บทที่ 18
“แม่ทัพผู้นี้ใบหน้าหล่อเหลาแต่ความจริงจิตใจโหดเหี้ยมนัก บิดามารดาตายในสงครามต่อหน้าต่อตาเป็นผู้อื่นคงบ้าไปแล้วแต่เขายังคงใบหน้าเรียบเฉยนำทัพออกรบสังหารผู้คนได้อย่างไม่สะทกสะท้าน ด้านในใจของเขานั้นอันตรายและน่ากลัวนัก”
“ท่านรู้หรือไม่ว่าท่านแม่ทัพนิยมบุรุษเพศเป็นพวกชอบตัดแขนเสื้อ เห็นองครักษ์ข้างกายของเขาหรือไม่ดูงดงามยิ่งกว่าสตรี ผู้นั้นคือบุรุษอุ่นเตียงของเขาพวกคุณหนูต้องอกหักแล้วเชื่อข้า”
หรือแม้กระทั่งข่าวลือที่ว่า
“ความจริงแล้วด้านนอกของเขาเป็นบุรุษแต่เพราะข้างกายล้วนเป็นสตรีหม้ายที่เลี้ยงดู เขาจึงมีใจเป็นหญิงเมื่ออยู่ภายในจวนผู้คนจึงไม่ค่อยพบเห็นเนื่องจากว่า เขาชอบแต่งกายเป็นสตรีเพราะถูกเลี้ยงดูมาเช่นนั้นดูนิ้วมือของเขาสิยาวดั่งนิ้วสตรีขาวผ่องงดงามตอนออกรบก็อาศัยบุรุษหนุ่มคอยปกป้องเขาจึงรอดจากสงครามมาได้”
องค์หญิงสิบสามเม้มปากยิ้ม นางอดหัวเราะกับข่าวลือเหล่านี้ไม่ได้ นางเคยพบเขาจริงๆมาแล้ว ทั้งเขาและองครักษ์คงมีเพียงเรื่องเดียวที่ข่าวลือเป็นจริงคือเหี้ยมโหดมาก ถึงขนาดจะจับกระต่ายที่น่าสงสารตัวน้อยเช่นนางไปตุ๋นกิน เรื่องนี้นับว่าเหี้ยมโหดที่สุด
องค์หญิงสิบสามกับอาชิงฝ่าฝูงชนออกมาจากหน้าจวนท่านแม่ทัพจนเหงื่อซึมสองนายบ่าวสะพายกระเป๋ารูปวาดด้วยความอิ่มเอมใจ จวบจนกระทั่งอาชิงชนเข้ากับคนผู้หนึ่งจนล้มลง องค์หญิงสิบสามรีบเข้าไปประคองปากตั้งใจจะต่อว่าคนผู้นั้นว่าเหตุใดเดินไม่ดูหนทางเช่นนี้ กระเป๋าที่องค์หญิงสิบสามสะพายอยู่ก็ถูกโจรวิ่งราวไปเสียแล้ว
“เจ้าโจรชั่วกลางวันแสกๆ กล้าขโมยของข้าหรือ”
องค์หญิงสิบสามดึงอาชิงให้ลุกขึ้น ใบหน้าแดงก่ำด้วยโทสะ นางโคจรพลังในร่างกายใช้วิชาตัวเบาทะยานร่างขึ้นสู่กำแพงของจวนแม่ทัพสอดส่ายสายตามองไปยังคนที่บังอาจขโมยทรัพย์สินอันมีค่าของนาง
“อยากตายหรืออย่างไรคืนของให้ข้าแต่โดยดี”
องค์หญิงสิบสามตะโกนเสียงดังลืมตัวแล้ว ด้วยใจตั้งใจจะจับโจรที่บังอาจขโมยของจึงได้ตะโกนออกไป ลำพังนางกระโดดขึ้นบนกำแพงด้วยวิชาตัวเบาก็ทำให้ชาวบ้านที่ไม่เป็นวรยุทธ์แตกตื่นจนวุ่นวาย นางยังตะโกนก้องออกไปเช่นนั้น เสียงผู้คนจึงเริ่มดังขึ้นราวกับกำลังมีการก่อจลาจล
“คุณหนูท่านระวังตัวด้วย”
อาชิงร้องตามหลังพลางวิ่งกระหืดกระหอบตามร่างขององค์หญิงสิบสามที่หายไปอย่างรวดเร็วในฝูงชนด้วยใบหน้าซีดเซียว
“มีโจร มีโจรร้าย”
เสียงชาวบ้านดังขึ้นพร้อมกับที่องค์หญิงสิบสามเห็นร่างของโจรผู้นั้นวิ่งหนีไปอย่างรวดเร็ว
ผู้คนต่างแตกตื่นวิ่งกระจัดกระจายสร้างความโกลาหลครั้งใหญ่
หยางเอ้อหลางเห็นสตรีผู้หนึ่งทะยานขึ้นไปยืนบนกำแพงใหญ่ของจวนแม่ทัพต่อหน้าต่อตาพลางตะโกนด่าทอโจรร้าย เขาจึงมองอย่างสนใจ เมื่อเห็นนางกระโดดหายไปทางหนึ่ง
หยางเอ้อหลางจึงสั่งองครักษ์ให้คอยคุ้มครองเหล่าฮูหยิน ก่อนจะกระโดดตามสตรีร่างเล็กผู้ห้าวหาญไป
ความจริงเขาควรปล่อยเรื่องนี้ให้เป็นหน้าที่ของทางการแต่เพราะเห็นนางเพียงผ่านแล้วใจรู้สึกสนใจยิ่งจึงได้ติดตามมาโดยที่ไม่เข้าใจความคิดของตนเองเหมือนกัน
คงเป็นเพราะเคยชินกับการอยู่สนามรบเห็นเรื่องใดชวนให้ขุ่นมัวจำต้องตรวจสอบด้วยตนเองทุกครั้ง
ครานี้ก็เช่นกันเขาจำต้องตรวจสอบด้วยตนเอง