีวิตข้าไว้เจ้าค่ะ”
ตู้หลานแทบจะคุกเข่าคำนับให้ป้าฉีที่ช่วยชีวิตบุตรสาวของนางไว้ แต่ป้าฉีก็รีบเข้ามาพยุงไว้เสียก่อน
“ขอบคุณท่านมาก หากไม่มีท่าน ข้าก็คงไม่ได้พบหรันหรันอีกแล้ว” นางเช็ดน้ำตาทิ้ง
“ตอนที่ข้าพบนาง นางก็เกือบไม่รอดเสียแล้ว ตามเนื้อตัวยังมีร่องรอยบาดแผลเต็มไปหมด” ป้าฉีก็เหมือนได้ที พูดเรื่องในหนนั้นออกมาอย่างอัดอั้นตันใจ ไม่รู้ว่าผู้ใดที่กล้าทำร้ายสตรีตั้งครรภ์เช่นนี้
อวี่หรันไปแต่กลอกตา เพราะมารดาของนางเพิ่งหยุดร่ำไห้ไปกลับร้องออกมาอีกครั้งอย่างปวดใจ
“ท่านแม่ หยุดได้แล้วเจ้าค่ะ เรื่องมันผ่านไปแล้ว พวกท่านอยากมาดูเรือนของข้าไม่ใช่รึ” นางรีบเปลี่ยนเรื่องทันที หากตู้หลานยังร้องไห้อยู่ อวี่หรันนางได้หูดับแน่
“ใช่ๆ ไปเรือนของเจ้ากัน” อี้หลานหยุดร้องไห้ แล้วเข้าไปที่เรือนของอวี่หรันทันที ถึงอย่างไรตอนนี้บุตรสาวของนางก็ไม่ได้เป็นอันใดแล้ว
อวี่หรันเดินพาทุกคนเข้ามาในเรือนของนาง ยิ่งได้เห็นห้องโถงที่คับแคบ ทั้งเครื่องเรือนที่มีไม่มาก ถานเสวี่ยหานกับตู้หลานก็แทบจะหลั่งน้ำตาอีกครั้ง เพราะสงสารบุตรสาวที่ต้องมาตกระกำลำบากเช่นนี้
“ท่านพ่อ ท่านแม่ ข้าไม่ได้ลำบากอย่างที่ท่านคิดเจ้าค่ะ” นางอดจะเอ่ยปลอบไม่ได้
ทั้งคู่ไม่เหมือนบิดามารดาในภพก่อนของนางสักนิด นางไม่เคยเห็นบิดากับมารดาที่ภพก่อนอ่อนแอให้นางเห็นสักครั้ง
แต่ทั้งคู่ไม่ว่านางจะพูดอะไร หรือรู้เรื่องที่นางบาดเจ็บเช่นไรก็เอาแต่จะร้องไห้กันอยู่ตลอด จนนางเริ่มจะทำตัวไม่ถูก หากเฉยชากับทั้งคู่มากเกินไปก็คงจะดูไม่ดี
อวี่หรันจึงเล่าเรื่องการค้าที่นางได้ทำ ทั้งยังคิดจะทำการค้าสบู่ขึ้นมาอีกด้วย
“สบู่ คือสิ่งใด” ตู้หลานที่รักสวยรักงามยังไม่เคยได้ยินสบู่ที่ใช้อาบน้ำเลยสักครั้ง
อวี่หรันจึงให้เสี่ยวเหยานำสบู่ที่นางเคยทำไว้ใช้มาให้ตู้หลานนางได้ดู
“ประหลาดนัก” ตู้หลานสั่งให้แม่นมถานหาอ่างน้ำมาให้นาง นางอยากจะลองใช้สบู่