บทที่ 12
ป้าเหมยจึงได้พาแม่นมถานไปที่ห้องครัว เพื่อนำนมอุ่นและอ่างล้างมือมาให้นายของตน
“พวกท่านนั่งรอข้าสักครู่นะเจ้าค่ะ”
“เจ้าจะไปไหน” ตู้เฉิงอี้เอ่ยถามอย่างสงสัย
“ข้าจะให้นมซีซี หรือท่านจะให้ข้าให้ตรงนี้เลยเจ้าคะ” นางเอ่ยถามเขาอย่างหน้าตาย
“เพ้ย หรันหรัน เจ้าพูดเรื่องน่าอายเช่นนี้ออกมาได้อย่างไร” ตู้เฉิงอี้เอ่ยต่อว่านาง แต่ใบหูของเขากลับแดงอย่างเขินอาย
ถานเสวี่ยหานกับตู้หลานก็อ้าปากค้างอย่างตกตะลึง แม้จะรู้ว่าบุตรสาวของตนเปลี่ยนไปไม่น้อย แต่ไม่คิดว่านางที่เป็นคุณหนูในห้องหอ เรียบร้อยอ่อนหวานจะพูดเรื่องเช่นนี้ออกมาต่อหน้าเฉิงอี้ที่ยังไม่แต่งงานได้
อวี่หรันนางก็ไม่ได้คิดว่าสิ่งที่นางพูดจะทำให้ทุกคนมีอาการเช่นนี้ได้ นางอุ้มหยุนซีแล้วเข้าไปในห้องของนางแทน
ตู้เฉิงอี้ก็ได้แต่ปั้นหน้าขรึมไม่พูดสิ่งใด นางแปลกไปมาก แต่เป็นเช่นนี้ก็ดีแล้ว หากเป็นเช่นเมื่อก่อนไม่รู้ว่าเขาจะต้องเป็นห่วงนางที่ต้องใช้ชีวิตเช่นนี้มากเท่าใด
ไม่นานอวี่หรันนางกลับออกมาจากในห้อง แล้วส่งหยุนซีที่กินอิ่มแล้วให้แม่นมถานที่รอรับไปแทน
“หรันหรัน เจ้าไม่มีแม่นมหรอกรึ” ตู้หลานเอ่ยถามบุตรสาว
“ไม่เจ้าค่ะ”
“หรันหรัน เจ้าไปเก็บของเสีย แล้วเข้าไปอยู่ที่จวนในเมืองกับพ่อเถิด” ถานเสวี่ยหานไม่อาจทนให้บุตรสาวอยู่ที่เรือนหลังเล็กนี้ได้อีกแล้ว
“เอ่อ”
“ไปเถิด จวนหลังนั้นพ่อให้อาอี้ซื้อไว้ก่อนที่จะเดินทางมาที่เหอหนานเอง”
“เจ้าค่ะ”
อวี่หรันเดินออกไปสั่งคนของนางให้เก็บของทั้งหมดเพื่อย้ายเข้าไปอยู่ในเมือง
นางเดินไปบอกป้าฉีเรื่องที่จะย้ายเข้าไปอยู่จวนของบิดามารดาในเมือง ทั้งยังฝากบ้านกับนางด้วย
ถานเสวี่ยหานก่อนที่เขาจะกลับเข้าเมืองก็ให้เงินป้าฉีไว้ห้าร้อยตำลึงทอง เพื่อขอบคุณที่นางดูแลบุตรสาวของตนมาตลอดเวลาที่อยู่ที่นี่
ป้าฉีเคยเห็นเงินมาเพียงนี้เสียที่ไหน กว่าที่นางจะรู้สึกตัว ทั้งหมดก็ขึ้นรถม้าเคลื่อนตัวออกไปจากหมู่บ้านเสียแล้ว
เสี่ยวตงเมื่อกลับมาจากร้านในเมืองเขาก็เพิ่งรู้ว่าอวี่หรันนางย้ายไปอยู่กับบิดามารดานางเสียแล้ว แล้วยังตกใจกับจำนวนเงินที่บิดาของนางให้ไว้ไม่น้อย
อวี่หรันเมื่อมาถึงจวนตระกูลถานในเมืองนางก็ถูกจัดให้อยู่ในเรือนที่ไม่ห่างจากเรือนของบิดามารดานัก ตอนนี้หยุนซีถูกแม่นมถานรับมาดูแล
บ่าวของอวี่หรันก็ถูกพาไปเรือนของบ่าวที่อยู่ด้านหลัง แต่พวกเขาก็ยังได้อยู่แยกกันเช่นเดิม เหมือนที่อยู่ที่หมู่บ้าน เพราะอวี่หรันนางสั่งให้พ่อบ้านถานจัดการให้คนของนางเช่นนี้
ตอนที่นางจะเข้านอน นางรู้สึกแปลกกว่าทุกวัน เพราะวันนี้หยุนซีถูกพาไปนอนกับบิดามารดาของนาง อวี่หรันจึงออกมาจากเรือนเพื่อคิดจะไปรับบุตรชายมานอนด้วย
“ดึกปานนี้ เจ้าจะไปที่ใด” เฉิงอี้เอ่ยถามนางอย่างแปลกใจ
“ข้าจะไปรับซีซีมานอนด้วยเจ้าค่ะ”
“หรันหรัน เจ้าไม่คิดจะบอกเหว่ยกงเรื่องซีซีจริงหรือ”
อวี่หรันกอดอกเลิกคิ้วมองเฉิงอี้อย่างประหลาดใจ
“มีเหตุผลใดที่ข้าต้องบอกเขา”
“อย่างไรเขาก็เป็นบิดาของซีซี”
“ท่านไม่คิดหรือว่าอาจจะไม่ใช่เหว่ยกงอย่างที่ท่านพูดก็ได้”
“หรันหรัน เจ้า”
“เอาน่าข้าเพียงแค่ล้อเล่นเท่านั้น ท่านอย่าได้ทำหน้าเช่นนั้น”
“หรันหรัน เจ้าเปลี่ยนไปมากนัก”
“เวลาเปลี่ยน คนย่อมเปลี่ยน” อวี่หรันเงยหน้ามองขึ้นฟ้า
เจ้าของร่างเดิมคงมีนิสัยที่ต่างกับนางมากนัก ไม่เช่นนั้นทุกคนคงไม่ตกใจกับคำพูดของนางมากเพียงนี้
“จริงของเจ้า แต่ข้าไม่เคยเปลี่ยน” เฉิงอี้มองหน้านางอย่างมีความหมาย
“ท่านชอบข้าหรือ” อวี่หรันเอ่ยถามอย่างตาใส
“หรันหรัน เจ้านี่ช่าง ไป ข้าจะเดินไปส่งเจ้าที่เรือนท่านน้า” เฉิงอี้ถลึงตาใส่อวี่หรัน ก่อนจะเดินนำหน้าไปทางเรือนของถานเสวี่ยหาน
“แค่ถามเท่านั้น ต้องทำเข้มขนาดนี้ด้วย” อวี่หรันบ่นพึมพำเบาๆ นางไม่รู้เลยว่าคำพูดของนางยิ่งทำให้ใบหูของเฉิงอี้แดงมากกว่าเดิม
เฉิงอี้ชอบญาติผู้น้องของเขามาตั้งแต่เด็ก แต่เมื่อรู้ว่านางกับเหว่ยกงสหายของเขารักกัน เรื่องนี้เขาก็ไม่เคยได้บอกนางให้รับรู้มาก่อน