บทที่ 21
อาชิงตามองค์หญิงสิบสามมาจวบจนครึ่งทางก็เหนื่อยหอบนางจึงได้แต่นั่งคอยอย่างสงบ เมื่อคิดว่านานพอสมควรแล้วจึงจุดดอกไม้ควันสีม่วงเป็นสัญญาณบอกตำแหน่งขึ้นบนท้องฟ้า ในไม่ช้าองค์หญิงสิบสามก็ตามมาพบอาชิงที่ศาลาแห่งหนึ่งซึ่งห่างจากจวนแม่ทัพพอสมควร
นอกจากองค์หญิงสิบสามจะมาตามสัญญาณแล้วฉางอ๋องก็ตามมาถึงที่อย่างรวดเร็วพร้อมด้วยองครักษ์ประจำกาย
"เกิดเรื่องอันใดขึ้น เจ้าทำให้ข้ากังวลรู้หรือไม่"
เป็นเพราะดอกไม้ควันที่หากไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตายอาชิงจะไม่จุดเป็นอันขาด จึงทำให้อ๋องฉางอันเร่งรุดมาด้วยกลัวจะเกิดเรื่องร้าย
"พี่ใหญ่ คือว่ามีโจรถ่อยบังอาจมาล้วงกระเป๋าข้า จึงได้สั่งสอนมันไปแล้ว อีกทั้งคนเยอะอาชิงเกิดหาตัวข้าไม่พบจึงได้จุดดอกไม้ควันเป็นสัญญาณเจ้าค่ะ"
ครั้นได้ฟังเหตุการณ์ที่น้องสาวเล่าอ๋องฉางอันพลันมีโทสะขึ้นมา มันผู้ใดบังอาจถึงเพียงนี้
"ของมีค่าของเจ้าได้กลับคืนมาครบหรือไม่"
"เป็นถุงเงินถุงหนึ่งผู้คนหนาแน่นข้าจึงถูกล้วงไปโดยไม่รู้ตัว โชคดีที่ไหวตัวทันตามจับมันได้เลยสั่งสอนเสียหน่อย ท่านไม่ต้องห่วงคนของทางการมาทันการ ข้าจึงจับมันส่งทางการไปแล้ว"
"คนของทางการหรือ" อ๋องฉางอันมองน้องสาวด้วยความตกใจ
"พวกเขาเป็นทหารปลายแถวย่อมไม่รู้จักข้า"
"เจ้าแน่ใจนะ"
"ยิ่งกว่าแน่ใจ ไม่มีผู้ใดรู้จักข้าแต่นอน"
องค์หญิงสิบสามแต่งเรื่องหลอกลวงพี่ชาย หากเขารู้ว่านางแอบไปวาดรูปเห็นทีจะโดนดุเป็นแน่ โชคดีที่นางแอบซ่อนภาพวาดของเหล่าคุณชายไว้เรียบร้อยก่อนจะตามสัญญาณดอกไม้ควันของอาชิงมาที่นี่
"สิบสามอันตรายยิ่งพี่ไม่น่าปล่อยให้เจ้าออกมาเลย"
"ไม่อันตรายพี่ใหญ่ ไม่อันตรายเลยสักนิดท่านเองไม่ใช่หรือที่เป็นผู้พร่ำสอนวรยุทธ์ให้ข้านานๆ ได้ลงไม้ลงมือสักครั้งเป็นการรื้อฟื้นวิชา ความจริงต้องขอบคุณโจรพวกนั้นที่มาให้ข้าฝึกฝน"
"ยังจะมาพูดเล่นอีกจะให้พี่ใหญ่ของเจ้าอกแตกตายไปก่อนหรืออย่างไรทีหลังห้ามทำอะไรบุ่มบ่ามเช่นนี้อีก หากพวกมันมีวรยุทธ์เจ้าเป็นสตรีเพียงคนเดียวแต่โดนรุมทำร้ายเช่นนั้นอย่างไรก็รับมือลำบาก"
"ไม่ท่านตายไม่ได้ หากท่านตายผู้ใดจะดูแลข้าเล่า"
องค์หญิงสิบสามหัวเราะพรืดออกมากับท่าทางประดุจผู้ชราที่ห่วงบุตรสาวของพี่ชาย
นางไม่ได้เล่าว่าผู้ใดที่เป็นคนกระโดดมาช่วยนางด้วยเห็นว่าเป็นเรื่องไม่สำคัญ
ถึงเขาจะไม่โผล่มานางก็สามารถจัดการพวกนั้นได้ด้วยตนเองโดยที่เหงื่อไม่ตกสักเม็ดเลยก็ได้
คิดถึงเขาแล้วในใจเกิดความสงสัยไม่น้อยเหตุใดเป็นหยางเอ้อหลางที่ติดตามนางมา อีกทั้งยังลงมือช่วยนางด้วยตนเอง
บุรุษนักรบเช่นเขาไม่น่าสนใจเรื่องของชาวบ้าน
การที่เขาเข้ามายุ่งทั้งๆ ที่มีงานสำคัญของจวนเช่นนี้ องค์หญิงสิบสามจึงคิดว่าคนผู้นี้มีนิสัยสอดรู้สอดเห็นไม่น้อย หยุมหยิมคล้ายสตรีที่ชอบสอดรู้เรื่องชาวบ้าน นี่คือสิ่งที่นางนิยามความเป็นหยางเอ้อหลางเอาไว้ในใจ
ต่อไปคนผู้นี้นางต้องห่างให้มาก เขาเห็นหน้านางแล้วหากเจอกันในวังเขาอาจเอาไปพูดให้คนอื่นรู้ว่าเป็นนางที่แอบเกเรอยู่นอกวังจนมีเรื่องต่อยตี หากเป็นเช่นนั้นชื่อเสียงที่แทบจะไม่มีอยู่แล้วของนางคงยากกู้คืนแน่ ห่วงชื่อเสียงไม่พอ ยังห่วงเงินอันน้อยนิดของตนที่อาจถูกทำโทษจนโดนตัดอีก ถ้าเป็นเช่นนี้นางและคนในตำหนักคงได้อดตายจริงๆ เป็นแน่
"ไม่ได้การข้าต้องหาอาวุธให้เจ้าสักอย่างแล้ว หากข้าไม่อยู่ข้างกายอย่างน้อยพกกระบี่ไว้จะได้ปลอดภัย"
ความจริงอ๋องฉางอันเอ่ยมายาวเหยียดแต่องค์หญิงสิบสามฟังเข้าหูเพียงเรื่องนี้ นางดวงตาเป็นประกายแย้มยิ้มงดงามสดใสจนแสบตา อ๋องฉางอันพลันใจเต้นรัว เขากระแอมออกมาเพื่อข่มจิตใจให้สงบนิ่ง ไม่เผยความผิดปกติใดๆออกมา
"ขอบคุณพี่ใหญ่นอกจากท่านแล้วไม่มีผู้ใดดีต่อข้าอีกแล้ว" นางกอดแขนเขาแล้วแนบแก้มลงบนลำแขนของฉางอ๋องอย่างน่ารัก
"เจ้าประจบข้าเพราะจะได้กระบี่ที่ขอมานานใช่หรือไม่"
อ๋องฉางอันเอ่ยอย่างรู้ทันท่าทางดีใจใสซื่อขององค์หญิงสิบสามยิ่งกระตุ้นให้หัวใจภายในของเขาเต้นดังขึ้น เขาตบหน้าอกตนเองเพื่อเรียกสติ เขากำลังป่วยเพราะพิษของหินจันทราในร่างกายของสิบสามเป็นแน่ แต่เรื่องนี้เขาไม่อาจให้สิบสามรู้ได้
เด็กคนนี้หากห่วงเขาขึ้นมาก็จะพลอยไม่สบายใจไปด้วย เขาทนไม่ได้ที่ต้องเห็นนางเป็นกังวล
"ทูลท่านอ๋องได้เวลานัดหมายแล้วพ่ะย่ะค่ะ" องครักษ์ประจำกายของอ๋องฉางอันเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นว่าถึงเวลาที่ต้องไปตามีนัดหมายแล้ว
"นำทางเถิด"
"พ่ะย่ะค่ะ"
พวกเขาเดินมาจนถึงเหลาน้ำชาอันดับหนึ่งแห่งต้าชิง ฉางอ๋องให้องครักษ์คอยคุ้มกันองค์หญิงสิบสามอยู่อีกห้อง ส่วนเขานั้นเดินตรงเข้ามายังอีกห้องที่นัดหมายคนผู้นั้นเอาไว้
ภายในห้องเงียบสงัดมีบุรุษสองคนกำลังนั่งดื่มชารอฉางอ๋องอย่างสบายใจ
แค่เรื่องนำกระพรวนกลับคืนฉางอ๋องจึงไม่คิดปิดบังอำพรางกายให้เป็นที่สงสัย แต่เขาต้องแปลกใจเมื่อคนที่รอเขาอยู่นั้นกลายเป็นเทพสงครามหยางเอ้อหลางผู้นี้
ทันทีที่เห็นผู้ที่เข้ามา หยางเอ้อหลางรีบลุกขึ้นทำความเคารพตามศักดิ์ทันใด เขานึกไม่ถึงว่าเจ้าของกระต่ายตนนั้นจะกลายเป็นฉางอ๋องไปได้
"ที่แท้ก็คนกันเอง" อ๋องฉางอันเอ่ยขึ้นอย่างยินดี
"ข้าเองก็คาดไม่ถึงว่าจะเป็นท่านอ๋องเช่นกัน คนในราชวงศ์ที่กล้าหาญเลี้ยงเห็นจะไม่มีผู้ใดกล้านอกจากท่านที่เป็นอ๋องคนโปรดของฝ่าบาท"
"ท่านแม่ทัพกล่าวเกินจริงแล้ว ข้าหรือจะเป็นคนโปรดของฝ่าบาทหากจะเป็นคนโปรดจริงเห็นทีจะเป็นท่านมากกว่า"